เปิดตัวมาใหม่แล้วกับ Samsung Galaxy S25 ซีรีส์ โดยจุดที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดในรอบนี้ หนีไม่พ้นรุ่นท็อปอย่าง Galaxy S25 Utlra ที่ปรับดีไซน์ใหม่ มี Galaxy AI ที่เก่งขึ้น และที่สำคัญคือขายราคาเดิมเริ่มต้นที่ 256 GB - 46,900 บาท
บทความนี้มาสรุปให้อ่านกันว่า ของใหม่ที่เปลี่ยนแปลงใน Galaxy S25 Ultra รอบนี้มีอะไรบ้าง Galaxy AI เก่งขึ้นแค่ไหน ทำอะไรได้บ้าง ใช้งานฟรีแค่ไหน แล้วการอัปเกรดกล้องที่เพิ่มความละเอียดเลนส์มุมกว้างมาช่วยอะไรบ้าง ไล่อ่านกันได้เลย
1.ปรับดีไซน์ใหม่ พร้อมสีใหม่
Galaxy S25 Ultra มีการปรับดีไซน์ตัวเครื่องจากขอบโค้ง กลายมาเป็นขอบตัดเรียบร้อยแล้วในปีนี้ ซึ่งเป็นการปรับดีไซน์เหมือนที่ก่อนหน้านี้ปรับมาแล้วใน Z Fold6 และ Z Flip6 ทำให้ตัวเครื่องจับได้ถนัดมือมากขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องขอบจอโค้งอีกต่อไป
โดยสิ่งที่เปลี่ยนแปลงตามมาคือตัวเครื่องบางลง เหลือ 8.2 มม. จากรุ่นก่อนหน้าที่ 8.6 มม. และได้ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเป็น 6.9 นิ้ว จากรุ่น S24 Ultra ที่ให้มา 6.8 นิ้ว โดยเป็นการลดขนาดของขอบจอให้บางลง เพื่อให้ได้จอแสดงผลเต็มพื้นที่มากขึ้น ทำให้ขนาดความสูง ความกว้างของตัวเครื่องใกล้เคียงเดิม และน้ำหนักเบาลงเหลือ 218 กรัม
หน้าจอที่ให้มายังคงเป็น Dynamic AMOLED 2X เช่นเดิม มี Adaptive Refresh Rate 1-120 Hz ไม่ได้มีการปรับตัวฮาร์ดแวร์มากนัก แต่พัฒนาในส่วนของซอฟต์แวร์ที่มาช่วยประมวลผลทำให้การแสดงผลเนื้อหาบนหน้าจอชัดเจนมากขึ้นแทน
สำหรับสีไฮไลต์ของ S25 Ultra ในรอบนี้ คือ สีไทเทเนียมน้ำเงิน (Titanium Silverblue) ที่เป็นสีออกโทนน้ำเงินอ่อนๆ ตามด้วยสีขาว (Titanium Whitesilver) สีดำ (Titanium Black) และสีไทเทเนียมธรรมชาติ (Titanium Gray)
รวมกับสีพิเศษที่มีให้สั่งเฉพาะช่องทางออนไลน์อย่าง สีเขียว (Titanium Jadegreen) สีดำ (Titanium Jetblack) และสีทองชมพู (Titanium Pinkgold) ซึ่งจะเปิดให้สั่งผ่าน https://www.samsung.com/th/mobile/ เท่านั้น
2.อัปเกรดกล้อง ชิป
ถัดมาในส่วนของอัปเกรดภายใน Galaxy S25 Ultra รอบนี้ เปลี่ยนมาใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 8 Elite for Galaxy ไม่ใช่เฉพาะในรุ่น Ultra แต่รวมถึง S25 และ S25+ ด้วย โดยมาพร้อมกับ RAM 12 GB ทุกรุ่น มีพื้นที่เก็บข้อมูลให้เลือกตั้งแต่ 256 GB 512GB และ 1 TB เฉพาะรุ่น Ultra เท่านั้น
นอกจากการเปลี่ยนชิปใหม่ที่แรง และประหยัดพลังงานมากขึ้นแล้ว ภายในของ Galaxy S25 Ultra ยังได้ปรับปรุงการระบายความร้อน เพิ่ม Vapor Chamber ให้มีขนาดใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น ทำให้สามารถกระจายความร้อนได้ดีกว่ารุ่นเดิม
แบตเตอรี่ที่ให้มาใน Galaxy S25 Ultra อยู่ที่ 5,000 mAh รองรับการชาร์จเร็วที่ 45W รวมถึงรองรับการชาร์จไร้สายที่ 15W มาให้ใช้งานด้วย ซึ่งไม่ได้แตกต่างจาก S24 Ultra มากนัก
ในส่วนของกล้องถ่ายภาพหลักๆ แล้วจะมีจุดเปลี่ยนแปลงหลักคือเพิ่มความละเอียดของเลนส์มุมกว้างเป็น 50 ล้านพิกเซล ทำงานร่วมกับเลนส์หลัก 200 ล้านพิกเซล เลนส์ Periscope 5x ที่ 50 ล้านพิกเซล และเลนส์ซูม 3x ที่ 10 ล้านพิกเซล ทำให้ได้การถ่ายมาโครความละเอียดสูงเพิ่มเข้ามา
ขณะที่การอัปเกรดของกล้องหลักๆ คือการปรับปรุงเฟิร์มแวร์ให้มีการปรับแต่งภาพได้ลงตัวมากขึ้น โดยเฉพาะสกินโทนต่างๆ ให้ตรงกับความเป็นจริงมากขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยีประมวลผลภาพมาช่วยลด Noise ต่างๆ ที่เกิดจากการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ทำให้คาดว่าโดยรวมจะได้ภาพที่ดีขึ้นจากรุ่นก่อน แม้ใช้เซ็นเซอร์เดิมก็ตาม
ทั้งนี้ ใครที่คาดหวังว่า Galaxy S25 Ultra จะมาแข่งในตลาดถ่ายคอนเสิร์ตได้เหมือนก่อน อาจต้องผิดหวัง เพราะจากที่ทดสอบเบื้องต้น ยังเป็นรองมือถือที่มาตีตลาดนี้โดยเฉพาะอย่าง X200 Pro หรือ Find X8 Pro ยังไม่ได้
3.Galaxy AI เก่งขึ้น
มาถึงไฮไลต์สำคัญ กับการที่ซัมซุงโปรโมตว่าจะมีผู้ช่วยส่วนตัวคนไทย รอบนี้ Galaxy S25 ซีรีส์ ทั้ง 3 รุ่น มากับ Galaxy AI ที่ปรับปรุงใหม่ เข้าใจภาษาไทย และรองรับการสนทนา พูดคุยที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น จากความสามารถของ Gemini Advance ที่ให้มาใช้งานในเครื่อง ใช้งานได้ฟรีถึงสิ้นปีนี้
ดังนั้น ถ้าใครที่ใช้งาน Gemini แบบเสียเงิน อยู่แล้ว จะคุ้นเคยกับความสามารถใหม่ของ Galaxy AI ที่ได้มาใช้งานแบบไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทำให้เราสามารถสั่งงาน Gaalxy AI เพื่อค้นหาข้อมูล ไอเดียต่างๆ รวมถึงสั่งให้ตั้งตารางปฏิทิน เปิดเพลงใน Spotify หรือส่งข้อความใน Whatsapp ได้แล้ว
ความสามารถที่เพิ่มเติมขึ้นมาใน S25 ซีรีส์ คือสามารถสั่งงานข้ามแอป ที่นอกเหนือจาก Google ได้ อย่างเช่นให้สรุปข้อมูลลงไปไว้ใน Samsung Notes หรือการค้นหาตารางคอนเสิร์ต และบันทึกเข้าปฏิทินในเครื่องทันที
4.ถ่ายรูปหมู่ด้วย Best Face ลบเสียงรบกวนใน Audio Eraser
สำหรับ 2 ฟีเจอร์เด่นที่มีมาเพิ่มใน Galaxy S25 Ultra รอบนี้ คือโหมดการถ่ายภาพแบบ Motion Photo ที่เมื่อเปิดใช้งาน และมีการถ่ายภาพบุคคลแบบหลายๆ ใบหน้าในรูปเดียว ตัวเครื่องจะมีโหมดปรับแต่งเพิ่มเติมที่เรียกว่า Best Face ขึ้นมา
เปิดทางให้ผู้ใช้สามารถเลือกใบหน้าที่ดีที่สุดของแต่ละคน เพื่อปรับแต่งในรูปได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องกล้องใครคนนั้นรอดอีกต่อไป เพราะสามารถเลือกปรับเฉพาะใบหน้าของแต่ละคนได้เลย
อีกฟีเจอร์ที่โดดเด่นไม่แพ้กันคือ Audio Eraser ที่สามารถปรับแต่งเสียงของวิดีโอที่อยู่ในเครื่องได้ อย่างการถ่ายคอนเสิร์ต หรือถ่ายวิดีโอในสถานที่ต่างๆ เมื่อทำการสแกนไฟล์แล้ว จะมีเครื่องมือขึ้นมาให้เลือกปรับเสียง ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูด เสียงเพลง เสียงรบกวน เสียงลม เสียงธรรมชาติ และเสียงผู้คนจอแจ
ที่จะใช้ AI มาสแกนเสียงต่างๆ และเปิดให้เราเลือกได้ว่าจะปรับเพิ่ม หรือลดเสียงที่สแกนเจอ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ อย่างถ้าอยากร้องเพลงคาราโอแกะ ก็สามารถหามิวสิกวิดีโอมาปรับลดเสียงร้องให้เหลือแต่เสียงดนตรีได้
5.One UI 7 พร้อม Now Brief - Now Bar
สุดท้ายที่ผู้ใช้งาน Galaxy S25 ซีรีส์ จะได้ใช้งานก่อนใครคืออินเตอร์เฟซใหม่ One UI 7 ที่ครอบมาบน Android 15 มีการปรับปรุงดีไซน์ให้สวยงาม เป็นมิตรกับการใช้งานมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของการตั้งค่าในแถบ Control Center ที่ปรับให้มีความมินิมอลมากขึ้น
นอกจากนี้ Samsung ยังเพิ่มความสามารถใหม่ของ Now Bar ที่จะเป็นเหมือนแถบแสดงผลในหน้าจอล็อกสกรีน อย่างเครื่องมือควบคุมเพลง หรือกิจกรรมต่างๆ ในลักษณะของ Live Activities เช่น เวลาที่สั่ง Grab แล้วมีสถานะให้ดูว่ากำลังจัดส่งออกมาจากร้านอาหาร ใกล้ถึงเราแล้ว
กับอีกส่วนคือ Now Brief ที่จะคอยให้ข้อมูลสำคัญแก่ผู้ใช้งานในปัจจุบัน อย่างตื่นเช้ามามีการแจ้งข้อมูลสภาพอากาศ ตารางนัดหมายต่างๆ หรือถ้ามีเดินทางไปต่างประเทศ ก็จะเพิ่มข้อมูลในประเทศนั้นๆ มาให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญๆ ได้ทันที ช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกขึ้น
ปิดท้ายที่ราคาจำหน่ายของ Samsung Galaxy S25 Ultra จะวางจำหน่ายในรุ่นเริ่มต้น 256 GB ราคา 46,900 บาท ตามด้วย 512 GB ราคา 52,900 บาท และ 1 TB ราคา 62,900 บาท ซึ่งถ้าใครมีการลงทะเบียนความสนใจสั่งจองไว้ล่วงหน้า จะได้รับสิทธิอัปเกรดความจุเพิ่มขึ้นอัตโนมัติ ทำให้สามารถซื้อเครื่อง 512 GB ในราคา 256 GB ได้ทันที