เมื่อความต้องการแล็ปท็อปในกลุ่มองค์กรธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น หลังการแพร่ระบาดที่พนักงานต้องการความคล่องตัวในการทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา ประกอบกับถึงช่วงเวลาที่ชิปเซ็ต 12 Gen Intel Core เริ่มเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้ในช่วงนี้ตลาดโน้ตบุ๊กกลับมาสร้างความคึกคักอีกครั้ง จากตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น
MSI ถือเป็นแบรนด์ที่หันมาโฟกัสกับกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงจุดเด่นในเรื่องความแรง เพื่อตอบรับกับโจทย์ของผู้ใช้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กที่มีประสิทธิภาพมาช่วยเพิ่มโปรดักทิวิตี้ในการทำงานให้สูงที่สุด และมีความคล่องตัวด้วย ในราคาเริ่มต้น 37,990 บาท
ดังนั้น จุดเด่นหลักของ MSI Prestige 14 Evo นอกเหนือจากดีไซน์ที่มีความเรียบหรู ให้มาดนักธุรกิจที่ดูดีแล้ว ยังรองรับการทำงานหนักๆ ได้อย่างดีจากซีพียู 12 Gen Intel Core i7-1280P ที่ให้ทั้งความแรงในการทำงาน และขณะเดียวกันก็ช่วยประหยัดพลังงาน และที่สำคัญคือผ่านมาตรฐาน Intel EVO ด้วย
ข้อดี
ดีไซน์เรียบหรู ตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียม
หน้าจอ 14 นิ้ว น้ำหนัก 1.29 กิโลกรัม
ผ่านมาตรฐาน Intel EVO แบตฯ ใช้ได้นาน ตอบสนองเร็ว การเชื่อมต่อเร็ว
เมื่อเปิดหน้าจอยกเครื่องขึ้น 5 องศา ช่วยระบายความร้อน และถูกหลักสรีระศาสตร์
ข้อสังเกต
หน้าจอ 14 นิ้ว FHD 1080p ความสว่างสูงสุด 300nits
กล้องเว็บแคม ความละเอียด HD 720p
ดีไซน์เรียบ พกพา ใช้งานได้ทุกที่
จากนิยามของโน้ตบุ๊กในตระกูล Prestige ของ MSI ที่เน้นในเรื่องของการพกพาใช้งานได้สะดวก แต่ก็ไม่ทิ้งความแรงที่เป็นจุดขายหลักของ MSI ดังนั้น ใน MSI Prestige 14 Evo ที่ผ่านมาตรฐาน Intel EVO สามารถการันตีถึงการใช้งานที่ครอบคลุมได้เป็นอย่างดี
ในภาพรวมดีไซน์ของ MSI Prestige 14 Evo นั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้ามากนัก แต่มีการอัปเกรดเพิ่มในหลายๆ จุดที่ทำให้การใช้งานทำได้ดีขึ้น คล่องตัวมากขึ้น ทำให้เหมาะกับการใช้งานตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงการสร้างสรรค์เนื้อหาในระดับเบื้องต้น
ตัวเครื่องของ MSI Prestige 14 Evo จะใช้อะลูมิเนียมที่ให้ความแข็งแรง และในขณะเดียวกันก็ช่วยระบายความร้อนได้ดีด้วย โดยขนาดตัวเครื่องจะอยู่ที่ 319 x 219 x 15.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1.29 กิโลกรัม
บริเวณฝาหน้าจอจะมีโลโก้ MSI รูปแบบใหม่ที่มีการออกแบบใหม่ในช่วงที่ผ่านมา โดยการเปิดหน้าจอสามารถใช้นิ้วเดียวเปิดขึ้นมาได้ ไม่ต้องใช้อีกมือมาช่วยจับตัวเครื่อง ทำให้เปิดใช้งานได้สะดวกขึ้น แต่ในขณะเดียวกันตัวเครื่องจะติดรอยนิ้วมือค่อนข้างง่ายทำให้ต้องคอยเช็ดเป็นระยะๆ
เมื่อกางหน้าจอขึ้นมา ตัวฐานหน้าจอจะช่วยยกตัวเครื่องให้ลอยขึ้น ซึ่งจะมาช่วยใน 2 เรื่องด้วยกันคือ การระบายความร้อน และช่วยปรับองศาในการพิมพ์ให้ถูกหลักสรีระศาสตร์ ทำให้สามารถใช้งานคีย์บอร์ดได้ต่อเนื่องในระยะยาว ไม่เกิดอาการเมื่อยข้อมือเวลาพิมพ์นาน
ถัดลงมาเป็นปุ่มคีย์บอร์ดที่มีไฟ Backlit ให้สามารถใช้งานในเวลากลางคืนได้ โดยสามารถเลือกปรับความสว่างได้ 3 ระดับ ต่อเนื่องมาเป็นทัชแพดที่มีความกว้างกว่าปกติ เพื่อให้รับกับหน้าจอสัดส่วน 16:9 ทำให้สามารถลากเคอเซอร์จากซ้ายไปขวาหน้าจอได้ในทีเดียว โดยจะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมืออยู่บริเวณซ้ายบนของทัชแพดด้วย
พอร์ตเชื่อมต่อที่ให้มาทางซ้ายจะเป็น Thunderbolt 4 หรือ USB-C 2 พอร์ต รองรับทั้งการเสียบชาร์จ การเชื่อมต่อกับจอนอก และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นๆ โดยสามารถทำความเร็วในการโอนย้ายข้อมูลได้สูงสุดถึง 40 GB/s พร้อมกับไฟสัญลักษณ์การทำงานของเครื่องด้วย
ทางขวาจะมีพอร์ต USB 3.2 มาให้ใช้งาน พร้อมช่องอ่านการ์ดไมโครเอสดี และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. อย่างไรก็ตาม ในจุดนี้ถ้าสามารถเปลี่ยนเป็นช่องอ่านเอสดีการ์ดขนาดปกติได้ น่าจะเหมาะกับสายครีเอเตอร์ที่นำมาใช้กับการโยนไฟล์รูปภาพ หรือวิดีโอได้สะดวกขึ้นด้วย
กลับมาดูรายละเอียดของหน้าจอที่ให้มาขนาด 14 นิ้ว ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล สามารถแสดงผลสี sRGB 100% ได้ แต่เนื่องจากเป็นจอ IPS แบบใช้พลังงานต่ำ ทำให้ความสว่างหน้าจออยู่ที่ 300 nits อาจจะไม่เหมาะกับการนำไปใช้กลางแจ้ง หรือบริเวณริมหน้าต่างที่มีแสงจ้า เนื่องจากจอจะไม่ค่อยสู้แสง
ส่วนกล้องเว็บแคมที่ให้มาเป็น IR HD 720p ซึ่งรองรับ Windows Hello ทำให้สามารถสแกนปลดล็อกด้วยใบหน้าได้ และยังมีฟีเจอร์พิเศษที่ทำงานร่วมกับ Tobii Aware เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน รวมถึงการปลดล็อกด้วยลายนิ้วมือด้วย
สเปกเน้นประมวลผลหนักๆ
การที่ MSI เลือกใช้ซีพียู 12 Gen Intel Core i7-1280P (28W) RAM LPDDR4 16 GB และ SSD PCIe4 512 GB ถือว่าใส่มาให้เพียงพอต่อการทำงานที่เน้นการประมวลผลหนักๆ จนถึงเล่นเกมแบบสตรีมมิ่งได้สบายๆ แม้จะใช้ Intel Iris Xe ในการประมวลผลภาพก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เป็นซีพียูที่ต้องใช้พลังงานเพื่อรีดประสิทธิภาพออกมาทำให้ต้องใส่แบตเตอรี่มาให้ใช้งานถึง 3 Cell 52 Whr โดยตัวเครื่องรองรับการชาร์จเร็วที่ 65W ที่ชาร์จ 1 ชั่วโมงได้แบต 70% ทำให้แม้แบตจะใช้งานจนหมดแต่ก็สามารถชาร์จกลับมาใช้งานได้ในเวลาไม่นาน
ส่วนการเชื่อมต่อไร้สายให้มาทั้ง Intel Killer WiFi 6E AX1675 บลูทูธ 5.2 ทำให้สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายทั้งในบ้าน และที่ทำงานเพื่อใช้งานได้สะดวก รวดเร็ว นับว่าให้สเปกมาแบบจัดเต็ม รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบายๆ
ฟีเจอร์ค้นหาเครื่อง-ปรับการใช้งานให้เหมาะสม
นอกจากสเปกที่ให้มาแบบจัดเต็มแล้ว ความน่าสนใจของ MSI Prestige 14 Evo ยังอยู่ที่ผ่านมาตรฐาน Intel EVO ที่หมายถึงว่าสามารถใช้ทำงานได้ทุกรูปแบบจาก 12 Gen Intel Core ระยะเวลาการใช้งานบนแบตเตอรี่ที่นานกว่า 9 ชั่วโมง การตอบสนองหลังเปิดใช้งานต่ำกว่า 1 วินาที รองรับการชาร์จเร็ว และการเชื่อมต่อยุคใหม่ทั้ง Thunderbolt 4 และ WiFi 6E แล้ว
ใน MSI Prestige 14 Evo ยังมีฟีเจอร์ลับเพิ่มเติมที่น่าสนใจ และช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น อย่างการที่มีปุ่มหมุนแสดงผลหน้าจอ (f12) ในกรณีที่เรากางหน้าจอ 180 องศา จะสามารถหมุนหน้าจอให้คู่สนทนาดูรายละเอียดได้ทันทีแบบไม่กลับหัว
มีฟีเจอร์ในการค้นหาตัวเครื่อง ด้วย Tile ทำให้สามารถติดตามแล็ปท็อปได้ว่าอยู่ที่ไหนผ่านแอปของ Tile ซึ่งสามารถสั่งให้ตัวเครื่องส่งเสียงแจ้งเตือนได้เวลาเครื่องสูญหาย หรือดูตำแหน่งสุดท้ายเพื่อตามหาเครื่อง กลับกันยังสามารถส่งเสียงเข้าสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อเพื่อตามหาได้เช่นเดียวกัน
อีกฟีเจอร์ที่ใช้ความสามารถของกล้องเว็บแคมคือ Tobii Aware ที่เป็นโซลูชันมาช่วยทั้งการวิเคราะห์พฤติกรรมในการใช้งาน สั่งให้เครื่องล็อกอัตโนมัติเวลาที่ไม่อยู่หน้าจอด้วยการนำ Windows Hello มาช่วย และช่วยปรับความสว่างหน้าจอให้สว่างตลอดเวลาที่ใช้งาน และหรี่แสงลงเมื่อลุกออกจากหน้าจอ ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น
นอกจากที่ในแง่ของความปลอดภัย เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนอื่นเห็นหน้าจอที่มีข้อมูลทางธุรกิจ ตัว Tobii Aware จะช่วยเบลอหน้าจอเวลาที่ผู้ใช้งานไม่อยู่ รวมถึงแจ้งเตือนเมื่อมีใบหน้าที่ 2 เข้ามามองจอด้วย ซึ่งเวลาที่ Tobii Aware ทำงานจะมีไฟกะพริบบอกเรื่อยๆ
สุดท้ายในส่วนของ MSI Center Pro ที่ปรับปรุงขึ้นมาให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น อย่างการแสดงผลสถานะการทำงานของตัวเครื่อง มีโหมด AI อัตโนมัติที่จะปรับการทำงานของเครื่องตามโปรแกรมที่ใช้งาน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการใช้งานที่ดีที่สุด
ทดสอบประสิทธิภาพในการใช้งาน
สิ่งที่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งคือซีพียู 12 Gen Intel Core i7-1280P สามารถทำงานหนักๆ ได้เป็นอย่างดี ทำให้เวลาทำงานทั่วไปอย่างเช่นงานเอกสาร เปิดไฟล์ Excel ที่มีชุดข้อมูลขนาดใหญ่ หรือแม้แต่การใช้งานหลายๆ แถบเบราว์เซอร์พร้อมๆ กัน และการทำไฟล์รูปขนาดใหญ่ สามารถทำได้อย่างลื่นไหล
แน่นอนว่าเมื่อเครื่องแรงสิ่งที่ต้องแลกมาคือเรื่องของแบตเตอรี่ เท่าที่ทดสอบใช้งานในโหมดประสิทธิภาพสูง สามารถรับชมวิดีโอได้ต่อเนื่องราว 6 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเปิดใช้โหมดประหยัดพลังงานก็จะสามารถใช้งานได้ต่อเนื่องเกิน 9 ชั่วโมงตามที่เคลมไว้ แต่ในการใช้งานจริง สิ่งที่ผู้ใช้งานอยากได้มากที่สุดคือเรื่องของการตอบสนองที่รวดเร็วตามที่ต้องการมากกว่า
ถ้าเทียบดูคะแนนจาก Geekbench จะเห็นว่าคะแนนในส่วนของ Multi-Core พุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 11,041 คะแนน ซึ่งแรงกว่า MacBook Air M2 ที่ได้ราว 8,965 คะแนนเท่านั้น โดยที่ราคาเครื่องของ MSI นั้นเข้าได้ถึงง่ายกว่าด้วย
ส่วนในแง่ของการเล่นเกม MSI Prestige 14 Evo ถือว่าตอบโจทย์ได้ในระดับหนึ่ง ไม่ถึงกับเป็นโน้ตบุ๊กเกมเมอร์ สามารถเล่นเกมแบบสตรีมมิ่งได้สบายๆ เฟรมเรตค่อนข้างนิ่ง แต่แนะนำว่าต้องใช้งานคู่กับการเสียบสายชาร์จเพราะจะใช้พลังงานค่อนข้างสูง โดยที่ถ้าทดสอบเล่นเกมบนแบตเตอรี่ในโหมดประสิทธิภาพสูงจะใช้งานได้ราว 1.30 ชั่วโมงเท่านั้น
สำหรับการระบายความร้อน ด้วยการที่ยกฐานตัวเครื่องขึ้นทำให้อากาศสามารถถ่ายเทใต้เครื่องได้ เมื่อรวมกับพัดลม 2 ตัว และ 3 ฮีทไปป์ภายใน เมื่อใช้งานในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศจะใช้งานได้สบายๆ แต่ถ้าใช้ในอุณหภูมิทั่วไปจะมีความอุ่นๆ มืออยู่ จากการที่อะลูมิเนียมมีการกระจายความร้อนออกมา
สรุป
MSI Prestige 14 Evo นับว่าเป็นโน้ตบุ๊กบางเบาที่ให้ประสิทธิภาพในการใช้งานได้น่าสนใจ จากชิปเซ็ต 12 Gen Intel Core i7-1280P ที่นับว่าเป็นรุ่นแรงในช่วงระดับราคานี้ ซึ่งจะเหมาะกับผู้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กที่ใช้ทำงานได้ในทุกสถานที่
นอกจากนี้ ด้วยราคาเปิดตัวที่ 40,990 บาท แต่ได้ทั้งซีพียูรุ่นแรง RAM 16 GB SSD 512 GB เมื่อร่วมกับการรับประกัน 2 ปี (1 ปีทั่วโลก และอีก 1 ปีในประเทศไทย) นับว่ารุ่นนี้น่าสนใจไม่น้อย หรือถ้าใครมีงบประมาณจำกัดแล้วไม่ได้จำเป็นต้องใช้งาน Core i7 ทาง MSI ก็จะมีรุ่นที่ปรับลงมาเป็น Core i5-1240P ในราคา 37,990 บาท วางจำหน่ายด้วยเช่นกัน
ดูรายละเอียด MSI Prestige 14 Evo ได้ที่ : https://msi.gm/3wuVhMP