xs
xsm
sm
md
lg

ลองเล่น Apple Music ฟังเพลงออนไลน์ง่ายแค่คลิก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สิ่งที่มาพร้อมกับการอัปเดต iOS 8.4 ที่หลายคนรอคอยคงหนีไม่พ้นบริการเพลงออนไลน์รูปแบบใหม่ที่จะมาปฏิวัติวงการเพลงล่าสุดจากแอปเปิลในชื่อ 'Apple Music' โดยทางแอปเปิลได้เปิดให้ผู้ใช้ทดลองใช้งานก่อนเบื้องต้น 3 เดือน หลังจากนั้นถ้าต้องการใช้งานต่อก็จะมีค่าบริการเดือนละ 4.99 เหรียญ (ราว 170 บาท)

โดยเมื่อทำการอัปเดต iOS 8.4 เรียบร้อยแล้ว เมื่อกดเข้าไปที่ไอค่อน Music ผู้ใช้สามารถกดเข้าไปเพื่อเริ่มใช้งานได้เลย โดยจะมีให้เลือกทดลองใช้งานก่อน 3 เดือน แต่เมื่อกดเข้ามาจะมีให้เลือกว่าจะสมัครแบบ Individual ในราคาเดือนละ 4.99 เหรียญ หรือ Family เดือนละ 7.99 เหรียญ (ราว 270 บาท) ก่อน

เมื่อเลือกเสร็จแล้วก็จะนำไปสู่ขั้นตอนการกรอกข้อมูลบัตรเครดิตต่างๆ (กรณีที่เคยมีข้อมูลผูกกับ Apple ID อยู่แล้วก็สามารถกดสมัครได้เลย) โดยผู้ใข้ต้องทำการกดยืนยันสมัครก่อน หลังจากนั้นถึงจะสามารถเข้าไปใช้บริการฟรี 3 เดือนได้

ทั้งนี้ เมื่อกดสมัครไปเสร็จแล้ว ทางแอปเปิลระบุไว้ว่า ค่าบริการที่กดสมัครไปเมื่อครู่จะทำการคิดต่อเนื่องหลังจากหมดช่วงทดลองใช้ทันที แต่ถ้าไม่ต้องการให้ต่ออายุแบบอัตโนมัติผู้ใช้สามารถเข้าไปเลือกตั้งได้ว่าไม่ต้องทำการต่ออายุโดยอัตโนมัติ ด้วยการกดเข้าไปตรงไอค่อนที่มุมขวาบน เลือก View Apple ID เข้าตรง Subscriptions > Manage และกดตรง Automatic Renewal จาก On ให้กลายเป็น Off ระบบก็จะไม่ทำการต่ออายุอัตโนมัติแล้ว

กลับมาที่การใช้งาน Apple Music จะให้เริ่มใช้จากการเลือกประเภทของเพลงที่ชื่นชอบ เลือกศิลปินที่ชอบ เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นไปประมวลผลออกมาเป็นเพลงแนะนำสำหรับผู้ใช้

โดยในแถบของ 'For You' จะมีทั้งเป็นเพลยสิสต์เพลง แนะนำศิลปินให้เลือกกดเข้าไปฟังได้ทันที

ถัดมาในส่วนของ ‘New' จะเป็นการแสดงผลเพลงใหม่ๆ ที่น่าสนใจ โดยผู้ใช้สามารถเลือกกดเข้าไปฟังเพลง และอ่านรายละเอียดอัลบั้มได้ทันที พร้อมสามารถกดถูกใจ แชร์ไปยังโซเชียลมีเดีย หรือจะเลือกเก็บอัลบั้มเหล่านี้เข้าไปไว้ในเพลงโปรด หรือเลือกดาวน์โหลดมาฟังแบบออฟไลน์ในเครื่องได้ทันที

นอกจากนี้ แอปเปิลยังอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่ต้องการซื้อเพลง สามารถกดเข้าไปใน iTunes Store ได้ทันที หรือจะเลือกสร้างเพลยลิสต์ของตนเองก็สามารถทำได้ ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถเลือกประเภทของเพลงที่จะให้แสดงผลในหน้า ‘New’ นี้ได้เช่นเดียวกัน

ต่อมาในส่วนของ ‘Radio’ ตรงนี้จะเป็นส่วนของคลื่นวิทยุที่ผู้ใช้สามารถเลือกฟังเพลงในประเภทที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นเพลงติดอันดับ เพลงป็อป หรือจะเลือกฟังเฉพาะทางอย่างอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ แน่นอนว่ามีปุ่มให้แชร์สถานีเพลงไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์กด้วย

ส่วนของ '@connect' เป็นสิ่งที่ทำให้ Apple Music มีความน่าสนใจ กล่าวคือผู้ใช้สามารถเข้าไปติดตามขาวสารความเคลื่อนไหวของศิลปินที่ชื่นชอบได้ และยังสามารถโต้ตอบข้อความกับกลุ่มแฟนเพลงที่ชื่นชอบศิลปินคนเดียวกัน หรือจะเลือกเข้าไปฟังเพลงล่าสุด เพลงฮิต ดูรายชื่ออัลบั้ม คลิปวิดีโอ และผลงานทั้งหมดได้

สุดท้ายในส่วนของ 'My Music’ จะแสดงเพลงที่ผู้ใช้สั่งให้ดาวน์โหลดมาเก็บไว้ฟังแบบออฟไลน์ เหมือนกับเครื่องเล่นเพลงทั่วไป หรือกรณีที่มีการซิงค์เพลงไว้ในเครื่องอยู่แล้วก็สามารถเลือกฟัง หรือกดเล่นเพลงจากเพลยลิสต์ได้ทันที



สิ่งที่น่าสนใจสำหรับบริการ Apple Music คือเมื่อมีการสมัครใช้งานเรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้ภายใต้ Apple ID เดียวกัน (ใช้คนเดียว) ยังสามารถเลือกฟังเพลงได้ทั้งผ่าน iPhone iPad หรือแม้แต่ Macbook ที่ใช้ OSX หรือ พีซี ภายใต้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ผ่าน iTunes เวอร์ชัน 12.2 ได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ Apple Music เป็นบริการสตรีมมิ่งเพลงออนไลน์มาเล่นบนเครื่อง ทำให้คุณภาพของเสียงที่ได้ จะไม่เทียบเท่ากับเพลงที่เล่นจาก iTunes Store เพราะเท่าที่ลองใช้จะพบว่าเสียงที่ได้ยังไม่เนียนเท่า และกรณีเปลี่ยนเพลงยังมีการหน่วงเวลาดาวน์โหลดเล็กน้อย (ขึ้นอยู่กับความเร็วอินเทอร์เน็ต)

อีกจุดหนึ่งคือ การที่ใช้ apple id ของประเทศไทย แม้ราคาจะต่ำกว่าของ id US แต่ก็แลกมาด้วยการเข้าถึงฐานข้อมูลเพลงที่น้อยลงด้วย ดังนั้นถ้าเป็นคนที่มีความรู้เรื่องการเปลี่ยน id ไปใช้ของประเทศอื่นก็ลองนำจุดนี้ไปคิดก่อนสมัครใช้บริการด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น