ออกตัวแรงอีกครั้งกับสมาร์ทโฟน AIS Super Combo 2 รุ่นใหม่ จากค่ายผู้ให้บริการเอไอเอสที่อัดแน่นด้วยโปรโมชันการโทรชนิดที่เรียกว่า 'ได้เครื่องฟรี' กันเลยทีเดียว ที่สำคัญคือแม้ราคาถูกแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ดีเสมอไป เพราะทั้ง 2 รุ่น Pro 5.5 และ Iris 510 มีดีและเด่นในตัวอย่างเหมาะสมแน่นอน เรามาดูกันว่าทั้งสองรุ่นจะมีความสามารถมัดใจกลุ่มเป้าหมายทั้งรุ่นใหญ่ และรุ่นเล็กได้มากน้อยเพียงใด
การออกแบบและสเปก
เริ่มจาก AIS Super Combo Pro 5.5 ที่ออกแบบมาให้หน้าจอมีขนาดใหญ่ ช่วยเพิ่มการมองเห็นได้อย่างสะดวกด้วยความใหญ่ของหน้าจอกว่า 5.5 นิ้ว ตัวเครื่องทำจากพลาสติกสีเทาดำ พร้อมเพิ่มความหรูหราด้วยสีโครเมียมตลอดแนวขอบโดยรอบ โดยรวมนับว่าเป็นการออกแบบพื้นๆที่ยังไม่โดดเด่นในด้านใด ขณะที่ AIS Super Combo 4.0 (Iris 510) เป็นรุ่นเล็กลงมา มาพร้อมหน้าจอขนาด 4 นิ้ว ตัวเครื่องทำจากพลาสติกแต่ทำสีเหมือนโลหะ เพิ่มความหรูหราไม่แพ้กัน
ด้านหน้า - AIS Super Combo ทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมการออกแบบหน้าจอที่แตกต่างกันแค่เรื่องขนาดและความละเอียดของจอระหว่าง 5.5 นิ้วในรุ่น Pro 5.5 และขนาด 4 นิ้วในรุ่น Iris 510 เท่านั้น โดยด้านหน้านอกจากจะมีกระจกปิดจนถึงขอบจอทั้งสองรุ่นแล้ว ยังมีกล้องอยู่ทางด้านบนซ้าย พร้อมลำโพงตรงกลาง และสุดท้ายเป็นเมนู 3 ปุ่มหลักของแอนดรอยด์ที่อยู่ด้านล่างของหน้าจอ ซึ่งจะแสดงปุ่มไฟขึ้นมาเมื่อสัมผัส
ด้านหลัง - Pro 5.5 มีกล้องพร้อมแฟลชอยู่ด้านบนซ้าย ขณะที่ฝาหลังมีลักษณะเฉพาะตัวแบบไม่เต็มฝาหลัง สามารถเปิดออกได้จากร่องด้านซ้าย ส่วนIris 510 นอกจากกล้องพร้อมแฟลชที่อยู่มุมบนด้านซ้ายแล้ว ฝาหลังยังมีการออกแบบให้ครอบคลุมเต็มแผ่นหลัง โดยด้านล่างมีการออกแบบให้นูนขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมซ่อนลำโพงไว้ภายในด้านซ้าย
ด้านบน - ของทั้ง Pro5.5 และ Iris 510 มีตำแหน่งของช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร พร้อมช่องเสียบไมโครยูเอสบีสำหรับเชื่อมต่อและชาร์จไฟอยู่ทางด้านซ้าย ขณะที่ด้านล่างของทั้ง 2 รุ่นมีเพียงรูเล็กของระบบไมโครโฟนที่ซ่อนอยู่ภายในเท่านั้น ทั้งนี้รุ่น Iris 510 จะมีร่องสำหรับเปิดฝาหลังอยู่ทางด้านล่างเยื้องไปทางขวาอย่างชัดเจน
ด้านซ้าย - รุ่น Iris 510 จะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงสีเดียวกับด้านข้างนุนขึ้นมาเล็กน้อย ขณะที่รุ่น Pro5.5มีเพียงความเรียบของขอบเท่านั้น ด้านขวา - สำหรับรุ่น Pro 5.5จะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง พร้อมปุ่มเปิด-ปิดเครื่องถัดลงไปด้านล่างสีเดียวกับขอบเครื่อง และ Iris 510 จะมีปุ่มเปิด-ปิดเครื่องเท่านั้น
โดยรุ่น Pro5.5 จะมีหน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ให้ความละเอียด 720 x 1,280 พิกเซล มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลแบบ Quad Core 1.3 GHz มีแรมขนาด 2 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 16 GB กล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และกล้องหลังความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รองรับไมโครเอสดีการ์ดสูงสุด 32GB ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 5.0 (Lolipop) ใช้งานได้ 2 ซิมการ์ดแบบนาโนและขนาดปกติอย่างละช่อง พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 2,650 มิลลิแอมป์
ขณะที่รุ่น Iris 510 มาพร้อมหน้าจอขนาด 4 นิ้ว กับหน่วยประมวลผลแบบ Daul Core 1.3 GHz มีแรมขนาด 512 MB พื้นที่เก็บข้อมูล 4 GB กล้องหน้าความละเอียด 2 ล้านพิกเซล และกล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.4 (Kitkat) ใช้งานได้ 2 ซิมการ์ดขนาดปกติทั้ง 2 ช่อง แบตเตอรี่ขนาด 1,400 มิลลิแอมป์ ซึ่งทั้งคู่รองรับการใช้งาน 3G ย่าน 900/2100 MHz เท่านั้น
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
รุ่น Pro5.5 จะมีหน้าจอที่คมชัดแบบ HD คือความละเอียด 720x1280 พิกเซล ชนิดจอแบบ IPS ช่วยลดแสงสะท้อนและเพิ่มองศาการมองเห็นที่กว้างขึ้น อีกทั้งการแสดงผลยังให้สีสันที่สดใสสมจริง
รุ่น Pro5.5 ยังมีกล้องหน้าขนาด 5 ล้านพิกเซลและกล้องหลัง 13 ล้านพิกเซลพร้อมแฟลช ที่มาพร้อมโปรแกรมเมคอัป เหมาะสำหรับการถ่ายภาพตนเองหรือเซลฟีได้อย่างสนุกสนาน
นอกจากนี้ Pro 5.5 ยังมาพร้อมระบบปฏิบัติการของแอนดรอยด์รุ่นล่าสุด 5.0 (Lolipop) ซึ่งเมื่อผสมผสานกับการทำงานของซีพียูแบบ Quad core แล้ว ช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานลื่นไหลเป็นอย่างดี สามารถเล่นเกมบนมือถือได้อย่างไม่กระตุก
ความสามารถอีกอย่างที่น่าสนใจในรุ่น Pro 5.5 ก็คือฟีเจอร์ Touchpal ที่ช่วยเพิ่มปรับแต่งคีย์บอร์ดให้สามารถใช้งานได้ลื่นไหลและหลากหลายรูปแบบเฉพาะตัวตามที่ต้องการ โดยสามารถเก็บรูปแบบคีย์บอร์ดที่ใช้งานจนเคยชินไว้บนระบบคลาวด์เพื่อส่งต่อข้อมูลดังกล่าวไปที่เครื่องอื่นๆเมื่อต้องการเปลี่ยนเครื่องได้อย่างสะดวก
ฟีเจอร์ HotKnot เป็นอีกหนึ่งรูปแบบการส่งผ่านข้อมูลระหว่างเครื่องด้วยกัน โดยจะสามารถใช้วิธีนี้ได้โดยการนำหน้าจอไปแตะที่อีกเครื่อง และเลือกส่งข้อมูลที่ต้องการ คล้ายกับระบบ NFC นั่นเอง
ขณะที่รุ่น Iris 510 แม้ว่ากล้องหน้าจะมีเพียงความละเอียด 2 ล้านพิกเซล แต่ก็เพิ่มแฟลชด้านหน้าาให้ สำหรับการถ่ายเซลฟี่ในสภาวะแสงน้อย ช่วยเพิ่มความชัดได้ไปอีกแบบ
ทั้งสองรุ่นรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด ช่วยเพิ่มความสะดวกสำหรับผู้ที่มีเบอร์โทรมากกว่า 1 เลขหมาย
ในส่วนของผลการทดสอบทั้งรุ่น Pro 5.5 และ Iris 510 ผ่านโปรแกรมทดสอบประสิทธิภาพบนแอนดรอยด์อย่าง Quadrant ได้คะแนน 5,820 และ 3,771 คะแนนตามลำดับ ด้านการทดสอบด้วย Antutu ได้คะแนน 19,036 และ 11,463คะแนน นับว่าเป็นคะแนนที่ไม่ทิ้งห่างกันมาก แม้ว่าจะมีการใช้ซีพียูที่ต่างกันถึง 1 เท่าก็ตาม ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม MultiTouch สามารถรองรับการสัมผัสพร้อมกันได้ 5 จุดและ 2จุดเท่านั้น
ทดสอบการใช้งาน HTML 5 ทั้งรุ่น Pro 5.5 และ Iris 510 ผ่าน Vellamo ได้ 1,515 และ 1,098 คะแนน ส่วนประสิทธิภาพตัวเครื่องได้ 777 และ 650 คะแนน และทดสอบมัลติคอร์ได้ 1,073 และ 775 คะแนน ทดสอบกราฟิกผ่าน Nenamark1 ได้คะแนน 58.9 fps และ 54.6 fps ขณะที่การทดสอบด้วยโปรแกรม Nenamark2 ได้คะแนน 54.4 fps และ32.4 fps ตามลำดับ
และการทดสอบเครื่องรุ่น Pro5.5 ด้วยโปรแกรม 3D Mark ทั้ง 2 เวอร์ชัน Ice Storm Unlimited ได้คะแนน 2,848 คะแนน Ice Storm Extreme ได้คะแนน 1,883 คะแนน ถือว่าการทำงานของหน้าจอแสดงผลมีประสิทธิภาพที่ไม่ประทับใจเท่าที่ควร
ด้านการทดสอบประสิทธิภาพด้วยโปรแกรม Passmarkได้คะแนนรวม 2,548 และ 1,662 คะแนน นับว่าเป็นคะแนนไม่น่าประทับใจเท่าไหร่
ส่วนการทดสอบ CF-Bench ของทั้งสองรุ่น ดูรายละเอียดได้จากรูปด้านล่าง
จุดขาย
- ราคาถูกพร้อมโปรโมชัน
- หน้าจอความละเอียดสูงสำหรับรุ่น Pro 5.5
- กล้องหลังความละเอียดสูงถึง 13 ล้าน ในรุ่น Pro 5.5
ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่
- หน้าจอไม่ใช่กระจกกันรอย
- รองรับ 3G ได้เฉพาะระบบเอไอเอส (900/2100 MHz)
- การออกแบบยังไม่โดนใจ
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป
AIS Super Combo Pro 5.5 และ AIS Super Combo 4.0 (Iris 510) ทั้งสองรุ่นนี้อาจจะเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใช้สมาร์ทโฟน และมีงบประมาณที่จำกัด โดยตัวเครื่องมาพร้อมโปรโมชันที่ถือว่าคุ้มค่า หากแต่ฟีเจอร์ที่ได้รับยังไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เคยใช้สมาร์ทโฟนมาเป็นระยะเวลานานแล้วเป็นอย่างยิ่ง โดยแนะนำว่าหากต้องการใช้สมาร์ทโฟนและมีงบประมาณที่ไม่มาก ทั้ง 2 รุ่นนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่หากมีประสบการณ์แล้วและต้องการใช้งานประสิทธิภาพเครื่องอย่างเต็มที่แนะนำให้ผ่านทั้ง 2 รุ่นนี้ไปครับ
ทั้งนี้ AIS Super Combo Lava 4.0 (Iris 510) เปิดตัวที่ราคา 2,190 บาท ขณะที่ AIS Super Combo Pro 5.5 เปิดตัวด้วยราคา 5,290 บาท โดยทั้งคู่ยังมาพร้อมโปรโมชันที่น่าตกใจ ซึ่งหากเป็นลูกค้าเอไอเอส วัน-ทู-คอล จะได้รับโบนัสค่าโทร.ฟรี 5,200 บาท สำหรับรุ่น Pro 5.5 และรับโบนัสโทร.ฟรี 2,200 บาท สำหรับรุ่น Lava 4.0 อีกทั้งยังเล่นฟรี LINE/ Facebook นาน 10 เดือน
สำหรับลูกค้าเอไอเอสรายเดือนรับส่วนลดค่าแพกเกจ 50% นาน 12 เดือน แพคเกจเริ่มต้นที่ 249 บาท/เดือน โทร.ทุกเครือข่าย 100 นาที, เน็ตฟรี 1 GB, เล่นฟรี LINE / Facebook / WhatsApp / Kakao Talk นาน 6 เดือน, AIS Super WiFi ไม่จำกัด
