Apple เปิดตัว iPhone 12 และ iPhone 12 mini สีใหม่ ภายในงาน Spring Event ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจะเริ่มเปิดให้ สั่งจอง พร้อมกันหลายประเทศทั่วโลกในวันที่ 24 เมษายนนี้ (23 เม.ย. เวลา 19.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) ก่อนส่งมอบเครื่องในวันที่ 30 เมษายน
รอบนี้ไทยถือเป็นเทียร์แรกของ Apple ในการวางจำหน่าย iPhone 12 และ iPhone 12 mini สีใหม่นี้ ที่จะขายพร้อมๆ กัน 34 ประเทศ เนื่องจากเป็นรุ่นเดิมที่ผ่านการอนุญาตจาก กสทช. อยู่แล้ว เป็นการเพิ่มสีเข้ามาทำตลาดเท่านั้น
การเพิ่มสี ‘ม้วงงงงงง ม่วง’ (Mmmmm Purple) ของ iPhone 12 และ iPhone 12 mini ทำให้ปัจจุบันมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี เพิ่มเติมจากสีเดิมคือ ขาว ดำ ฟ้า เขียว และแดง ในราคาเริ่มต้นของ iPhone 12 mini ที่ 25,900 บาท และ iPhone 12 29,900 บาท
สำหรับ iPhone 12 สีม่วงนี้ เมื่อเทียบกับ iPhone 11 ที่มีวางจำหน่ายสีม่วงเหมือนกัน จะพบว่าตัวเครื่อง iPhone 12 จะมีความสดใสมากกว่า ทำให้กลายเป็นว่า iPhone 12 สีม่วงนี้ให้สีสันที่สวยงามมากขึ้น
เมื่อแกะกล่องออกมา iPhone 12 mini สีม่วง ยังคงมากับกล่องขนาดเล็กที่ไม่แถมอะเดปเตอร์เช่นเดิม ภายในกล่องนอกจากตัวเครื่องแล้ว ก็มีสายชาร์จ USB-C to lighting มาให้ พร้อมคู่มือต่างๆ มาให้เท่านั้น
การเก็บรายละเอียดสีต่างๆ บริเวณขอบเครื่องทั้งหมดยังคงทำได้ละเอียดตามสไตล์ของแอปเปิล เช่นเดียวกับบริเวณขอบของกล้องหลังก็ทำออกมาได้อย่างสวยงามเช่นเดิม
ปุ่มควบคุมทางซ้ายยังประกอบไปด้วยปุ่มเปิด-ปิดเสียง ปรับระดับเสียง และมีช่องใส่ถาดซิม เช่นเดิม ส่วนทางขวาก็จะเป็นปุ่มเปิดเครื่อง และเรียกใช้งาน Siri ตามปกติ
พอร์ตเชื่อมต่อด้านล่างยังคงเป็น Lightning โดยในรุ่น iPhone 12 mini จะมีไมโครโฟน และลำโพง แบ่งเป็น 2 ช่องกับ 4 ช่อง เมื่อเทียบกับ iPhone 12 จะมีช่องไมโครโฟน และลำโพงข้างล่างเป็น 3 ช่องกับ 5 ช่อง
ฝาหลังเครื่องยังมาพร้อมกับ MagSafe ที่เป็นระบบนิเวศของอุปกรณ์เสริมแบบใหม่ของแอปเปิล ที่นอกจากใช้ในการชาร์จ และแปะติดกับซองใส่นามบัตรแล้ว ก็จะเริ่มเห็นอุปกรณ์เสริมจากผู้ผลิตอื่นๆ ออกสู่ตลาดมากขึ้น
เมื่อเปิดใช้งาน iPhone 12 mini สีม่วง มากับ iOS 14.5 ที่คาดว่าจะเปิดให้ผู้ใช้งาน iOS ดาวน์โหลดกันในช่วงปลายสัปดาห์หน้านี้ และมาพร้อมกับภาพพื้นหลังสีใหม่ให้เลือกด้วย
การอัปเดตหลักของ iOS 14.5 ที่พลาดไม่ได้เลยคือ การปลดล็อกด้วบใบหน้าแม้ใส่หน้ากากอนามัยอยู่ โดย iPhone จะทำงานร่วมกับ Apple Watch ที่ผู้ใช้งานสวมใส่อยู่ เมื่อตรวจพบใบหน้าที่ใส่หน้ากาก จะตรวจสอบว่าเป็นเจ้าของเครื่องหรือไม่จากนาฬิกาที่สวมใส่อยู่