กลับมาอีกครั้ง กับหนึ่งในซีรีส์โน้ตบุ๊กที่ขายดีที่สุดของเอซุส (ASUS) กับผลิตภัณฑ์ในตระกูล Vivobook S 14 ที่รอบนี้ปรับดีไซน์ตัวเครื่องให้มีความมินิมอล เพิ่มความเรียบหรู ตัวเครื่องบางเบา พกพาง่ายกับน้ำหนักตัว 1.3 กิโลกรัม ในราคา 49,990 บาท
ตัวเครื่องมากับหน้าจอที่ดีที่สุด ASUS Lumina OLED ขนาด 14 นิ้ว ให้สีสันสวยสด คมชัด และตัวเครื่องรองรับการทำงานของ AI โดยเฉพาะ กับการเป็นเครื่องในกลุ่ม Copilot+PC ของ Microsoft บนชิปประมวล Intel Core Ultra 7 285V ให้พลังในการประมวลผล AI ถึง 47 TOPS แบตเตอรี่ 75Wh ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน
ข้อดี
- วัสดุตัวเครื่องอัปเกรดใหม่ใกล้เคียงกับ Zenbook
- รองรับการใช้งาน AI จาก Intel Core Ultra และ Windows 11 ที่มี Copilot มาพร้อม
- พอร์ตเชื่อมต่อครบ รองรับ WiFi 7
ข้อสังเกต
- ตัวเครื่องติดรอยนิ้วมือค่อนข้างง่าย
- ราคาเครื่องขยับเข้าไปใกล้ Zenbook มากขึ้น
- ความสว่างจอภาพสูงสุดอยู่ที่ 600 nits อาจยังไม่เหมาะกับใช้งานในทุกสภาพแสง
ชูความสามารถ โน้ตบุ๊ก AI จาก ASUS Copilot+PC
ความโดดเด่นหลักๆ ของ ASUS Vivobook S 14 ที่มากับชิปประมวลผล Intel Core Ultra 7 285V รุ่นนี้ คือการที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งาน AI ของกลุ่มคนทำงาน นักเรียน นักศึกษา ที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูง เหมาะกับการใช้งานนอกสถานที่ และยังได้ในเรื่องของความบันเทิงตามมาด้วย
เมื่อเป็นโน้ตบุ๊กที่สามารถทำงาน AI ได้สูงสุดถึง 47 TOPS เมื่อใช้งานร่วมกับ Windows 11 ที่มีการพัฒนา AI มาให้ใช้งานอย่าง Copilot ยิ่งตอบสนองการใช้งานได้อย่างน่าสนใจ เรียกได้ว่าต้องการอะไร อยากได้อะไร ให้ถาม Copilot ได้เลย แถมยังสะดวกขึ้นจากการที่มีปุ่ม Copilot มาให้เรียกใช้งานด้วยและยังรองรับ features อื่นๆ สำหรับ Copilot+PC อีกเพียบ
การพัฒนา Copilot ในรอบนี้ Microsoft ปรับปรุงมาในหลายๆ ส่วนที่คุ้นกันดีอย่างการทำงานร่วมกับ Microsoft Teams ใช้ในการสรุปประชุม หรือแม้แต่การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ ส่วนผู้ที่รับชมวิดีโอก็สามารถเปิดใช้งาน Live Caption เพื่อสร้างคำบรรยายวิดีโออัตโนมัติได้
ขณะที่ทาง ASUS ได้เพิ่มความโปรแกรมใหม่ที่มาช่วยจัดการรูปภาพภายในเครื่องอย่าง StoryCube ที่จะคอยรวบรวมไฟล์ภาพนิ่ง วิดีโอ ด้วยการนำ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มเติมอย่างสถานที่ ช่วงเวลา เพื่อนำเสนอออกมาเป็นไฮไลต์คลิปสั้นในกิจกรรมต่างๆ
เมื่อรวมกับประสิทธิภาพของชิป Intel Core Ultra 200v ที่ให้มา ทำให้เครื่องรุ่นนี้สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ครอบคลุม ตั้งแต่การใช้งานเอกสาร ท่องเว็บไซต์ ไปจนถึงงานที่ต้องประมวลผลมากขึ้น อย่างเล่นเกม การตกแต่งรูปภาพ ไปจนถึงงานตัดต่อคลิปวิดีโอสั้นก็รองรับได้อย่างสบายๆ
ดีไซน์ เรียบหรู
กลับมาที่ตัวเครื่องของ ASUS Vivobook S 14 ตัวเครื่องในเวอร์ชันปีนี้ ปรับปรุงขึ้นมาใช้เป็นวัสดุอะลูมิเนียมเกรดเดียวกับ Zenbook ทำให้ตัวเครื่องดูทนทาน แข็งแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อรวมกับโทนสีดำ Neutral Black ทำให้เครื่องดูมีความสุขุม เหมาะกับการพกพาไปใช้งานได้ทุกที่
ขนาดของตัวเครื่อง ASUS Vivobook S14 OLED อยู่ที่ 310.5 x 221.9 x 13.9 ~ 15.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.3 กิโลกรัม นับว่าเป็นโน้ตบุ๊กที่มีน้ำหนักเบา เพราะได้หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 14 นิ้ว ให้ใช้งาน
ความพิเศษของหน้าจอ ASUS Lumina OLED ขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด 3K (2880 x 1800 พิกเซล) ที่มีสัดส่วน 16:10 รุ่นนี้ ให้ความสว่างที่ 400 nits และดันความสว่างสูงสุดได้ขึ้นไปถึง 600 nits แถมยังมาพร้อมกับอัตราการแสดงผล (Refresh Rate) ที่ 120 Hz ด้วย
ประกอบกับการเป็นหน้าจอ OLED ทำให้สามารถแสดงผลสีได้คมชัด และแม่นยำ โดยเฉพาะสีดำที่ดำสนิท ให้คอนทราสต์ที่สูงถึง 1,000,000:1 มีค่าความคลาดเคลื่อนสีต่ำกว่า 1 และทาง ASUS ยังมีโหมดถนอมหน้าจอ OLED Power Saving มาให้ปรับใช้งานเพิ่มเติม เพื่อยืดอายุการใช้งานด้วย
ด้านบนหน้าจอมากับกล้องความละเอียด Full HD พร้อมฟังก์ชัน IR รองรับการปลดล็อกด้วยใบหน้ากับ Windows Hello และยังมีม่านชัตเตอร์มาให้เลื่อนปิดใช้งานเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มากขึ้น ในยุคที่การทำวิดีโอคอลกลายเป็นวิถีชีวิตการทำงานรูปแบบใหม่ไปแล้ว
ส่วนคีย์บอร์ดที่ให้มากับขนาดมาตรฐาน เพิ่มเติมด้วยไฟตกแต่งแบบ RGB ที่ผู้ใช้สามารถเลือกเอฟเฟกต์การแสดงผล เพิ่มลดความสว่างได้ ใครที่ชอบคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊กสไตล์เกมเมอร์น่าจะถูกใจคีย์บอร์ดที่มากับรุ่นนี้
ตามมาด้วยทัชแพดขนาดใหญ่ ที่เพิ่มความอเนกประสงค์มากขึ้น ด้วยคำสั่งลัดในการปรับเพิ่มความสว่างหน้าจอที่ขอบขวา ปรับเพิ่มลดเสียงที่ขอบฝั่งซ้าย ส่วนขอบบนจะใช้แทนแถบควบคุมมัลติมีเดียต่างๆ
พอร์ตเชื่อมต่อครบรองรับทุกการใช้งาน-แบตอึด รองรับการใช้งานทั้งวัน
ASUS Vivobook S 14 นับเป็นอีกรุ่นที่ตอบโจทย์ในเรื่องการเชื่อมต่อ เพราะให้พอร์ตเชื่อมต่อมาได้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น HDMI 2.1 มีช่อง Thunderbolt 4 USB-C ให้ 2 พอร์ต พร้อมช่องอ่านไมโครเอสดีการ์ด และช่องเสียบออดิโอ 3.5 มม. ส่วนอีกฝั่งจะเป็น USB 3.2 Type-A ให้ให้งานอีก 2 พอร์ต
ขณะที่การเชื่อมต่อไร้สายของรุ่นนี้ให้เทคโนโลยีมาสุด ทั้ง WiFi 7 บลูทูธ 5.4 ก็ให้มาครบ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อทั้งมีสาย ไร้สาย พกพาไปทำงานนอกสถานที่ เครื่องรุ่นนี้ตอบโจทย์ได้อย่างน่าประทับใจ
ในส่วนของแบตเตอรี่ที่ให้มา มีขนาด 75 Wh พร้อมเทคโนโลยีใหม่ที่มาช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ทั้งการเพิ่มรอบการชาร์จจาก 1,000 รอบ เป็น 1,200 รอบ รวมถึงโหมดถนอมแบตใน MyASUS Battery Health ที่จะจำกัดการชาร์จไว้ที่ 80% เพื่อยืดอายุการใช้งานออกไปอีก โดยในกล่องมีอะแดปเตอร์ชาร์จ 65W ขนาดพกพามาให้ด้วย
สเปกของ ASUS Vivobook S 14 ตัวเครื่องมากับชิป Intel Core Ultra 7 258V ให้ประสิทธิภาพในการประมวลผลที่ดีกว่ารุ่นแรกถึง 27% และมี NPU แยกออกมาช่วยประมวลผลงาน AI ที่สามารถรันได้ 47 TOPS ขณะที่ให้ RAM มาจัดเต็ม 32 GB LPDDR5X SSD 1 TB NVMe 4.0 รองรับการจัดเก็บข้อมูลได้อย่างเต็มที่
สรุป
ASUS Vivobook S 14 (S5406) ที่เปิดราคามา 49,990 บาท นับเป็นกลุ่มโน้ตบุ๊ก AI ประสิทธิภาพสูงที่รองรับการใช้งานต่อเนื่องไปถึงอนาคตได้สบายๆ เหมาะกับผู้ที่กำลังมองหาโน้ตบุ๊กไว้พกพาใช้งาน รองรับการทำงานที่หลากหลาย โดยเฉพาะผู้ที่ศึกษาใช้งาน AI ที่จะมาช่วยทำงานอย่าง Copilot ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการทำงานได้อย่างเต็มที่
#ASUSTH | #Windows11Home | #VivobookS14
ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.asus.com/th/laptops/for-home/vivobook/asus-vivobook-s-14-oled-s5406/