xs
xsm
sm
md
lg

Review : Sennheiser Momentum True Wireless 3 เด่นรอบด้าน ทั้งคุณภาพเสียง ตัดเสียงรบกวน และไมโครโฟนสนทนา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การพัฒนาหูฟังไร้สายที่ดีอยู่แล้ว ให้ดีกว่าเดิมในช่วงระยะเวลา 2 ปี ของ Sennheiser ถือว่าทำให้ผู้ที่ชื่นชอบใช้งาน Sennheiser Momentum True Wireless 3 ไม่ผิดหวัง จากการพัฒนาที่รอบด้านทั้งในแง่ของคุณภาพเสียง การตัดเสียงรบกวน ความสบายในการสวมใส่ รวมถึงปรับปรุงให้ตัวเคสรองรับการชาร์จไร้สายด้วย

ในภาพรวม Sennheiser Momentum True Wireless 3 มีการปรับปรุงดีไซน์ให้มีความมินิมอลมากขึ้น ทำให้ขนาดเล็กลงกว่าเดิม พร้อมเพิ่มครีบซิลิโคนมาช่วยให้การใส่ใช้งานกระชับมากยิ่งขึ้น รองรับการทำกิจกรรมในทุกสถานที่ ส่วนระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่องอยู่ที่ราว 7 ชั่วโมง เมื่อรวมกับเคสชาร์จจะใช้ได้นานถึง 28 ชั่วโมง ในราคา 9,999 บาท


ข้อดี
หูฟังไร้สายคุณภาพสูงที่ให้ย่านเสียงครบถ้วน
ระบบตัดเสียงรบกวนแบบ Hybrid-Adaptive Noise Cancellation ช่วยปรับเสียงตามสภาพแวดล้อม
ไมค์มีการปรับปรุงระบบตัดเสียงรบกวรทำให้สนทนาได้ชัดกว่าเดิม
กันน้ำมาตรฐาน IPX4


ข้อสังเกต
โหมดสลับการเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์ต้องควบคุมจากในแอป
ตัวเคสมีขนาดค่อนข้างใหญ่ พกใส่กระเป๋ากางเกงยาก


ปรับดีไซน์ให้เล็ก และทันสมัยมากขึ้น


จากในช่วงปี 2021 ที่ผ่านมา เซนไฮเซอร์ ไม่ได้มีการอัปเกรดสินค้าในกลุ่ม Momentum True Wireless แต่หันไปจับกลุ่มผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการหูฟังตัดเสียงรบกวนในตระกูล CX Plus ที่มีระดับราคาย่อมเยากว่า พอมาในปี 2020 นี้ เซนไฮเซอร์ กลับมาบุกในตลาดหูฟังไร้สายคุณภาพสูงระดับแฟลกชิปอีกครั้งด้วย Momentum True Wireless 3

จุดที่มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนหน้าหลักๆ เลยคือเรื่องของดีไซน์ที่ให้ความมินิมอลมากขึ้น ใกล้เคียงกับในตระกูล CX Plus แต่มีขนาดที่เล็กลง โดยเมื่อเทียบกับ Momentum True Wireless 2 แล้วเล็กลง 16% นับเป็นหูฟังไร้สายที่เล็กที่สุดของเซนไฮเซอร์


ด้วยการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ (Ergonomic) ทำให้การสวมใส่ของ Momentum True Wireless 3 ทำได้กระชับมากยิ่งขึ้น เมื่อรวมกับการที่ให้จุกหูฟังมาอีก 3 ไซส์ รวมกันเป็น 4 ไซส์ และครีบหูฟังอีก 2 ขนาด ทำให้รองรับการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับหูฟังอินเอียร์รุ่นอื่นๆ ในท้องตลาดที่มีเพียงขนาดเดียว


ตัวหูฟังที่ให้มามีน้ำหนักเบาอยู่ที่ 5.8 กรัม เมื่อรวมกับเคสชาร์จแล้วจะอยู่ที่ 78 กรัม โดยตัวหูฟังกันน้ำกระเด็นมาตรฐาน IPX4 วางจำหน่ายด้วยกัน 3 เฉดสีคือ ดำ (Matt Black) ขาว และกราไฟต์ (Graphite) ภายในกล่องจะมีสายชาร์จ USB-C มาให้ด้วย


ตัวเคสที่ให้มามีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์เล็กน้อย ด้วยการเปลี่ยนช่องเสียบชาร์จ USB-C มาไว้ด้านหน้า ใต้เคสมีใส่ที่ชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi มาให้ ส่วนการยึดฝาปิดจะใช้แม่เหล็กที่มีความแน่นหนา รวมถึงการยึดหูฟังให้ติดอยู่ภายในเคส เรียกได้ว่าถึงเปิดฝาทิ้งไว้และเขย่าหูฟังก็จะไม่หลุดออกมาอย่างแน่นอน


ยกระดับหูฟังแฟลกชิปให้ล้ำไปอีกขั้น


กลับมาที่จุดเด่นในเรื่องของการใช้งานใน Momentum True Wireless 3 ในแง่ของระบบเสียงจะมากับไดรเวอร์เสียงแบบไดนามิกขนาด 7 มม. เช่นเดิม แต่มีการปรับปรุงตัวแปลงสัญญาณ TrueResponse ให้ดีขึ้นทั้งย่านเสียงสูง และเบสที่หนักแน่น เมื่อรวมกับการเข้ารหัสแบบ aptX Adaptive ให้ความละเอียดสูงสุดที่ 24บิต/96kHz ทำให้ได้รายละเอียดของเพลงที่ครบถ้วน


ถัดมาคือในเรื่องของระบบตัดเสียงรบกวนที่ปรับมาใช้งานแบบ Hybrid Adaptive Noise Cancellation (Hybrid ANC) ที่นำความสามารถของไมโครโฟน 4 ตัวมาคอยมอนิเตอร์เสียงรอบข้าง และตัดเสียงรบกวนให้เหมาะสม และยังปรับให้ได้รายละเอียดของเสียงครบแม้เสียงรอบข้างจะมีความดังก็ตาม

ในส่วนของไมโครโฟนที่มาพร้อมระบบตัดเสียงรบกวน ในรุ่นนี้ได้พัฒนาให้ตัดเสียงรอบข้างได้ดีขึ้น จับเสียงการสนทนาได้ชัดเจน ทำให้เวลานำไปใช้งานร่วมกับการประชุมออนไลน์ ทำได้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าเข้ากับการใช้งานในยุคปัจจุบัน

ทำให้เห็นได้ว่า MTW3 ยังคงความโดดเด่นในแง่ของคุณภาพเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเซนไฮเซอร์ไว้ได้อย่างครบถ้วน หรือถ้าเป็นสายที่ชอบปรับแต่งเพิ่มเติมตามสไตล์การใช้งาน ยังสามารถเชื่อมต่อกับแอป Smart Control เพื่อปรับแต่ง EQ และเลือกตั้ง Preset ที่ชื่นชอบได้ด้วย

ความสมารถที่เพิ่มขึ้นมาในแอปยังมีทั้งเรื่องของการทำ Sound Check เพื่อหาย่านความถี่เสียงที่เหมาะกับการรับฟังของผู้ใช้ และ Sound Zone ที่นำพิกัดสถานที่มาช่วยในการปรับแต่ง Preset ของหูฟังให้เหมาะสม เช่น ใช้งานที่ทำงาน จะปรับในแบบหนึ่ง ใช้งานที่บ้านจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง


ในส่วนของการควบคุม MTW3 จะใช้การสัมผัสที่หูฟัง ซึ่งสามารถปรับแต่งได้ แต่โดยพื้นฐานคือ เมื่อแตะทางฝั่งซ้าย จะเป็นการสลับโหมดรับเสียงจากรอบข้าง (Transparency) แตะทางฝั่งขวาเป็นเล่น/หยุดเพลง กรณีที่แตะ 2 ครั้งทางซ้ายจะเล่นเพลงก่อนหน้า แตะ 2 ครั้งทางขวาเล่นเพลงถัดไป

แตะ 3 ครั้งทางซ้ายเพื่อเข้าสู่โหมดตัดเสียง แตะ 3 ครั้งทางขวาเรียกใช้งานผู้ช่วยส่วนตัวด้วยเสียง และแตะค้างทางซ้ายเพื่อลดเสียง แตะค้างทางขวาเพื่อเพิ่มเสียง

สำหรับแบตเตอรี่ของหูฟัง ทางเซนไฮเซอร์ระบุว่า สามารถใช้งานได้ทั้งหมด 28 ชั่วโมง ด้วยการใช้งานจากหูฟัง 7 ชั่วโมง เมื่อรวมกับเคสที่ชาร์จได้อีก 3 ครั้งทำให้ฝั่งต่อเนื่องได้ยาวๆ แต่ทั้งนี้ ถ้าเปิดใช้งานโหมดตัดเสียงรบกวนระยะเวลาที่ใช้งานต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้งจะอยู่ที่ราว 5.30 ชั่วโมง


อย่างไรก็ตาม จุดหนึ่งที่เซนไฮเซอร์มีการอัปเดตตามมาหลังจากเปิดตัวคือการสลับเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ ที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าไปเลือกสลับการเชื่อมต่อระหว่างสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ตได้จากแอป Smart Connect เท่านั้น

เนื่องจากไม่สามารถกดสลับเชื่อมต่อจากอุปกรณ์ที่เคยเชื่อมไว้แล้วได้ ทำให้ต้องยกเลิกการเชื่อมต่อจากอุปกรณ์เดิม แล้วค่อยกดเชื่อมต่อที่อุปกรณ์ใหม่แทน ซึ่งทำให้มีความยุ่งยากในการใช้งานเล็กน้อย แต่ถ้าใช้งานกับเครื่องเดียวไม่ได้สลับอุปกรณ์ก็จะไม่พบปัญหานี้


สรุป


Sennheiser Momentum True Wireless 3 นับว่าเป็นหูฟังไร้สายตัดเสียงรบกวนระดับไฮเอนด์ที่ยังคงมาตรฐานของคุณภาพในการใช้งานได้อย่างดี ด้วยการปรับปรุงทั้งดีไซน์ การสวมใส่ให้สบายขึ้น พัฒนาระบบเสียง และไมค์ให้ดีขึ้น

ที่สำคัญคือราคาเปิดตัวที่ถูกลงเหลือ 9,999 บาท จากในรุ่น Momentum True Wireless 2 ที่เปิดตัวมา 11,999 บาท ทำให้หูฟังไร้สายรุ่นนี้น่าสนใจมากขึ้น ใครอยากได้หูฟังเสียงดีๆ ตัดเสียงรบกวนได้ ไมโครโฟนสนทนาชัดเจนรุ่นนี้ตอบโจทย์แน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น