ภายในเปิดตัว HTC J Butterfly HTL23 (Butterfly 2) ในญี่ปุ่น ทางเอชทีซีได้มีการเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเตอร์ภายในงานด้วยเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ป Nogizaka46 ที่มีชื่อเสียงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า AKB48 โดยนำความสดใสน่ารักของศิลปินมาช่วยในการสื่อสารฟีเจอร์และลูกเล่นที่น่าสนใจใน Butterfly 2 ไปยังผู้บริโภค
จุดเด่นสำคัญของ Butterfly 2 ที่หยิบขึ้นมาโชว์คงหนีไม่พ้นเรื่องของกล้อง Duo Camera ที่หันมาใช้กล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซล แทนใน One M8 และ One E8 ที่ใช้เป็นอัลตร้าพิกเซลความละเอียด 4 ล้านพิกเซลอยู่ ทำให้ในการถ่ายภาพสามารถซูมเข้าไปดูรายละเอียดได้มากขึ้น แต่ก็ทำให้ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ลำบากมากขึ้น
ฟังก์ชันแรกที่ Nogizaka46 ออกมาแนะนำเลยก็คือการเลือกจุดโฟกัสภายในฟีเจอร์ U Focus ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอได้ หรือแม้แต่จะเลือกโฟกัสเฉพาะในจุดที่ต้องการ ที่สำคัญคือใช้วิธีการถ่ายภาพก่อน ค่อนเลือกจุดโฟกัสทีหลัง
ถัดมาคือการเปลี่ยนสีพื้นหลังของภาพ ด้วยการนำนวัตกรรมจากกล้องคู่มาช่วยในการแยกพื้นที่ ทำให้สามารถประมวลผลภาพในการเปลี่ยนเฉพาะบริเวณที่เป็นพื้นหลังของภาพให้กลายเป็นสีอื่น
นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันอย่างการใส่ฤดูกาลในภาพ ให้คล้ายๆกับเป็นภาพเคลื่อนไหวมีหิมะ หรือดอกซากุระตกลงมา
ต่อมาคือฟังก์ชันอย่างการ Copy & Paste ที่สามารถตัดต่อบุคคลในรูปหนึ่งไปใส่ไว้ในอีกรูปหนึ่งได้ทันที โดยสามารถเลือกปรับขนาด ปรับระยะของบุคคลที่จะนำไปใส่ไว้ในภาพได้ด้วย
สำหรับผู้หญิงก็จะมีฟังก์ชันเสริมอย่างการแต่งหน้า ปรับหน้าเรียว แก้ตาแดง ให้เล่นกันเพื่อให้ภาพที่ออกมาสวยงาม
ในส่วนของกล้องหน้าที่ให้มา 5 ล้านพิกเซล ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในอินเตอร์แบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับการถ่ายภาพ Selfie ด้วยมุมที่ค่อนข้างกว้างทำให้สามารถเก็บภาพแบบกลุ่มได้ง่ายขึ้นด้วย
ในขณะเดียวกันก็มีสาธิตการใช้งาน Dot View Cover ที่ล่าสุดสามารถแต่งธีมของ Dot View ได้เอง พร้อมกับความสามารถในการดูข้อมูลที่มากขึ้น อย่างการเรียกดูสายที่ใช้งานล่าสุด ตารางการนัดหมาย สภาพอากาศ และแน่นอนว่ายังสามารถกดรับสายได้ในขณะที่ปิด Dot View อยู่
มาดูในส่วนของตัวเครื่องจะมีวางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 3 สี คือ สีแดง (Rouge) , สีน้ำเงินอมม่วง (Indigo) และ สีขาวเซรามิค (Canvas) โดยในสีแดง และน้ำเงินอมม่วง ตัวพื้นผิวของฝาหลังจะออกแนวมัน เงา (Glossy) เพื่อจับตลาดกลุ่มผู้หญิง ส่วนสีขาว จะมีลักษณะเป็นพื้นด้านที่มีการเคลื่อบสารป้องกันคราบสกปรก ที่เอชทีซี เคลมว่าสีขาวที่ใช้งานเมื่อใช้ไปนานๆแล้วจะไม่เหลืองอย่างแน่นอน พร้อมกับทดลองนำดินสอมาเขียนบนฝาหลัง และเช็ดออกให้ดู
ด้านหน้าตัวเครื่องจะมาพร้อมกับหน้าจอความละเอียด Full HD ขนาด 5 นิ้ว พร้อมลำโพงคู่หน้าที่ใช้เทคโนโลยีของ Harman JBL ขนาดตัวเครื่องจะอยู่ที่ 145.4 x 70.2 x 9.99 มิลลิเมตร น้ำหนัก 151 กรัม วัสดุที่ใช้จะเป็นพลาสติกโพลีคาร์บอเนตแทนอะลูมิเนียม แต่ตัวงานประกอบยังคงแน่นหนาตามสไตล์ของเอชทีซี
ในส่วนของบริเวณเหนือจอภาพ นอกจากจะมีลำโพงสนทนาแล้ว ก็จะเป็นที่อยู่ของเซ็นเซอร์ตรวจจับใบหน้า เซ็นเซอร์วัดแสง และกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และจากตำแหน่งที่เปลี่ยนไปของเซ็นเซอร์ ทำให้ไม่สามารถใช้งานร่วมกับ Dot View Cover ของเครื่องอย่าง M8 ได้
ล่างหน้าจอจะไม่มีปุ่มสัมผัสใดๆ เพราะได้รวมปุ่มสั่งงานของแอนดรอดย์ไว้ในหน้าจอแล้ว ตามการพัฒนาของแอนดรอยด์เวอร์ชันใหม่ๆ จะมีเพียงโลโก้ของ htc พาดอยู่กึ่งกลาง และลำโพงคู่หน้าอีกฝั่งหนึ่งเท่านั้น
ด้านหลังจะมีความโค้งที่ผสานกันของ 2 มุม ทำให้ถือจับแล้วค่อนข้างถนัดมือ โดยจะมีจุดเด่นอยู่ที่กล้องคู่ 13 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลชคู่ที่เป็น LED และ LCD เพื่อช่วยปรับโทนแสงเวลาถ่ายภาพเปิดแฟลชในที่มืด ภายในจะมีแบเตอรีขนาด 2,700 mAh
ด้านบน จะมีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง และเซ็นเซอร์อินฟาเรต ใช้สำหรับควบคุมโทรทัศน์เหมือนในรุ่น One M8
ด้านล่าง เป็นช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. พอร์ตไมโครยูเอสบีสำหรับเสียบสายชาร์จ เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ และไมโครโฟนสนทนา
ด้านขวา จะมีช่องใส่นาโนซิมการ์ด และปุ่มปรับระดับเสียงที่ใช้เป็นพลาสติกเคลือบสีเงินติดอยู่ ส่วนด้านซ้ายก็จะเป็นช่องใส่ไมโครยูเอสบีได้สูงสุด 128 GB
การเปิดทั้งช่องใส่ซิมการ์ด และช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ด ต้องใช้เล็บจิกเข้าไปในช่องเล็กน้อยแล้วงัดออกมา เพราะในส่วนนี้จะมีขอบยางป้องกันน้ำเข้าอยู่ด้วย ในจุดนี้ทางเอชทีซีก็แอบกัดเล็กน้อยว่าไม่จำเป็นต้องใช้เข็มจิ้มซิมอีกต่อไป
ในส่วนของการกันน้ำมาตรฐาน IP57 ที่สามารถกันน้ำลึกได้ 1 เมตร ไม่เกิน 30 นาที โดยในส่วนของพอร์ตไมโครยูเอสบีนั้น ไม่จำเป็นต้องหาอะไรมาปิด เพราะทำขึ้นมาพิเศษให้สามารถกันน้ำได้อยู่แล้ว เช่นเดียวกับช่องเสียบหูฟัง แต่ทั้งนี้ เอชทีซีไม่แนะนำให้ตั้งปุ่มปรับระดับเสียงเป็นปุ่มชัตเตอร์ในการถ่ายภาพใต้น้ำ แต่ให้ใช้วิธีการตั้งเวลาถ่ายภาพ หรือถ่ายเป็นวิดีโอแทน
สำหรับสเปกภายในของ Butterfly 2 จะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 801 2.5 GHz มี RAM ให้ 2 GB ส่วนพื้นที่เก็บข้อมูลจะมีให้เลือกทั้ง 16 GB และ 32 GB ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศ ในส่วนของการเชื่อมต่อ 4G LTE จะรองรับทั้งเทคโนโลยี FDD และ TDD มีไวไฟ 802.11 a/b/g/n/ac บลูทูธ 4.0 GPS NFC วิทยุFM เซ็นเซอร์นับก้าวภายในตัวเครื่อง
ผลการทดสอบ Butterfly 2 ผ่านโปรแกรมอย่าง Quadrant Standard จะคะแนนที่ 23,770 คะแนน ส่วน AnTuTu Benchmark ได้ 37,652 คะแนน และ Vellemo ได้คะแนนโครมเบราว์เซอร์ 2,643 คะแนน แอนดรอยด์เบราว์เซอร์ 2,992 คะแนน มัลติคอร์ 1,904 และ เมทัล 1,492 คะแนน
***One E8 + Dot VIew Cover กับราคา 17,900 บาท
อีกผลิตภัณฑ์หนึ่งที่จะเริ่มจำหน่ายในประเทศไทยในวันที่ 25 สิงหาคม 2557 นี้คือ HTC One E8 ที่เป็นรุ่นที่นำสเปกภายในของ One M8 มาปรับเปลี่ยนกล้องให้กลายเป็นกล้องเดี่ยว 13 ล้านพิกเซลแทน พร้อมกับการเปลี่ยนวัสดุจากอะลูมิเนียมให้กลายเป็นพลาสติกโพลีคาร์บอเนตแทน ลดเซ็นเซอร์อินฟาเรต เพื่อปรับระดับราคาต้นทุนเครื่องให้ต่ำลง และสามารถจำหน่ายได้ในราคา 17,900 บาท
ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว ถ้ามองผ่านๆจะเหมือนกับ One M8 แทบทุกประการแต่ถ้าได้ลองสัมผัสจะรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในแง่ของวัสดุที่ใช้ โดยขนาดรอบตัวจะอยู่ที่ 146.42 x 70.67 x 9.85 มิลลิเมตร นำ้หนักราว 145 กรัม วางจำหน่ายด้วยกัน 2 สี คือ ดำ และ ขาว
ด้านหน้า จะเห็นหน้าจอขนาด 5 นิ้ว ความละเอียด Full HD ที่มีลำโพงคู่บนล่าง มีกล้องหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล อยู่ข้างกับเซ็นเซอร์ตรวจวัดแสง
ด้านหลัง จะเหลือเพียงกล้องความละเอียด 13 ล้านพิกเซลตัวเดียว แต่จะมีลูกเล่นด้วยการออกแบบคือจะมีวงแหวนสีทองครอบอยู่บริเวณฝาเลนส์เพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวกล้องและแฟลช โดยมีสัญลักษณ์ htc อยู่ตรงกึ่งกลาง ภายในจะมีแบตเตอรีขนาด 2,600 mAh อยู่
ด้านบน จะมีปุ่มเปิด-ปิด เครื่องอยู่ ส่วนด้านล่าง จะเป็นช่องเสียบสายไมโครยูเอสบี และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม.
ด้านซ้าย จะมีช่องสำหรับใส่นาโนซิมการ์ด และด้านขวา มีปุ่มปรับระดับเสียง และช่องใส่ไมโครเอสดีการ์ด ที่ต้องใช้เข็มจิ้มในการดึงถาดซิมออกมา
ตัวเครื่องรองรับการใช้งาน Dot View Case เช่นเดิม เพียงแต่ไม่สามารถนำเคสรุ่นเก่าจาก M8 มาใช้งานได้ ต้องใช้เคสเฉพาะของรุ่น E8 เท่านั้น
สำหรับสเปกภายในคร่าวๆของ One E8 จะมาพร้อมกับหน่วยประมวลผล Qualcomm Snapdragon 801 ที่เป็นควอดคอร์ 2.5 GHz มี RAM ให้มา 2 GB พื้นที่เก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง 16 GB สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มเติมได้สูงสุด 128 GB รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE ไวไฟมาตรฐาน 802.11 a/b/g/n บลูทูธ 4.0 NFC วิทยุFM
ส่วนจุดเด่นอื่นๆอย่าง HTC Sense 6 ระบบ Motion Launch HTC BoomSound ยังมีมาให้หมด จะขาดก็แต่ฟังก์ชันที่เกี่ยวกับกล้อง Duo Camera ที่ถูกตัดไปเท่านั้น ทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.4
ผลการทดสอบ One E8 ผ่านโปรแกรมอย่าง Quadrant Standard จะคะแนนที่ 25,346 คะแนน ส่วน AnTuTu Benchmark ได้ 37,449 คะแนน และ Vellemo เมทัล 1,462 คะแนน ซึ่งจะเห็นว่าทั้ง 3 รุ่นมีคะแนนใกล้เคียงกันหมดระหว่าง M8 E8 และ Butterfly 2 เพราะใช้สเปกภายในชนิดเดียวกัน
CyberBiz Social
http://instagram.com/cbizonline