จากเทรนด์ความใส่ใจด้านสุขภาพของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นหลังจากผ่านสถานการณ์ที่ผ่านมา ในฝั่งของผู้ผลิตสมาร์ทวอทช์ก็เริ่มเข้ามาช่วยดูแลสุขภาพของผู้ใช้เพิ่มมากขึ้น เสริมจากในแง่ของการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และค่าออกซิเจนในเลือด จนมาถึงการวัดค่าไขมันในร่างกาย
Samsung Galaxy Watch5 ที่ออกมาอัปเดตในปีนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทวอทช์ที่มีความน่าสนใจ ทั้งการปรับมาใช้งาน WearOS ที่พัฒนาร่วมกับทาง Google ทำให้ใช้งานกับสมาร์ทโฟน Android ได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์ที่มาช่วยให้ผู้ใช้รู้จักร่างกายดีกว่าเดิม อย่างการวัดค่าไขมันในร่างกาย (BMI) เพื่อช่วยคำนวณในการวางแผนทางด้านสุขภาพเพิ่มเติม
จุดเด่นของ Galaxy Watch5 นอกจากการตรวจจับสุขภาพต่างๆ และการนอนแล้ว ยังมีการปรับปรุงในแง่ของจอแสดงผลที่หันมาใช้ Sapphire Crystal Glass และวัสดุตัวเรือนเป็น Armor Aluminum ที่ให้ความแข็งแรงมากขึ้น ในราคาเริ่มต้นไม่ถึงหมื่นบาท
ข้อดี
ตัวเรือนสวย วัสดุที่ใช้แข็งแรง
หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ อินเตอร์เฟสเข้าใจง่าย
มี GPS ในตัว ทำให้สามารถบันทึกการออกกำลังกายกลางแจ้งได้อย่างแม่นยำ
ข้อสังเกต
ฟีเจอร์วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ/อุณหภูมิยังไม่เปิดให้ใช้งาน
เวลาเปิดใช้งาน Always-On Display แบตเตอรี่จะเหลือใช้งานได้ต่อเนื่อง 1 วัน
สมาร์ทวอทช์รุ่นจบฝั่งแอนดรอยด์
ในกลุ่มผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในกลุ่มแอนดรอดย์ โดยเฉพาะซัมซุง เชื่อว่าต่างมองหาสมาร์ทวอทช์ที่ทำงานได้ครบ และตอบโจทย์ในการใช้ชีวิต ทั้งการใส่ใช้งานในชีวิตประจำวัน จนถึงใส่ออกกำลังเพื่อเก็บข้อมูลสุขภาพต่างๆ ก่อนนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์เพื่อปรับรูปแบบการใช้ชีวิต และดูแลสุขภาพร่างกายมากขึ้น
Samsung Galaxy Watch5 ที่อัปเดตออกมาในปีนี้ นับว่ามีความน่าสนใจมากกว่า Watch4 ไม่น้อย โดยเฉพาะ Samsung BioActive Sensor ที่รวมเซ็นเซอร์วิเคราะห์องค์ประกอบร่างกาย (วัดค่าไขมัน) เซ็นเซอร์วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) และวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (HR) เข้าด้วยกันมาใช้งาน
นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิผิวหนังใส่เข้ามาไว้ด้วย เพียงแต่ว่าในปัจจุบันทั้ง ECG และวัดอุณหภูมิยังไม่เปิดให้ใช้งานในประเทศไทย โดยการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจนั้นต้องทำการขออนุญาตจาก อย. และได้รับรองก่อนถึงจะเปิดใช้งานได้
กลับมาถึงจุดที่ Watch5 พัฒนาขึ้นจากใน Watch4 กันบ้าง จะมีทั้งในส่วนของวัสดุที่ใช้งาน ตัวเรือนยังคงเป็น Armor Aluminum เช่นเดิม แต่เปลี่ยนกระจกหน้าจอเป็น Sapphire Crystal แทน ทำให้แข็งแรงขึ้นมากกว่าเดิม โดยมีให้เลือก 2 ขนาดเช่นเดิมคือ 40 มม. 44 มม.
ตัวเรือนมีให้เลือกด้วยกัน 4 สี คือ เทา Graphite เงิน Silver (รุ่นนี้) ชมพู Pink Gold (เฉพาะ 40 มม.) และฟ้า Sapphire (เฉพาะ 44 มม.) โดยน้ำหนักของนาฬิกาจะอยู่ที่ 28.7 กรัม และ 33.5 กรัม ตามลำดับ
อีกจุดที่ปรับปรุงขึ้นคือระบบการชาร์จ ที่รองรับการชาร์จไร้สายแบบชาร์จเร็วขึ้น ทำให้สามารถชาร์จได้ 45% ภายใน 30 นาที หรือชาร์จแค่ 8 นาที ก็สามารถใส่เพื่อวัดการนอนตลอดคืนได้แล้ว และใช้เวลาในการชาร์จจนเต็มภายในไม่ถึงชั่วโมง
โดยแบตเตอรี่ที่ให้มาจะอยู่ที่ 410 mAh สำหรับรุ่น 44 มม. และ 284 mAh ในรุ่น 40 มม. ที่ทางซัมซุงเคลมว่าจะสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 80 ชั่วโมง ซึ่งเท่าที่ทดสอบใช้งานถ้าเปิดใช้จอแบบ Always On ด้วยจะใช้งานได้ราว 30 ชั่วโมง แต่ถ้าปิดจะใช้งานได้ราว 40-50 ชั่วโมง
แปลว่าในการชาร์จเต็ม 1 ครั้งสามารถใช้งานได้แต่เนื่อง 2 วัน ในกรณีที่ใช้งานทั่วไป แต่ถ้ามีการตรวจจับการออกกำลังกายต่อเนื่องแนะนำให้ใช้ชาร์จวันต่อวันจะปลอดภัยมากที่สุด ไม่นับรวมการเปิดโหมดประหยัดพลังงานที่จะยืดระยะเวลาใช้งานออกไปอีก
ฟังก์ชันสมาร์ทวอทช์ครบถ้วน
กลับมาที่ฟีเจอร์ในการใช้งานของ Samsung Galaxy Watch5 ในส่วนของการใช้งานพื้นฐานทั่วไป Watch5 สามารถทำได้ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ทั้งในเรื่องของการตรวจจับก้าวเดิน การออกกำลังกายที่สามารถใส่ว่ายน้ำได้ เพราะผ่านมาตรฐาน IP68 + 5ATM ดำน้ำลึกได้ 50 เมตร ใน 10 นาที
ตามด้วยการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และออกซิเจนในเลือด ที่กลายเป็นอีก 2 ค่าสำคัญในการตรวจวัดสุขภาพของผู้ใช้งาน ทั้งขณะออกกำลังกาย และการพักร่างกายหลังออกกำลังเพื่อให้รู้ระยะเวลาการฟื้นตัว
เพิ่มเติมด้วยการปรับปรุงในแง่ของการตรวจจับการนอนให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะแต่ละช่วงเวลาทั้ง REM หรือช่วงหลับลึกซึ่งยิ่งมีช่วงเวลา REM มากเท่าไหร่ แปลว่านอนได้หลับสนิท และร่างกายจะรู้สึกว่าพักผ่อนเพียงพอมากขึ้น ตามด้วย Light และ Awake
นอกจากนี้ ยังเพิ่มระบบบันทึก และวิเคราะห์แพตเทิร์นการนอน เพื่อสร้างคำแนะนำให้การนอนมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะรวมถึงการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ และออกซิเจนในเลือดขณะหลับด้วย
ส่วนฟีเจอร์สมาร์ทวอทช์ทั่วไปอย่างการเชื่อมต่อ รับการแจ้งเตือน สามารถใช้รับสายโทร.เข้า และโทร.ออกได้ทันที จนถึงการใช้เป็นปุ่มชัตเตอร์กล้องต่างๆ ทำได้ครบถ้วนเช่นเดิม
ทั้งนี้ Samsung Galaxy Watch5 วางจำหน่ายด้วยกัน 2 รุ่น คือ ขนาด 40 มม. และ 44 มม. โดยจะมีรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ และรับ 4G LTE ผ่าน eSIM ในราคาเริ่มต้น 8,490 บาท-12,490 บาท
สรุป
Samsung Galaxy Watch5 นับเป็นสมาร์ทวอทช์ที่ครบเครื่องที่สุดในเวลานี้ ในกลุ่มของผู้ใช้งาน Android ทั้งจากการที่ซัมซุง ทำงานร่วมกับ Google ในการนำ WearOS มาใช้งาน ร่วมกับ One UI Watch 4.5 ทำให้ได้ประสบการณ์ใช้งานที่มีเอกลักษณ์
พร้อมฟังก์ชันการตรวจวัดสุขภาพครบครัน ทั้งการออกกำลัง การนอน อัตราการเต้นของหัวใจ ออกซิเจนในเลือด และค่าไขมันในร่างกาย ไม่นับรวมการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิที่มีโอกาสเปิดให้ใช้งานในอนาคตด้วย