xs
xsm
sm
md
lg

Review : Apple iPad รุ่นที่ 10 ดีไซน์ใหม่ มากับ USB-C และราคาที่แพงขึ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การเปิดตัว iPad รุ่นที่ 10 ในครั้งนี้ ถือเป็นการประกาศก้าวสู่ยุคใหม่ของ iPad ทั้งตระกูล ที่เปลี่ยนมาใช้พอร์ต USB-C หมดทุกรุ่นแล้ว ทำให้รองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นๆ ได้สะดวกขึ้น และยังคงตอบโจทย์การใช้งานได้ครบถ้วน

iPad รุ่นที่ 10 มากับหน้าจอขนาด 10.9 นิ้ว มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ TouchID ทำงานบนชิปเซ็ต Apple A14 Bionic รองรับการเชื่อมต่อทั้ง WiFi 6 รวมถึง 5G ในรุ่น Cellular โดยยังสามารถใช้งานร่วมกับ Apple Pencil รุ่นที่ 1 ได้เช่นเดิม

สำหรับราคาจำหน่ายของ iPad 10 จะปรับมาเริ่มต้นที่ 17,900 บาท ในรุ่น WiFi 64 GB และเพิ่มอีก 6,000 บาท เป็น 23,900 บาท ในรุ่น Cellular ในขณะที่ iPad รุ่นที่ 9 ยังทำตลาดต่อไปในราคา 12,900 บาท ในกรณีที่อยากได้แท็บเล็ตใช้งานในราคาจับต้องได้



ข้อดี
หน้าจอปรับมาเป็น Liquid Retina 10.9” จากเดิม 10.2”
พอร์ตเชื่อมต่อเป็น USB-C ใช้งานกับอุปกรณ์ได้หลากหลายกว่าเดิม
รองรับ Apple Pencil (ซื้อเพิ่ม)

ข้อสังเกต
ใช้ Apple Pencil รุ่นเดิมที่เป็นพอร์ต Lightning ทำให้ต้องใช้คู่กับหัวแปลงและสายชาร์จ
ราคาเริ่มต้นสูงขึ้น

ดีไซน์ใหม่ สดใสขึ้น


นับเป็นการปรับดีไซน์ครั้งใหญ่ของ iPad ก็ว่าได้ สำหรับ iPad 10 ในรุ่นนี้ ซึ่งเป็นการปรับมาใช้ดีไซน์ขอบเหลี่ยม เช่นเดียวกับ iPad รุ่นอื่นๆ ในไลน์อัป พร้อมกับมีสีสันให้เลือกใช้งานเพิ่มขึ้น

สำหรับขนาดของ iPad รุ่นที่ 10 อยู่ที่ 248.6 x 179.5 x 7 มิลลิเมตร น้ำหนัก 477 กรัม มีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 4 สีคือ เงิน เหลือง ชมพู และฟ้า ซึ่งทั้งสีเหลือง และสีชมพู นับเป็นสีใหม่ของ iPad เรียกได้ว่าทำมาให้ใช้งานคู่กับ iMac สีๆ ที่วางจำหน่ายไปก่อนหน้านี้ก็ว่าได้


ขนาดหน้าจอของ iPad ปรับเพิ่มขึ้นจาก 10.2 นิ้ว มาเป็น 10.9 นิ้ว จากขอบจอที่เล็กลง และมีการย้ายจากปุ่ม Home ที่เป็น TouchID ไปใช้งานสแกนลายนิ้วมือที่ปุ่มเปิดเครื่องแทน เหมือนใน iPad min และ iPad Air ดีไซน์ใหม่ที่ปรับไปก่อนหน้านี้


โดยหน้าจอที่ให้มาเป็น Liquid Retina ความละเอียด 2360 x 1640 พิกเซล ความละเอียดเม็ดสีอยู่ที่ 264ppi ความสว่างหน้าจอ 500 nits โดยมีลำโพงแบบสเตอริโอมาให้ใช้ในแนวนอน ซึ่งนับว่ารองรับการใช้งานทั่วไป และด้านความบันเทิงได้อย่างเต็มที่


ในส่วนของกล้องหน้าที่ให้มาจะอยู่กึ่งกลางบนเวลาใช้งานในแนวนอน โดยให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/2.4 แบบมุมกว้าง ทำให้รองรับฟีเจอร์การจัดให้อยู่ตรงกลาง (Center Stage) เวลาใช้งานวิดีโอคอลด้วย โดยสามารถบันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียด FullHD 1080p 60fps


รอบตัวเครื่องจะมีปุ่มเปิดเครื่อง ปุ่มปรับระดับเสียง พร้อมกับเปลี่ยนพอร์ตเชื่อมต่อเป็น USB-C ที่รองรับทั้งการชาร์จ การต่ออุปกรณ์เสริมต่างๆ ซึ่งภายในกล่องจะมีอะแดปเตอร์ชาร์จ USB-C แบบ 20W มาให้ด้วย


ด้านหลังจะเห็นถึงสีของ iPad ที่สดใสมากขึ้น โดยจะมีกล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล f/1.8 ให้มาด้วย รองรับการบันทึกวิดีโอที่ 4K สูงสุด 60 fps รวมถึงการถ่ายวิดีโอสโลว์โมชัน 1080p 240fps


ภายในทำงานบนชิป A14 Bionic ซึ่งเป็นชิปที่ใช้งานบน iPhone 12 และนับว่าเพียงพอกับการใช้งานทั่วไป รวมถึงการเล่นเกมได้สบายๆ อยู่แล้ว จึงเหมาะเป็น iPad รุ่นเริ่มต้นสำหรับผู้ที่มองหาแท็บเล็ตที่รองรับการใช้งานรอบด้านในราคาที่ไม่สูงเกินไป

ตัวเครื่องรองรับการเชื่อมต่อ WiFi 6 พร้อมกับบลูทูธ 5.2 ทำงานร่วมกับ iPadOS 16 ที่อัปเดตฟีเจอร์ขึ้นมาหลายอย่าง โดยเฉพาะการทำงานแบบ Multitasking ทำให้สามารถเปิดใช้งานแอปคู่กันได้


Apple Pencil ยังใช้คู่กับรุ่นแรก


จุดที่น่าเสียดายที่สุดของ iPad 10 คือยังทำงานร่วมกับ Apple Pencil รุ่นที่ 1 ที่เดิมต้องใช้ท้ายปากกาที่เป็นพอร์ต Lightning เสียบเข้าไปเชื่อมต่อกับ iPad ก่อนเริ่มใช้งาน และใช้ในการชาร์จปากกา


พอมาเป็นใน iPad 10 ที่เปลี่ยนมาเป็นพอร์ต USB-C แล้วทำให้เวลาต้องการเชื่อมต่อกับ iPad ต้องใช้หัวแปลง Lightning เป็น USB-C ทั้งการเชื่อมต่อ และชาร์จปากกา ทำให้ผู้ที่มีปากกาเดิมต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเพื่อนำมาใช้งานคู่กับรุ่นใหม่ด้วย

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง Apple สามารถเปลี่ยนมาใช้การแปะชาร์จ และเชื่อมต่อที่ขอบตัวเครื่องเหมือนใน iPad mini iPad Air และ iPad Pro ทำงานคู่กับ Apple Pencil รุ่นที่ 2 ก็ได้ แต่ยังคงกั๊กไว้อยู่

อย่างไรก็ตาม ด้วยความสามารถของ Apple Pencil ที่โดดเด่น รวมถึงการรองรับ Scribble ที่สามารถแปลงลายมือภาษาไทยได้แล้ว ใครที่เป็นสายจด หรือสำหรับนักเรียน นักศึกษาที่ใช้ในการเรียน ถือว่ายังเป็นอุปกรณ์ใช้งานคู่กันที่ขาดไม่ได้


สำหรับผู้ที่ต้องการนำ iPad มาใช้ในการทำงาน ยังรองรับการใช้งานคู่กับคีย์บอร์ด Magic Keyboard Folio ที่ใช้ตัว Connecter ด้านล่างเครื่อง (แนวนอน) เพื่อเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ด ซึ่งมาพร้อมกับแทร็กแพดใช้งานได้


สรุป


ในภาพรวม iPad 10 ยังนับเป็นแท็บเล็ตรุ่นเริ่มต้นดีไซน์ใหม่ที่น่าสนใจ เพราะจะได้แท็บเล็ตจอใหญ่ถึง 10.9 นิ้ว ในราคา 17,900 บาท แต่ถ้างบประมาณไม่ถึงก็สามารถเลือกซื้อ iPad 9 ในราคา 12,900 บาท เพื่อใช้งานแทนได้เช่นกัน แต่ก็แลกกับการเป็นดีไซน์เก่า พอร์ตเก่า

ส่วนใครที่ต้องการ iPad ที่แรงขึ้น รองรับการใช้งานที่หลากหลายขึ้น จะมีตัวเลือกอย่าง iPad Air ที่เพิ่มอีก 6,000 บาท เพื่อให้ได้แท็บเล็ตที่มากับชิป Apple M1 แทนก็ได้ หรือถ้าต้องการเครื่องเล็กพกพาง่ายก็จะมี iPad mini 19,900 บาท ให้เลือกใช้

ทำให้สุดท้ายแล้ว ตอนนี้ในไลน์อัป iPad มีให้เลือกใช้ตั้งแต่ 12,900 บาท ไปจนถึงเกือบแสนบาทใน iPad Pro ดังนั้น การเลือกซื้อควรขึ้นอยู่กับการใช้งานเป็นหลักมากกว่า เพราะอย่าลืมว่าต้องเผื่อเงินซื้ออุปกรณ์เสริมอย่าง Apple Pencil 1 ในราคา 3,900 บาทอีก


กำลังโหลดความคิดเห็น