xs
xsm
sm
md
lg

Review : Apple iPad 9th รุ่นเริ่มต้น สารพัดประโยชน์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การเปิดตัว iPad รุ่นใหม่ประจำปี 2021 หรือนับเป็น iPad รุ่นที่ 9 ของแอปเปิล (Apple) ในช่วงที่ความต้องการใช้งานแท็บเล็ตเพื่อการศึกษาเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะการนำไปใช้เรียนออนไลน์ รวมถึงใช้ในการเรียน การสอนต่างๆ ของนักเรียน รวมถึงตอบโจทย์การนำไปใช้งานทั่วไปได้อย่างน่าสนใจ

เพราะระดับราคาเริ่มต้นของ iPad 9 ที่อยู่ในช่วงหมื่นต้นๆ ทำให้กลายเป็นแท็บเล็ตที่เข้าถึงได้ค่อนข้างง่าย ประสิทธิภาพสูง หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 10.2” รองรับ Apple Pencil รุ่นแรก ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมเดิมได้สำหรับผู้ที่ใช้งานรุ่นก่อนหน้าได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่เป็น iPad รุ่นเริ่มต้น จึงทำให้ยังมีหลายจุดที่แอปเปิล ยังไม่ได้ปรับปรุงมากนักอย่างเรื่องของพอร์ตเชื่อมต่อที่ยังใช้เป็น Lightnig และกลายเป็น iPad รุ่นเดียวในไลน์อัปตอนนี้ที่ยังใช้พอร์ตดังกล่าว

ตามด้วยหน้าจอขนาดเท่าเดิม กล้องหลังความละเอียดเท่าเดิม เน้นปรับปรุงชิปเซ็ตให้แรงขึ้น และพัฒนากล้องหน้าให้รองรับการวิดีโอคอลล์ จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการ iPad มาใช้งานทั่วไป ในงบประมาณที่จำกัด แต่ถ้ามีงบประมาณเพียงพอแนะนำให้ข้ามไป iPad Air ไปเลยจะใช้งานได้ต่อเนื่องยาวกว่า


ข้อดี
iPad ราคาเข้าถึงได้
หน้าจอ 10.2”
กล้องหน้ามาพร้อมฟีเจอร์ติดตามใบหน้าอัตโนมัติ
พื้นที่เก็บข้อมูลเริ่มต้น 64 GB


ข้อสังเกต
ยังใช้งานพอร์ต Lightning อยู่เช่นเดิม
ดีไซน์เดิม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
ยังรงอรับแค่ 4G ในรุ่น Cellular


พัฒนาให้ใช้งานได้ครอบคลุม


แอปเปิล เลือกอัปเดต iPad รุ่นใหม่ในปีนี้ ด้วยการปรับปรุงฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์บางส่วน เพื่อให้รับกับพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มที่นำไปใช้ทำงาน เรียน และความบันเทิงที่เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกรูปแบบ

IPad รุ่นเดียวที่มาพร้อมพอร์ต Lightning ในเวลานี้


ในแง่ของการใช้งานด้วยการที่ตัวเครื่องมากับหน้าจอ 10.2 นิ้ว เช่นเดิม รองรับ Apple Pencil Gen 1 ผู้ที่เคยใช้งาน iPad รุ่นก่อนหน้าอยู่แล้ว เครื่องมีปัญหา หรือต้องการเลือกซื้อเครื่องใหม่มาใช้งานก็สามารถใช้งานกับอุปกรณ์เสริมเดิมได้

โดยจุดที่ปรับปรุงหน้าจอเพิ่มขึ้นในรุ่นนี้คือ รองรับการแสดงผลแบบ True Tone แล้ว ทำให้ผู้ใช้งานได้ประสบการณ์ใช้งานที่ดีขึ้น และช่วยรักษาสายตาของผู้ใช้งานด้วย ที่เหลือคือยังเป็นหน้าจอ Retina ความละเอียด 2160 x 1620 พิกเซล ให้ความสว่าง 500nit เช่นเดิม

Touch ID และปุ่ม Home ยังมีมาให้ใช้งาน


ถัดมาในส่วนของกล้องหน้าที่ปรับมาใช้กล้องแบบมุมกว้าง 12 ล้านพิกเซล มุมมอง 122 องศา f/2.4 พร้อมคุณสมบัติที่มากับ iPadOS 15 ทำให้กล้องหน้าสามารถเลื่อนจับใบหน้าให้อยู่กึ่งกลางภาพตลอดเวลา (Center Stage) ช่วยให้สามารถใช้งานวิดีโอคอลล์ได้สวยงามมากขึ้น

ต่อเนื่องมาในการอัปเกรดชิปเซ็ตประมวลผลมาใช้งานเป็น A13 Bionic เช่นเดียวกับใน iPhone 11 ซึ่งถือว่ารองรับการประมวลผลได้อย่างเต็มที่ทั้งด้านซีพียู จีพียูที่เร็วกว่าเดิม 20% และมี Neural Engine มาช่วยประมวลผลทางด้านแมชชีนเลิร์นนิ่งเพิ่มเติมด้วย

ที่เหลือก็จะมีการอัปเกรดพื้นที่เก็บข้อมูลจากเดิมรุ่นเริ่มต้นจะอยู่ที่ 32 GB เพิ่มขึ้นมา 1 เท่า เป็น 64 GB และมีตัวเลือก 256 GB ช่วยให้แม้ว่าจะซื้อรุ่นเริ่มต้น ก็เพียงพอกับการใช้งานแล้ว


รวมถึงอุปกรณ์ชาร์จที่ให้มาในกล่อง รอบนี้แอปเปิลเลือกแถมอะเดปเตอร์ชาร์จแบบ 20W ที่ใช้เชื่อมต่อสาย USB-C to Lightning ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรีได้ไว้ขึ้น ส่วนระยะเวลาใช้งานจะอยู่ที่ราว 9 / 11 ชั่วโมงใกล้เคียงเดิม


แต่จุดที่น่าเสียดายก็จะมีอย่างกล้องหลังที่ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลเท่าเดิม แน่นอนว่าผู้ที่ใช้งาน iPad มักจะไม่ได้หยิบขึ้นมาถ่ายภาพอยู่แล้ว กับอีกจุดคือเรื่องของระบบการเชื่อมต่อที่ยังเป็น WiFi 5 และในรุ่น Cellular ก็รองรับเฉพาะ 4G LTE เท่าเดิม ไม่ได้ปรับปรุงเพิ่มเติม


ใช้งานคู่ Smart Keyboard


นอกเหนือจากรูปแบบการใช้งานเป็นแท็บเล็ตแล้ว เมื่อตอนที่แอปเปิล เริ่มแนะนำ iPadOS มาให้ใช้งานแทน iOS บน iPad ก็จะเริ่มเห็นการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอย่างคีย์บอร์ด เมาส์ และแทร็กแพด เพื่อใช้งานร่วมกับ iPad มากยิ่งขึ้น


พอมาเป็นใน iPad 9 ก็ยังสามารถใช้งานร่วมกับ Smart Keyboard ที่เชื่อมต่อผ่านพอร์ตสมาร์ทคอนเนคข้างๆ เครื่องได้เหมือนเดิม ช่วยให้นอกจากการใช้งานเพื่อดูข้อมูล ท่องเว็บแล้ว ยังสามารถใช้ในการพิมพ์ข้อมูลต่างๆ เข้าไปเสริมสร้างคอนเทนต์ให้ครบถ้วนขึ้นด้วย


ที่ขาดไม่ได้ก็คือการใช้งานคู่กับ Apple Pencil ซึ่งใครที่มีอยู่แล้วก็สามารถนำมาใช้งานต่อได้ทันที และถือเป็นการจับคู่ระหว่าง iPad และปากกาที่ลงตัวที่สุด ด้วยราคาเริ่มต้นประมาณ 15,000 บาท


รุ่นที่วางจำหน่าย


iPad 9 วางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 2 ความจุให้เลือกคือรุ่น 64GB 11,400 บาท และ 16,400 บาทสำหรับรุ่น Cellular ส่วนรุ่น 256 GB เริ่มต้นที่ 16,900 บาท และ 21,900 บาท สำหรับ Cellular


สรุป


จะเห็นได้ว่าราคาของ iPad 9 ถือว่าค่อนข้างดึงดูดใจในรุ่นเริ่มต้น แต่ถ้าขยับขึ้นมาเป็นรุ่น 256 GB ราคาจะเข้าไปใกล้กับ iPad Air มากขึ้น ซึ่งถ้ามีงบประมาณพอไหวถึง iPad Air ก็จะแนะนำให้เลือกซื้อใช้งาน iPad Air ไปเลยดีกว่า


เนื่องจาก iPad 9 ปัจจุบันถึอเป็นรุ่นเดียวในตระกูล iPad ของแอปเปิล แล้วที่ยังใช้ดีไซน์เดิม ใช้งานกับพอร์ต Lighting อยู่ แตกต่างจากทั้ง iPad mini iPad Air และ iPad Pro ที่ปรับมาใช้งานดีไซน์ใหม่ มีพอร์ต USB-C ให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น

ดังนั้นถ้ามองหา iPad เพื่อใช้งานในระยะยาวแล้วสามารถซื้อหา iPad Air ได้ จะแนะนำให้เป็นตัวเลือกแรก แต่ถ้ามีงบประมาณจำกัด เน้นการนำมาใช้งานทั่วๆ ไป หรือใช้เรียนออนไลน์ iPad 9 ถือว่าคุ้มค่าอยู่แล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น