เป็นแบรนด์ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งสำหรับตลาดในประเทศไทยอย่างค่าย OPPO ที่ดาหน้าเปิดตัวสมาร์ทโฟนหวังทำตลาดในประเทศไทยในทุกๆ เซกเมนต์ ซึ่งในแต่ละรุ่นที่ออกมาวางจำหน่ายนั้นก็ทำได้ดีพอตัว
และนี่ก็จะเป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งรุ่นของ OPPO ที่เราๆ ต้องจับตามองอีกครั้งกับสมาร์ทโฟนที่ชื่อว่า OPPO Finder สมาร์ทโฟนเพรียวบางที่สุดในโลก 6.65 มิลลิเมตร
การออกแบบและสเปกเครื่อง
ด้านการออกแบบตัวเครื่องของ OPPO Finder ด้วยความที่เป็นสมาร์ทโฟนที่เน้นไปที่ความบาง ทำให้ต้องตัดช่องเสียบหูฟังออกไป แล้วใช้หูฟังแบบที่ต้องเชื่อมกับพอร์ทไมโครยูเอสบีก่อนจึงจะใช้งานหูฟังได้ นอกจากนี้แล้วบริเวณส่วนของกล้องดิจิตอลที่อยู่ด้านหลังของเครื่อง คงต้องบอกว่าไม่ค่อยจะสวยและไม่ดูเด่นสักเท่าไหร่ โดยส่วนตัวมองว่าถ้าหากมีกล้องหลังอยู่หลังเครื่องควรจะทำให้ตัวกล้องเด่นกว่าที่เป็นอยู่ แต่ของ OPPO Finder ตัวกล้องแค่นูนๆ ออกมา ทำให้ตัวเครื่องมันดูแบนราบเรียบจนไม่มีจุดเด่นจนเกินไป
แต่ถึงกระนั้นการดีไซน์โดยภาพรวมของ OPPO Finder ก็ดูสวยงามจริงๆ ตั้งแต่วัสดุการประกอบงานที่ดีเยี่ยม ไม่มีเสียงก๊อบแก๊บ ที่สำคัญตัวเครื่องแลดูแข็งแรงมากด้วย
ด้านหน้า - มาพร้อมกับหน้าจอความละเอียด 4.3 นิ้ว มีกล้องหน้าด้วยความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล หน้าจอความละเอียดแบบ Super AMOLED Plus ปุ่มสัมผัสด้านล่างเป็นแบบ Capacitive
ด้านหลัง - กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล มีแฟลช ด้านล่างเป็นลำโพงเสียง
ด้านซ้าย - มีช่องใส่ไมโครซิม และด้านล่างจะแม่เหล็กสำหรับใส่ร่วมกับด็อคพิเศษของ OPPO
ด้านขวา - ปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง
ด้านล่าง - มีแค่ลำโพงสนทนาเล็กๆ
ด้านบน - ปุ่มเปิด/ปิดเครื่อง และช่องไมโครยูเอสบีสำหรับชาร์จประจุเครื่องและใส่หูฟัง
สำหรับสเปก OPPO Finder โดยคร่าว หน้าจอขนาด 4.3 นิ้ว ความละเอียดแบบ Super AMOLED Plus ความละเอียดหน้าจอ 480x800 พิกเซล กล้องหลังโมดูลโซนี่ 8 ล้านพิกเซล กล้องหน้า 1.3 ล้านพิกเซล ชิปประมวลผลดูอัลลคอร์ Qualcomm S3 Snapdragon 1.5GHz RAM 1GB ความจำเครื่อง 16GB แบตเตอรี่ 1500 mAh ระบบปฏิบัติการเป็น Ice Cream Sandwich 4.0 จำหน่ายราคา 14,990 บาท
ฟีเจอร์เด่นประจำเครื่อง
Homescreen - สำหรับ OPPO Finder จะมีหน้าจอส่วนของ Homescreen ให้ผู้ใช้ได้ปรับแต่งได้อย่างอิสระมากถึง 9 หน้า แต่ถ้าอยากจะใส่วิดเจ็ทอื่นๆ เพิ่มเติมก็สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่สัมผัสที่หน้าจอค้างเอาไว้ แล้วเลือกวิดเจ็ทปรับแต่งได้เลย
notification - ในส่วนนี้นอกจากจะเป็นพื้นที่ในการแจ้งเตือนข้อความต่างๆ ที่เข้ามาภายในเครื่องแล้ว ด้านบนจะมี Toggle สำหรับเป็นคีย์ลัดในการเลือกเปิด/ปิด ฟังก์ชันต่างๆ ของเครื่องทั้งไวไฟ บลูทูธ เป็นต้น
ทั้งนี้ตรงบริเวณ Toggle สามารถปรับแต่งค่าได้ด้วยตัวเอง
App Drawer - สำหรับหน้ารวมแอปพลิเคชัน จะทำได้เพียงแค่ค้นหาแอปพลิเคชัน หรือจะลากแอปพลิเคชันจาก App Drawer ไปหน้าจอ Homescreen ทั้งนี้หากผู้ใช้ต้องการที่จะลากแอปฯ ไปที่ Homescreen จะต้องเลื่อนลงมาไว้ที่แท็บด้านล่างก่อน ซึ่งส่วนนี้มองว่าไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เพราะปกติการลากแอปพลิเคชันมาลง Homescreen สามารถใส่ที่หน้าจอได้เลย
กล้อง - โหมดกล้องไม่มีเมนูอะไรมากนัก นอกจากการเปิด/ปิด HDR แฟลช และเสียงชัตเตอร์ ส่วนวิดีโอก็สามารถเลือกปรับได้ว่าจะเป็นการถ่ายความละเอียดเท่าไหร่จะเป็น 720p หรือ 1080p ก็ได้
ทั้งนี้ในส่วนของกล้องในส่วนของสีที่แสดงภาพออกมาจะค่อนข้างผิดเพี้ยนจากตาเปล่าค่อนข้างมาก *อัปเดทในเฟิร์มแวร์ตัวใหม่เรื่องนี้ถูกแก้ไขแล้ว
โทรศัพท์ - ส่วนนี้สังเกตได้ว่า ปุ่มกดตัวเลขค่อนข้างใหญ่ รวมทั้งยังมีพยัญชนะไทยอยู่ใต้เลขด้วย ด้านล่างจะเป็นแท็บต่างๆ เช่นข้อมูลการโทร รายชื่อ รวมถึงรายชื่อคนโปรด สำหรับเฟิร์มแวร์ก่อนหน้านี้จะไม่สามารถค้นหารายชื่อผู้ติดต่อได้ แต่เฟิร์มแวร์ V.3.02 สามารถค้นหาได้แล้ว
โหมดการฟังเพลง - จะมีให้ปรับ Equalizer ปรับเบสต่างๆ ได้ รวมถึงยังมาพร้อมกับคุณภาพเสียงแบบ Dolby ด้วย
สำหรับการเล่น VDO ก็รองรับนามสกุลไฟล์ต่างๆ เช่น ที่สำคัญสามารถเล่นไฟล์ความละเอียดระดับ 1080p ได้สบายๆ เลยทีเดียว
เบราว์เซอร์ - ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานของแอนดรอยด์ เบราว์เซอร์ทั่วไป โดยที่สามารถเปิดหน้าต่างได้ทั้งหมด 8 หน้า ฟอนต์ต่างๆ รวมถึงการตัดคำทำได้ดีระดับหนึ่ง รองรับการซูมโดยการใช้นิ้วจีบเข้า-ออก และใช้งานได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน
การตั้งค่า - โดยทั่วไปแล้ว หมวดการตั้งค่าสมาร์ทโฟนของค่าย OPPO ทั่วไปแล้วจะมีการแบ่งหมวดอย่างชัดเจนออกเป็น 4 หมวด ตั้งแต่การตั้งค่าทั่วไป ตั้งค่าเสียง จอแสดงผล และความปลอดภัย
Lomo - ถือว่าเป็นจุดเด่นของ OPPO ตั้งแต่สมัยที่ยังทำฟีเจอร์โฟนเลยก็ว่าได้ ที่จะเน้นเรื่องของการถ่ายภาพแบบแปลกๆ หลังจากที่ OPPO ได้โดดมาทำสมาร์ทโฟนก็ยังไม่ทิ้งบุคลิกเดิมเรื่องของการถ่ายแบบสีสัน ภายในโหมด Lomo จะมีแนวภาพหลากหลายแนวให้ผู้ใช้ได้เลือกไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพแบบบิดเบี้ยว เป็นต้น
SafeManager - เป็นข้อดีของสมาร์ทโฟยนจาก OPPO เลยก็ว่าได้ที่จะมีการใส่แอปพลิเคชันจำพวก Security เอาไว้ นอกจากนี้ในส่วนของ SafeManager จะมีฟีเจอร์เกี่ยวกับการควบคุมปริมาณ data การบล็อกหมายเลขโทรศัพท์ไม่พึงประสงค์อีกด้วย
PowerSaver - โหมดการประหยัดพลังงาน ที่ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการใช้พลังงานของเครื่องได้เอง ถึงแม้ว่าโดยปกติแล้ว OPPO Finder จะไม่ได้กินทรัพยากรแบตเตอรี่มากนัก แต่ถ้าผู้ใช้ไม่พอใจก็สามารถปรับแต่งได้เลยตามอัธยาศัย
NearMe Note - แอปพลิเคชันประเภทโน้ต ที่มีความสามารถหลากหลายอย่างยิ่ง ซึ่งผู้ใช้สามารถที่จะจดโน้ตโดยแทรกรูปภาพเข้าไป หรือจะเป็นโน้ตแบบที่เขียนโดยการวาดจากบนหน้าจอก็ยังได้ อีกทั้งอินเตอร์เฟสของแอปก็ค่อนข้างดึงดูดน่าใช้พอตัว
ปิดท้ายด้วยผลการทดสอบจาก Benchmark ต่างๆ เริ่มต้นตัวแรก AnTuTu ได้คะแนนทดสอบ 6580 ผลการทดสอบด้วยแอป Quadrant Standard ได้ไป 3701 ทดสอบด้วย BenchmarkPI ได้ 541 ทดสอบกราฟิกด้วยแอป Neocore ได้ผลทดสอบ 59.9FPS และทดสอบด้วย NenaMark และ NenaMark2 ได้ผลทดสอบ 60.3 และ 55.1fps ตามลำดับ
จุดเด่น OPPO Finder
- ดีไซน์สวย วัสดุประกอบงานแช็งแรงทนทาน ผ่านการ QC มาอย่างดี
- มีการอัปเดทซอฟต์แวร์ของเครื่องค่อนข้างบ่อย ทำให้บั๊กต่างๆ ที่เกิดขึ้นถูกแก้ได้อย่างรวดเร็ว
- การใช้งานค่อนข้างลื่นไหล และเสถียร
- มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Ice Cream Sandwich ตั้งแต่ต้น
ข้อสังเกต
- การจับตัวเครื่องรู้สึกว่ายังไม่ค่อยกระชับ
- ด้านหลังของเครื่องโดยเฉพาะตัวกล้อง ดูไม่สวยสักเท่าไหร่ ควรเน้นให้กล้องเด่นกว่านี้
- ไม่มีแจ็คหูฟัง ซึ่งผู้ใช้จะต้องใช้หูฟังที่เสียบกับพอร์ทไมโครยูเอสบี ทำให้ไม่สะดวก แต่ก็พอเข้าใจได้ว่า OPPO ต้องการให้ตัวเครื่องบาง จึงใส่ส่วนนี้มาไม่ได้
- ระบบ Auto Brightness ไม่ดีเลย แนะนำควรจะปรับความละเอียดของความสว่างจอภาพด้วยตัวเองจะดีกว่า
- ไม่รองรับไมโครเอสดี
- โดยส่วนตัวมองว่า ถึงแม้แบตเตอรี่ 1500 mAh จะค่อนข้างพอดีกับตัวเครื่องแล้ว แต่ถ้าเป็นไปได้ควรจะให้สัก 1700 mAh จะดีกว่า
ฟันธงความคุ้มค่าของรุ่นนี้ OPPO Finder
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น OPPO เริ่มมาถูกทางในการวางนำเสนอสมาร์ทโฟนของตัวเองให้เป็นที่รู้จักกับคนภายนอกมากขึ้น ซึ่ง OPPO Finder ก็เป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่มีทีเด็ดทีขาดอยู่ที่การขายดีไซน์ที่ค่อนข้างจะดูดี เน้นหนักที่ความบางของตัวเครื่อง แถมสามารถแข่งกับคู่แข่งยักษ์ใหญ่ที่อยู่ในตลาดนี้มาก่อน OPPO ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อไม่ว่าจะเป็นค่าย Sony และ HTC
แน่นอนว่า OPPO Finder สามารถดึงดูดกลุ่มได้พอสมควรจากรูปลักษณ์ดังกล่าว อีกทั้งสเปกเครื่อง ความสามารถกล้อง และระบบปฏิบัติการถือว่าโอเคใช้ได้ดีระดับหนึ่ง อีกทั้งถ้าหากไล่เลียงแล้วก็พอสู้กับสมาร์ทโฟนคู่แข่งแบรนด์อื่นๆ ได้ด้วยตรงที่ราคาที่ถูกกว่า แต่โดยส่วนตัวถ้าหากราคาขายของเครื่องถูกกว่าสัก 1-2 พันบาทก็มีแนวโน้มน่าจะดึงผู้บริโภคให้มาใช้รุ่นนี้ได้พอสมควรเลยทีเดียว
เพิ่มเติม: ในเฟิร์มแวร์รุ่นใหม่ที่มีการอัปเดทล่าสุดจะมีการแก้ไข forced close เมื่อมีการใช้แอปพลิเคชัน LINE และ Instagram
Company Related Link :
OPPO