xs
xsm
sm
md
lg

Review : ASUS Zenbook 17 Fold OLED พับได้แต่ราคาแรง!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หลังจากเปิดตัวเป็นโน้ตบุ๊กขนาดหน้าจอ 17.3 นิ้ว พับได้รุ่นแรกของโลกในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด ASUS Zenbook 17 Fold OLED นำเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยแล้วในราคา 129,990 บาท กับเครื่องที่นับเป็นต้นแบบซึ่งแสดงให้เห็นการนำไปใช้งานที่น่าสนใจ

จุดเด่นของ ASUS Zenbook 17 Fold OLED ไม่ได้อยู่ในเรื่องของประสิทธิภาพ แต่เป็นแนวคิดในการออกแบบให้ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งแปลงเป็นโน้ตบุ๊กขนาดจอ 12.5 นิ้วใช้งาน หรือจะกางใช้งานแบบเต็มตา 17.3 นิ้วก็ได้

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เป็นรุ่นแรกๆ ในท้องตลาดที่เน้นโชว์นวัตกรรม ทำให้ประสบการณ์ใช้งานอาจจะไม่ลื่นไหลมากนัก รวมถึงการที่ต้องเลือกใช้ชิปเซ็ตแบบประหยัดพลังงานเพื่อให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง ทำให้ในภาพรวมของ ASUS Zenbook 17 Fold OLED จึงไม่ได้เหมาะกับการใช้งานหนักๆ แต่เป็นเครื่องที่พกพาไปใช้งานได้ทุกที่มากกว่า


ข้อดี
โน้ตบุ๊กหน้าจอ 17.3 นิ้ว พับได้ ทำให้พกพาสะดวก
หน้าจอ OLED 2.5K ให้สีสันที่สดใส สวยงาม
คีย์บอร์ดบลูทูธ ที่แยกออกมาใช้งานในโหมดเดสก์ท็อปได้


ข้อสังเกต
เวลาพับแล้วตัวเครื่องค่อนข้างหนา
ซีพียูที่ใช้เป็น 12 Gen Intel Core i7-1250U เน้นประหยัดพลังงานมากกว่า
พอร์ตเชื่อมต่อมีให้แค่ Thunderbolt 4 เพียง 2 พอร์ต และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.เท่านั้น

เน้นใช้งานได้หลายรูปแบบ


ด้วยการที่ออกแบบมาให้เป็นโน้ตบุ๊กหน้าจอพับได้ ความสามารถหลักๆ ของเครื่องจึงไปอยู่กับการที่ผู้ใช้จะได้สัมผัสโน้ตบุ๊กหน้าจอขนาดใหญ่ถึง 17.3 นิ้ว ที่สามารถพกพาติดตัวไปใช้งานได้ทุกที่ ในขนาดที่ลดลงเทียบเท่า A4 เมื่อเทียบกับขนาดโน้ตบุ๊กทั่วไปที่มีหน้าจอ 16-17 นิ้ว เรียกได้ว่ากะทัดรัดลงเยอะมาก

ทำให้ความน่าสนใจของ ASUS Zenbook 17 Fold OLED อยู่ที่ 6 รูปแบบการนำไปใช้งานที่ เอซุสนำเสนอออกมา เริ่มจากการเป็นหน้าจอแสดงผลขนาด 17.3 นิ้ว ใช้งานคู่กับคีย์บอร์ด และทัชแพดแบบบลูทูธ ที่ต้องกางหน้าจอลงบนโต๊ะ ซึ่งจะเหมาะกับเวลาที่ต้องนั่งทำงานเป็นระยะเวลานาน ได้จอแสดงผลที่มีขนาดใหญ่ชัดเจน


ถัดมาคือการวางคีย์บอร์ดทับครึ่งหน้าจอลงไป จะออกมาเป็นโน้ตบุ๊กขนาดหน้าจอ 12.5 นิ้วให้ใช้งาน ซึ่งจะมีความสะดวกตรงที่สามารถกางใช้งานตรงไหนก็ได้ คล้ายกับเป็นโน้ตบุ๊กหน้าจอเล็กรุ่นหนึ่งให้ใช้งานกันเลย กรณีที่ไม่อยากพกคีย์บอร์ดไปด้วยก็สามารถทำงานร่วมกับแป้นพิมพ์เสมือนบนหน้าจอได้เช่นกัน


สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานโน้ตบุ๊กที่ใช้พื้นที่ในแนวตั้งเพิ่มขึ้น ก็สามารถพับหน้าจอไว้ และใช้งานคู่กับคีย์บอรด์ไร้สาย เหมือนกับโหมดแรกก็ได้เช่นกัน โดยจะให้อารมณ์เหมือนมีหน้าจอ 12.5 นิ้ว 2 จอ ให้ใช้งานคู่กัน ทำให้สามารถทำงานแบบมัลติทาสก์ได้สะดวกขึ้น


อีกโหมดคือการใช้งานเป็นแท็บเล็ตขนาดใหญ่ อาจจะเน้นใช้งานเพื่อความบันเทิงในการรับชมภาพยนตร์ หรือคอนเทนต์ต่างๆ หรือจะกางแบบกึ่งๆ พับครึ่งให้เหมือนกำลังอ่านหนังสืออยู่ จะได้ความรู้สึกเหมือนเปิดหนังสื่ออ่านอีบุ๊กบนหน้าจอขนาดใหญ่

เมื่อเห็นถึงรูปแบบการใช้งานแล้ว ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะนำไปใช้งานในรูปแบบไหน ซึ่งแน่นอนว่าด้วยระดับราคาที่เปิดมา 1.29 แสนบาท กลุ่มผู้ใช้งานในช่วงแรกน่าจะเป็นผู้บริหารระดับสูงที่ต้องการโน้ตบุ๊กพกพาได้หน้าจอใหญ่ หรือผู้ที่มีรูปแบบการใช้งานที่ต้องพรีเซ็นต์ข้อมูลให้ลูกค้า การมีโน้ตบุ๊กพับได้หน้าจอใหญ่ขนาดนี้จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ดีขึ้นได้ด้วย


จอ OLED คมชัด สวยงาม


นอกจากรูปแบบการใช้งานที่หลากหลายแล้ว ASUS Zenbook 17 Fold OLED ยังโดดเด่นในเรื่องของหน้าจอแสดงผลด้วยการที่ให้ทั้งหน้าจอใหญ่แล้ว ยังได้ความละเอียดสูงถึง 2.5K (2560 x 1920 พิกเซล) ในสัดส่วน 4:3 โดยขนาดตัวเครื่องเทียบกับหน้าจอจะอยู่ที่ 87% 1 พันล้านสี ให้ความแม่นยำสีระดับ DCI-P3 และผ่านมาตรฐาน Pantone Validated อีกด้วย


เมื่อใช้งานคู่กับลำโพง 4 ตัว ที่ปรับแต่งโดย harman/kardon ซึ่งรองรับระบบเสียงแบบ Dolby Atmos ทำให้ ASUS Zenbook 17 Fold OLED กลายเป็นอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงที่น่าสนใจ หรือแม้แต่การนำไปใช้งานยุคใหม่อย่างการทำวิดีโอคอล ก็ปรับปรุงในส่วนของไมโครโฟนให้มีการตัดเสียงรบกวนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี


อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ทำเป็นโน้ตบุ๊กหน้าจอใหญ่พับได้ ทำให้มีข้อจำกัดในแง่ของพอร์ตการเชื่อมต่อ ที่ทั้งเครื่องมีเพียง USB-C ที่เป็น Thunderbolt 4 มาให้ 2 พอร์ต กับช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.เท่านั้น นั่นหมายความว่าถ้าเสียบชาร์จเครื่องขณะใช้งานก็จะเหลือเพียง 1 พอร์ตให้ใช้งานเท่านั้น

ส่วนที่เหลือจะต้องช่องลำโพง ช่องระบายอากาศ ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง และปุ่มปรับระดับเสียง แต่มีข้อดีตรงที่ตัวเครื่องรองรับการชาร์จพลังงานจากเพาเวอร์แบงก์ที่ให้กำลังไฟระดับ 5-20V ด้วย โดยเป็นทั้งพอร์ตแบบ PD และ Display Port ในตัว


สำหรับความแข็งแรงขอข้อต่อจบพับ ASUS Zenbook 17 Fold OLED ได้ผ่านการทดสอบกางแบบ 180 องศากว่า 30,000 ครั้ง ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อต่อจะมีความแข็งแรง รับกับการใช้งานที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ให้สมกับเป็นโน้ตบุ๊กจอพับ


โดยดีไซน์ของตัวเครื่องจะผสมผสานระหว่างความหรูหรา กับความคลาสสิก ด้วยการเลือกใช้วัสดุเป็นโลหะผสมแมกนีเซียมที่มีความแข็งแรง และน้ำหนักเบา กับพื้นผิวแบบหนังสังเคราะห์มาช่วยหุ้มบริเวณที่เป็นส่วนของข้อต่อตอนพับจอ


โลโก้แบบโมโนแกรมของ ASUS ที่จะคอยสะท้อนแสงในมุมต่างๆ โดยเมื่อกางออกมาตัวเครื่องจะบางอยู่ที่ 17.4 มม. น้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัม เมื่อรวมน้ำหนักคีย์บอร์ดเข้าไปจะอยู่ที่ราว 1.8 กิโลกรัม ทำให้ในความเป็นจริงแล้วตัวเครื่องถือว่าค่อนข้างมีน้ำหนัก แต่ก็แลกกับได้หน้าจอขนาดใหญ่มากๆ มาใช้งาน


ต่อยอด ScreenXpert สู่การแบ่งหน้าจอแบบใหม่


ก่อนหน้านี้ ในตอนที่ ASUS ออกโน้ตบุ๊ก 2 หน้าจอมาได้มีการพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับจัดการหน้าจออย่าง ScreenXpert ออกมา พอมาเป็นรุ่นจอพับก็ได้ต่อยอดในการพัฒนาแอปมาช่วยในการจัดการหน้าจอระหว่างใช้งาน ทำให้สามารถแบ่งสัดส่วนการใช้งานได้สะดวกขึ้น

โดยแบ่งรูปแบบออกมาเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือการใช้งานในแนวนอน แบบแนวตั้ง และใช้งานครึ่งจอร่วมกับคีย์บอร์ด โดยสามารถเปิดใช้งานแบบแบ่งลงตัวได้สูงสุดที่ 3 หน้าจอพร้อมกัน และช่วยเพิ่มโปรดักทิวิตี้ในการทำงานให้ดีที่สุด


ในส่วนของประสิทธิภาพ ASUS Zenbook 17 Fold OLED ทำงานบนชิปเซ็ต 12 Gen Intel Core i7-1250U ที่เน้นในเรื่องของการประหยัดพลังงาน ซึ่งมีคอร์ประสิทธิภาพสูง 2 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงาน 8 คอร์ ทำให้ในภาพรวมการใช้งานนั้นถือว่าตอบโจทย์ในการของการใช้งานทั่วไป รวมถึงการใช้งานหนักๆ ในบางประเภท อย่างการประมวลผลทางด้านเอกสาร

แต่ไม่ได้เหมาะกับการใช้งานหนักๆ อย่างการตัดต่อวิดีโอความละเอียดสูง หรือใช้ในการเขียนโปรแกรม ทำให้กลุ่มผู้ใช้งานอาจจะเน้นที่ได้เครื่องจอใหญ่ รองรับการทำงานที่มีความพิเศษในระดับหนึ่งอย่างการปรับแต่งรูปภาพ พรีเซ็นต์งานต่างๆ


สรุป


ASUS Zenbook 17 Fold OLED นับว่าเป็นโน้ตบุ๊กจอพับต้นแบบที่นำมาใช้งานได้จริง แต่จะติดกับราคาเครื่องที่ค่อนข้างสูง จากต้นทุนด้านจอแสดงผลที่นอกจากเป็นจอพับแล้ว ยังแสดงผลให้ความละเอียดสูง สีสันสดใสตามสไตล์ OLED พร้อมกับเป็นจอสัมผัส กับราคาเปิดตัวที่ 129,990 บาท

ใครที่มองหาโน้ตบุ๊กรูปแบบใหม่ ได้จอแสดงผลขนาดใหญ่ 17 นิ้ว พกพาไปได้ทุกที่ และมีงบประมาณเหลือเฟือรุ่นนี้ตอบโจทย์ แต่ถ้าใครที่ต้องการเครื่องประสิทธิภาพสูงแบบเวิร์กสเตชันทำงานหนักๆ ในระดับราคาใกล้กันมีเครื่องที่แรงกว่าให้เลือกใช้งานอีกหลายรุ่นเลย ดังนั้นต้องมองถึงรูปแบบการใช้งานเป็นหลักมากกว่า


กำลังโหลดความคิดเห็น