ในไลน์สินค้ากลุ่มองค์กรธุรกิจของ ASUS ชื่อของ ExpertBook ได้รับความเชื่อมั่นจากกลุ่มผู้ใช้ที่ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ จากโน้ตบุ๊กสุดบางเบาสำหรับผู้บริหาร ไปจนถึงโน้ตบุ๊กพกพาสะดวกของทีมงานที่แฝงด้วยมาตรฐานความปลอดภัย และความคงทนแข็งแรงในการใช้งาน
ปีนี้ ASUS มีการอัปเกรดชิปเซ็ต และกราฟิกเพิ่มเติมใน ASUS ExpertBook B5 ให้รองรับการใช้งานที่หลากหลายขึ้น ทั้งชิป Intel Core i7-1270P vPro มาทำงานคู่กับ Intel Arc 350M ช่วยให้รองรับงานกราฟิกภายในองค์กรได้ตอบโจทย์มากขึ้น และที่สำคัญคือระบบปฏิบัติการ Windows 11 Pro ที่ให้ความปลอดภัยในระดับองค์กร
จุดที่น่าสนใจคือ ASUS ExpertBook B5 สามารถเลือกปรับแต่งได้ว่า ต้องการเป็นหน้าจอสัมผัสเพื่อรองรับการใช้งานร่วมกับปากกาสไตลัสแบบหน้าจอ Flip หรือจะขยับความละเอียดหน้าจอขึ้นเป็น OLED เพื่อให้แสดงผลสีได้ละเอียด และแม่นยำขึ้นตามมาตรฐาน 100% DCI-P3 ได้ด้วย
ข้อดี
โน้ตบุ๊กดีไซน์เรียบหรู ประสิทธิภาพสูง ความปลอดภัยแน่น
รองรับทั้งงานทั่วไป และงานกราฟิกจากสเปกที่ปรับแต่งได้
พอร์ตเชื่อมต่อครบถ้วนทั้ง HDMI, LAN, USB 3.2 และช่องเสียบหูฟัง
คีย์บอร์ดแบบ Full-Size และทัชแพดขนาดใหญ่
ข้อสังเกต
ตัวเครื่องขนาด 16 นิ้ว เริ่มต้น 1.4 กก.
NumberPad มีขนาดค่อนข้างเล็ก
ออกแบบเพื่อใช้งานในภาคธุรกิจ
โจทย์หลักของ ASUS ในส่วนของ ExpertBook คือการฟังเสียงผู้ใช้งานเพื่อนำไปปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้รองรับการใช้งาน ซึ่งที่ผ่านมากลุ่มผู้ใช้งานในภาคธุรกิจจะมีความต้องการเพิ่มเติมในแง่ของประสิทธิภาพตัวเครื่องที่ต้องการเครื่องแรง มีการ์ดจอแยกให้เลือกใช้ แต่ไม่อยากไปจบที่เกมมิ่งโน้ตบุ๊ก
ทำให้ ExpertBook B5 มีการปรับปรุงในแง่ของตัวเลือกชิปเซ็ต และการ์ดจอให้รองรับการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งในรุ่นล่าสุดสามารถเลือกใช้งานได้ถึง 12 Gen Intel Core-i7 vPro ตามด้วยการ์ดจอ Intel Arc 350M และใส่ RAM ได้สูงสุด 64 GB และ SSD 2 TB ที่สามารถทำ RAID ได้
ทั้งนี้ รุ่นที่ ASUS วางจำหน่ายจะมากับ RAM DDR5 16GB และ Storage 512GB M.2 NVMe PCIe 4.0 SSD บน Core i7-1270P vPro หน้าจอ OLED 16 นิ้ว ในราคาเริ่มต้น 56,000 บาท
เรียกได้ว่าเป็นสเปกที่รองรับการทำงานในภาคธุรกิจได้อย่างเพียงพออยู่แล้ว โดยเฉพาะในงานสายกราฟิกอินเฮาส์ในการขึ้นงานเบื้องต้น หรือการทำคอนเทนต์ใข้งานในโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ หรือกลุ่มผู้ใช้ที่ทำงานกับตัวเลขต้องการเครื่องที่ประมวลผลได้ทันก็ใช้งานได้
กลับมาที่ดีไซน์ของตัวเครื่อง จากการที่เป็น ExpertBook ทำให้ดีไซน์จะคุมโทนสีดำ หรือน้ำเงิน ที่สามารถพกพาไปใช้งานได้ในทุกสถานที่แบบเซฟๆ ในโทนสีน้ำเงินเข้ม (Star Black) ในผิวสัมผัสแบบด้านที่ช่วยลดการติดของรอยนิ้วมือไปในตัว โดยมีตัวเครื่องขนาด 358.2 x 261.2 x 19.9 มม. น้ำหนักเริ่มต้นราว 1.4 กิโลกรัม
หน้าจอตัวเครื่องมีขนาด 16 นิ้ว สามารถเลือกได้ว่าจะใช้เป็นจอ LCD ความละเอียด WXUGA ที่เป็นแบบลดแสงสะท้อน (รุ่นที่ได้มาทดสอบ) หรือจะใช้เป็นจอ OLED 4K ที่แสดงสีได้แม่นยำมาตรฐาน 100% DCI-P3 ก็ได้ แน่นอนว่าราคาก็จะปรับขึ้นเล็กน้อย
ถัดลงมาในส่วนของคีย์บอร์ดที่ให้มาเป็นแบบ Full-Size เหมาะกับการพิมพ์งาน หรือใช้เวลากับแป้นพิมพ์ค่อนข้างเยอะ มีการยกฐานคีย์บอร์ดขึ้นมาแบบ ErgoLift เมื่อกางหน้าจอ ทำให้ลดการปวดเมื่อยข้อมือด้วย นอกจากนี้ยังมีปุ่มตัวเลขมาให้ใช้งานสำหรับการป้อนข้อมูลตัวเลขต่างๆ เพิ่มเติม
สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือทัชแพดขนาดใหญ่ที่ให้มาขนาดใหญ่ ในสัดส่วน 16:10 เช่นเดียวกับหน้าจอ ทำให้สามารถลากเคอเซอร์เมาส์ใช้งานได้ทั่วถึง โดยไม่ต้องค่อยๆ เลื่อนไป พร้อมกับรองรับการสั่งงานแบบมัลติทัชสูงสุด 4 นิ้วพร้อมกันในการสลับหน้าจอ
การเชื่อมต่อครบ และปลอดภัย
อีกปัจจัยที่สำคัญในการเป็นโน้ตบุ๊กองค์กรคือการมีพอร์ตเชื่อมต่อที่ครบถ้วน และทุกการเชื่อมต่อสามารถควบคุมได้ เพื่อป้องกันเรื่องการรั่วไหลของข้อมูล ทำให้ใน ExpertBook B5 รุ่นนี้ มาพร้อมกับ ASUS Business Manager 3.0 ที่จะคอยควบคุมการใช้งานตัวเครื่องของพนักงานในองค์กร
โดยจะครอบคลุมทั้งในแง่ของการเชื่อมต่อไร้สายที่รุ่นนี้รองรับ WiFi 6E (802.11ax) มาพร้อมกับ ASUS WiFi Master ที่จะคอยดูแลเรื่องการเชื่อมต่อกับแอคเซสพอยต์ที่ให้สัญญาณดีที่สุด และรองรับบลูทูธ 5.2
ขณะที่พอร์ตเชื่อมต่อจะมีมาให้ทั้ง Thunderbolt 4 (USB-C) 2 พอร์ต RJ-45 (LAN) HDMI USB 3.2 Type A USB 2.0 Type A ช่องล็อก Kensington ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และช่องอ่านไมโครเอสดีการ์ดมาให้
นอกจากนี้ที่ขอบเครื่องยังเป็นที่อยู่ของปุ่มเปิดเครื่องพร้อมเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือเพื่อความปลอดภัย ทำงานร่วมกับ Windows Hello ทางฝั่งขวา หรือจะใช้งานปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้าจอกล้องเว็บแคมก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่อย่าลืมเลื่อนเปิด Webcam Shield ที่ให้มาด้วยเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน
พัฒนาฟีเจอร์ให้เข้ากับยุค
จุดที่ ASUS ปรับปรุงเพิ่มมาในยุคที่การประชุมออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติกับการทำงานยุคไฮบริด ด้วยการเพิ่มไฟ LED แสดงสถานะเข้ามาที่มุมซ้ายบนของฝาตัวเครื่อง บริเวณสัญลักษณ์ ExpertBook ทำให้เพื่อนร่วมงานรู้ว่ากำลังเข้าประชุมอยู่เมื่อไฟสีแดงติดขึ้นมา
รวมถึงเรื่องของการนำ AI มาช่วยสำหรับการประชุมออนไลน์ทั้งในเรื่องของภาพ และเสียง ทำให้ได้ภาพที่คมชัดขึ้น การเบลอพื้นหลังที่เนียนขึ้น และการตัดเสียงรบกวนเพื่อเน้นให้เสียงพูดคมชัดมากที่สุด โดยการทำงานต่างๆ ของ AI พวกนี้สามารถเข้าไปเลือกเปิดหรือปิดการใช้งานก็ได้
ในแง่ของประสิทธิภาพ ตัวเครื่อง ASUS ExpertBook B5 (B5602CBN) มากับระบบปฏิบัติการ Windows 11 Pro ทำงานบนชิปเซ็ต 12 Gen Intel Core i7-1270P 4.8 GHz พร้อมกราฟิก Intel Arc A350M ที่ทางอินเทลพัฒนาขึ้น และให้ RAM มา 24 GB (RAM ในตัวเครื่อง 8 GB ใส่เพิ่มได้อีก 32 GB)
ขณะที่แบตเตอรีรุ่นนี้ให้มาแบบ 4 เซลล์ 84 Whr โดยทางเอซุสระบุว่าสามารถใช้งานได้ราว 13 ชั่วโมง ซึ่งลองทดสอบใช้งานดูจะได้อยู่ราว 11.23 ชั่วโมง ซึ่งน่าจะอยู่กับความสว่างของหน้าจอขณะใช้งานด้วย ส่วนถ้าใช้งานหนักๆ อย่างการเล่นเกม หรือประมวลผลกราฟิกสูงๆ ต่อเนื่องจะอยู่ที่ราว 2 ชั่วโมง
อะเดปเตอร์ที่ให้มาขนาด 90W เป็นหัวแบบ USB-C ทำให้สามารถชาร์จแบตได้ 60% ภายใน 30 นาที โดยภายในกล่องจะให้เมาส์ไร้สายเชื่อมต่อกับบลูทูธผ่าน USB-A มาให้ด้วย ทำให้พร้อมใช้งานได้ทันทีที่แกะกล่องออกมา
สรุป
ASUS ExpertBook B5 (B5602CBN) รุ่นที่มากับการ์ดจอแยก Intel Arc A350M จะเหมาะกับการใช้งานในภาคธุรกิจที่มองหาเครื่องที่มีสเปกสูงขึ้นมาจากรุ่นเริ่มต้น ทำให้รองรับการทำงานที่หลากหลายขึ้นกว่าเดิม อย่างงานกราฟิก หรืองานที่ต้องใช้การประมวลผลของ GPU มาช่วย
ขณะเดียวกัน ด้วยการที่เป็น ExpertBook B5 ที่มากับดีไซน์เรียบๆ เน้นการใช้งาน พอร์ตครบ แบตเตอรีใช้ได้ตลอดวัน พกพาไปใช้งานที่ไหนก็ได้ ตามด้วยเรื่องของความปลอดภัย จึงทำให้โน้ตบุ๊กรุ่นนี้ เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรธุรกิจที่ได้เวลาเปลี่ยนเครื่องใหม่
ที่สำคัญคือเรื่องของการรับประกันที่ทาง ASUS ได้พัฒนา ASUS Exclusive Care ที่มากับบริการตรวจซ่อมฟรีถึงที่ 3 ปี (3 Year Onsite Service) ครอบคลุมการรับประกัน 82 ประเทศ 3 ปี (3 Year Global Warranty) และ เพิ่มการรับประกันอุบัติเหตุ 1 ปี (1 Year Perfect Warranty)
#ASUSExpertBookB5 #Windows11Pro