นับเป็นสมาร์ทวอทช์ที่ออกรุ่นใหม่มาอย่างต่อเนื่องกับ Amazfit GTR ในรุ่นที่ 4 ที่คราวนี้ปรับปรุงขึ้นมาให้น่าใช้งานมากขึ้น ทั้งในแง่ของดีไซน์ตัวเรือนที่มีความเรียบหรูมากขึ้น พร้อมฟีเจอร์ในการตรวจจับการออกกำลังกายที่ใส่มาให้ครบ ทั้งการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ออกซิเจนในเลือด และที่สำคัญคือมีระบบบันทึกพิกัด GPS ในตัว
จุดเด่นหลักของ Amazfit GTR 4 อยู่ที่ความรอบด้านในการใช้งาน โดยเฉพาะการใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 14 วัน ทำงานบนระบบปฏิบัติการ Zepp 2.0 เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ทั้ง iOS และ Android ผ่านแอปพลิเคชัน Zepp ที่เก็บข้อมูลได้อย่างยอดเยี่ยม ในราคา 7,190 บาท
ข้อดี
สมาร์ทวอทช์หน้าจอใหญ่ 1.43 นิ้ว
ฟีเจอร์การใช้งานสมาร์ทวอทช์ครบถ้วน
แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่อง 2 สัปดาห์
มี GPS ภายในตัว
ข้อสังเกต
การเชื่อมต่อกับแอป Zepp บน iPhone ยังไม่เสถียรเท่าที่ควร
ตัวเลือกหน้าปัดนาฬิกายังไม่โดดเด่นมากนัก
สายนาฬิกายังมีให้เลือกไม่มากนัก
ใส่ทุกอย่างที่สมาร์ทวอทช์ควรมี
ความโดดเด่นหลักของ Amazfit GTR 4 อยู่ที่ฟีเจอร์หลักในการใช้งานที่ครอบคลุมทั้งการใช้ชีวิตประจำวัน และการออกกำลังกายด้วยการที่ใส่เซ็นเซอร์ตรวจวัดสุขภาพต่างๆ มาให้อย่างครบถ้วน
ในส่วนของตัวเรือนนาฬิกามีการปรับปรุงมาใช้อะลูมิเนียมชิ้นเดียวเป็นเฟรมของหน้าปัด เสริมด้วยปุ่ม Digital Crown ที่ใช้สเตนเลสสตีลทำให้มีความแข็งแรง โดยมากับหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว ที่รองรับการแสดงผลแบบติดตลอดเวลาด้วย (Always-on)
สำหรับปุ่มสั่งงานนอกเหนือจากการสัมผัส จะมีมาให้ด้วยกัน 2 ปุ่ม คือ Digital Crown สำหรับเรียกดูแอปทั้งหมดที่อยู่ใน GTR 4 ซึ่งสามารถหมุนเพื่อใช้เลือก หรือเลื่อนหน้าจอได้ด้วย และอีกปุ่มไว้เรียกโหมดออกกำลังขึ้นมา เพื่อเลือกรูปแบบกิจกรรมที่ต้องการ
ภายในใส่แบตเตอรี่ขนาด 475 mAh มาให้ โดยทาง Amazfit ระบุว่า สามารถใช้งานทั่วไปได้ราว 14 วัน และถ้าเปิดโหมดประหยัดพลังงานจะใช้งานได้ถึง 24 วัน ถ้าใช้เป็นนาฬิกาอย่างเดียวอยู่ได้ 50 วัน ส่วนถ้าใช้งานหนักๆ มีการออกกำลังกายทุกวันจะใช้งานได้ราว 7 วัน ส่วนระยะเวลาในการชาร์จจะอยู่ที่ราว 2 ชั่วโมง
ตัวนาฬิกาจะมีให้เลือกด้วยกัน 3 สีคือ สีดำที่จะมากับสายนาฬิกาที่ทำจากยาง Fluoroelastomer ถัดมาเป็นสายหนังสีน้ำตาล และตัวเรือนสีเทา มากับสายไนลอนสีเทาตัดขอบแดงเรือนนี้ ขนาดของตัวเรือนจะอยู่ที่ 46 x 46 x 10 มิลลิเมตร น้ำหนัก 34 กรัม กันน้ำได้ระดับ 5 ATM หรือน้ำลึกไม่เกิน 50 เมตร
หลังตัวเรือนจะเป็นที่อยู่ของเซ็นเซอร์ BioTracker 4.0 ที่รวมทั้งเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ ค่าออกซิเจนในเลือด รวมถึงการตรวจสอบความเครียด และการหายใจ ที่ทำงานเพื่อคอยเก็บข้อมูลตลอดเวลา รวมถึงในเวลานอน หรือการวัดอัตราการเต้นหัวใจขณะว่ายน้ำด้วย
ในส่วนของการเชื่อมต่อ Amazfit GTR 4 รองรับบลูทูธ 5.0 และมีการใช้งาน WiFi 2.4 GHz ในเวลานี้โอนถ่ายข้อมูลเพลงระหว่างสมาร์ทโฟนกับสมาร์ทวอทช์เท่านั้น ส่วนการอัปเดต ซิงค์ข้อมูลต่างๆ เชื่อมต่อผ่านบลูทูธทั้งหมด
เชื่อมต่อกับ Zepp เก็บข้อมูลสุขภาพ
ในแง่ของการใช้งาน Amazfit GTR 4 ใส่ฟีเจอร์ที่น่าสนใจมาช่วยให้การใช้งานสมาร์ทวอทช์สนุกขึ้น อย่างโหมด ExtraSense ที่จะคอยตรวจจับรูปแบบการออกกำลังอัตโนมัติ 8 ชนิด เพื่อให้เก็บข้อมูลได้ตรงมากที่สุด หรือจะเลือกจากกว่า 150 ชนิดกีฬาที่ให้มาก็ได้เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังมีโหมดฝึกฝนกล้ามเนื้อ (Strength Training) สำหรับสายออกกำลังกายในยิมที่นาฬิกาจะคอยเก็บข้อมูลการยกน้ำหนัก แจ้งเตือนระยะเวลาพักก่อนเซ็ตต่อไป ช่วยให้ฝึกร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน ในส่วนของระบบบันทึกพิกัด GPS ได้ใช้การเชื่อมต่อสัญญาณแบบคู่ ทำให้สามารถระบุตำแหน่งได้แม่นยำมากขึ้น และยังมีฟีเจอร์ในการตรวจจับเส้นทางออกกำลังกายแบบเรียลไทม์ ซึ่งสามารถเชื่อมต่อข้อมูลไปยังแอปอย่าง Strava ได้ด้วย
สำหรับข้อมูลที่แสดงผลในแอป Zepp จะมีทั้งจำนวนก้าว ระยะทาง และปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลาญ รวมถึงข้อมูลการนอน อัตราการเต้นของหัวใจ กิจกรรมต่างๆ ความเครียด ค่าออกซิเจนในเลือด นับว่าค่อนข้างครบ
รวมถึงในแอปพลิเคชัน Zepp ผู้ใช้สามารถเข้าไปตั้งค่าการตรวจจับสุขภาพ เพื่อให้นาฬิกาทำการแจ้งเตือนเมื่อมีอาการผิดปกติ อย่างการตั้งให้วัดอัตราการเต้นของหัวใจอัตโนมัติ และทำการแจ้งเตือนเมื่อสูง หรือต่ำกว่าปกติ เช่นเดียวกับค่าออกซิเจนในเลือด ซึ่งถ้าต่ำกว่าปกติจะเกิดอันตรายกับร่างกาย
สรุป
Amazfit GTR 4 ยังคงเป็นสมาร์ทวอทช์ราคาคุ้มค่า (7,190 บาท) ที่ครบเครื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ชายที่ชื่นชอบการออกกำลัง และต้องการข้อมูลเพื่อนำมาดูย้อนหลังได้ เนื่องจากตัวเรือนนาฬิกาค่อนข้างใหญ่ทำให้ไม่เหมาะกับคนข้อมือเล็ก
ทั้งนี้ Amazfit GTR 4 วางจำหน่ายในราคา 7,190 บาท สามารถหาซื้อได้ที่ Amazfit Official Store Shopee Zepp Official Store Shopee รวมถึงร้าน .life / Banana / JIB / PowerBuy / B2S / IT City / N-Smart / Morefun สามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.amazfit.com/en/