ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามของซัมซุงในการผลักดันระบบปฏิบัติการลูกหม้ออย่าง บาด้า (Bada) ให้เข้ามาอยู่ในอ้อมใจของผู้บริโภค จากการที่กำหนดราคาเปิดตัวมาไม่ถึงหมื่นบาท พร้อมกับใส่สเปกระดับสูง พร้อมกับจุดเด่นเดิมอย่างวัสดุคุณภาพดี
ส่งผลให้ Wave 3 น่าจะกลายเป็นสมาร์ทโฟนที่เข้ามาตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ไม่ต้องการความยุ่งยากในการใช้งาน เรียกว่าซื้อมาแล้วพร้อมใช้ทันที บนลูกเล่นที่เหนือกว่าฟีเจอร์โฟนทั่วๆไป ทั้งการเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายสังคมออนไลน์ เล่นอินเทอร์เน็ต การจัดการตารางนัดหมาย กับจุดเด่นของจอ Super AMOLED ขนาด 4 นิ้ว
การออกแบบและสเปก
ในแง่ของดีไซน์ของ Wave 3 ถือว่าซัมซุงทำการบ้านออกมาได้ค่อนข้างดี กับรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างโฉมเฉี่ยว แหวกออกมาจากไลน์ Galaxy S ซึ่งสินค้าในตระกูล Wave ของซัมซุงจะค่อนข้างโดดเด่นในเรื่องของวัสดุ ที่ใช้อะลูมิเนียมเป็นหลัก ขนาดของตัวเครื่องอยู่ที่ 125.9 x 64.2 x 9.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 122 กรัม
ด้านหน้า - ไล่จากส่วนบนจะพบกับช่องลำโพงสนทนา ที่อยู่ติดระหว่างขอบอะลูมิเนียมและหน้าจอ ถัดไปด้านข้างจะมีกล้องหน้าความละเอียดระดับ VGA ลงมาเป็นโลโก้ซัมซุง ในส่วนของหน้าจอเป็นจอ Capacitive ทัชสกรีน แบบ Super AMOLED ขนาด 4 นิ้ว ความละเอียด 480 x 800 พิกเซล ล่างหน้าจอมีปุ่มโฮมอยู่ตรงกลาง 2 ฝั่งเป็นปุ่มรับสาย - วางสาย (ยกเลิก) แบบสัมผัส
ด้านหลัง - มีกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช กับลำโพงอยู่ส่วนบน ขณะที่ฝาส่วนมีตราสัญลักษณ์พาดอยู่เยื้องลงไปข้างล่าง ใกล้ๆกับปุ่มปลดล็อกฝาหลัง โดยฝาหลังจะใช้การเลื่อนขึ้นไปด้านบน ทำให้ไม่สามารถถอดฝาหลังได้
เมื่อเลื่อนฝาหลังขึ้นไปแล้วจะพบกับแบตเตอรี 1,500 mAh ที่มีช่องใส่ซิมการ์ด และหน่วยความจำแบบไมโครเอสดี ซ่อนอยู่ข้างบน
ด้านซ้าย - มีเพียงปุ่มปรับระดับเสียง ด้านขวา - เป็นปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง
Edited - ด้านบน - ถูกปล่อยว่างไว้ ด้านล่าง - เป็นที่อยู่ของช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. และพอร์ตไมโครยูเอสบีสำหรับเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์
ในส่วนของสเปกภายใน Samsung Wave 3 ใช้หน่วยประมวลผลความเร็ว 1.4 GHz RAM 512 MB หน่วยความจำภายใน 4 GB แบ่งเป็น ROM 3 GB เหลือให้ใช้เก็บข้อมูล 1 GB แต่สามารถใส่ไมโครเอสดีการ์ดเพิ่มได้
ตัวเครื่องรองรับการเชื่อมต่อ 3G บนคลื่น 900 / 2100 MHz ความเร็วในการดาวน์โหลดสูงสุด 14.4 Mbps อัปโหลดสูงสุด 5.76 Mbps บลูทูธ 3.0 Wi-Fi 802.11 b/g/n และสามารถใช้งาน Wi-Fi Direct ในการส่งต่อข้อมูลความเร็วสูง
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
ซัมซุงพยายามทำให้อินเตอร์เฟสของผลิตภัณฑ์ในตระกูล Wave และ Galaxy ออกมาค่อนข้างเหมือนกันภายใต้ชื่อ TouchWiz ทำให้รูปแบบอินเตอร์เฟสหลักของ Wave 3 จึงประกอบด้วยหน้าจอปลดล็อกที่ใช้นิ้วลากไปตรงจุดใดก็ได้เพื่อปลดล็อกแผ่นกระจกใสๆออก
เมื่อเข้ามาในหน้าจอหลัก จะพบกับหน้าว่างๆ 5 หน้า (เพิ่มได้ถึง 7) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกวิตเจ็ตมาใส่ไว้ที่หน้าจอ หรือเลือกไอค่อนโปรแกรมต่างๆมาวางไว้ก็ได้เช่นเดียวกัน โดยด้านล่างจะมี 4 ไอค่อนหลักคือ โทรศัพท์ รายชื่อ ข้อความ และเข้าสู่เมนูทั้งหมด
อีกจุดที่ทำออกมาใกล้เคียงกับในแอนดรอยด์คือ ส่วนของการแจ้งเตือนจะมีปุ่มลัดสำหรับเปิด-ปิด ไวไฟ บลูทูธ ระบบสั่น และหมุนหน้าจออัตโนมัติ ถัดลงมาแสดงชื่อเครือข่ายที่ใช้งาน ค่อยเป็นแถบแจ้งเตือน
ทั้งนี้เมื่อเลื่อนหน้าต่างหลักมาทางซ้ายสุด (หรือกดโฮมสองครั้ง) จะเป็นหน้า Live Panel ไว้สำหรับแสดงข้อมูลอย่างข่าวจากสำนักต่างๆ รายงานหุ้นและค่าเงินจากยาฮู ปฏิทินนัดหมาย วันเวลา และตั้งโทรด่วนสำหรับรายชื่อที้ใช้เป็นประจำ โดยผู้ใช้สามารถเลือกปิด ส่วนที่ไม่ต้องการได้
เมื่อเข้าสู่หน้าจอเมนูหลัก แอปพลิเคชันที่ให้มาจะเป็นแบบง่ายๆทั่วไป กล่าวคือ มีตั้งแต่ประวัติการโทร เว็บเบราว์เซอร์ อีเมล เพลง โปรแกรมนำทาง รูปภาพ กล้อง ปฏิทิน มิวสิคฮับ โซเชียลฮับ แชตออน นาฬิกา ออลแชร์ ซัมซุงแอป ตั้งค่า สนทนาด่วน บันทึก สิ่งที่ต้องทำ ดูไฟล์ในเครื่อง ยูทูป วิดีโอ วิทยุเอฟเอ็ม เครื่องคิดเลข โปรแกรมอ่านเอกสาร นาฬิกาตั้งโต๊ะ คำสั่งเสียง และบันทึกเสียง
ซึ่งในส่วนนี้ผู้ใช้สามารถเลือกปรับที่อยู่ของแอปพลิเคชันได้ ขณะเดียวกันก็สามารถเลือกแอปฯที่ใช้ประจำมาวางแทนที่ 3 ไอ่ค่อนในหน้าจอหลักได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถรอบแอปฯจำพวกเดียวกันเข้าไปอยู่ในโฟลเดอร์เพื่อจัดหมวดหมู่ได้
การตั้งค่าถูกออกแบบมาให้ง่ายต่อการใช้งานด้วยระบบสมผัส และรวมทุกการตั้งค่าจากแต่ละแอปฯเข้ามาไว้ด้วยกัน เมื่อเข้ามาถึงจะมีปุ่มให้เลือกเปิดโหมดใช้งานบนเครื่องบิน จัดการเชื่อมต่อไวไฟ เครือข่ายที่ใช้ บลูทูธ ระบบแสดงพิกัด และการเชื่อมต่อภายนอก ถัดมาเป็นการตั้งเสียง หน้าจอ ทั่วไป บัญชีผู้ใช้ แถบแจ้งเตือน โทรศัพท์ ข้อความ อีเมล รายชื่อ ปฏิทิน บันทึก
เว็บเบราว์เซอร์ รูปภาพ ซัมซุงแอปฯ ระบบออลแชร์ การอัปโหลดขึ้นเครือข่ายสังคม ระบบค้นหา และนาฬิกาตั้งโต๊ะ โดยในส่วนของการเชื่อมต่อผู้ใช้สามารถใช้ Wave 3 เป็นโมบายฮ็อตสป็อต การเชื่อมต่อผ่านยูเอสบี ใช้งานวีพีเอ็น เชื่อมต่อ Kies ผ่านไวไฟ และตั้งค่าการซิงค์ ในส่วนของบัญชีผู้ใช้ ก็จะมีให้เลือกลบบัญชีที่ใส่ไว้
ในส่วนของโหมดการใช้งานโทรศัพท์ ตัวเครื่องมีระบบเดาเบอร์จากบัญชีรายชื่อ ช่วยให้สามารถค้นหาเบอร์ในบัญชีได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่หน้าจอโทรศัพท์ แสดงระยะเวลาการใช้สาย มีปุ่มสำหรับกดเรียกคีย์แพด เพิ่มสาย วางสาย เปิดลำโพง ปิดเสียง และรายชื่อ โดยในหน้ารับสายจะใช้รูปแบบการสไลด์เพื่อรับสาย และตัดสาย
สำหรับ Task ที่ให้มาไว้ช่วยเตือนสิ่งที่ต้องทำนั้น สามารถเลือกสร้างกรอกหัวข้อ รายละเอียด เลือกช่วงเวลา ความสำคัญ ตั้งเตือนได้ไม่ต่างจากในส่วนของตารางนัดหมาย เมื่อทำเสร็จแล้วก็สามารถเข้ามากดติ้กถูกเพื่อให้รู้ว่าทำสำเร็จแล้วได้
นาฬิกา สามารถใช้ตั้งปลุก โดยเลือกได้ว่าจะให้ปลุกวันไหนบ้าง เลือกการเตือนต่อหลังจากปลุก เลือกเสียง และยังใช้ดูเวลาโลก เป็นนาฬิกาจับเวลา และนับเวลาถอยหลังได้
นอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องคิดเลข ตัวจัดการไฟล์ในเครื่อง และ Task Manager ไว้ดูว่ายังมีโปรแกรมใดเล่นค้างอยู่บ้าง สามารถเลือกปิดทีละตัวหรือปิดทั้งหมดได้
ตัวคำสั่งเสียงสามารถใช้ในการโทรออก เล่นเพลง อัปเดตสเตตัสบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ และอื่นๆได้ เพียงแต่ต้องสั่งเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น เครื่องบันทึกเสียงจะมีมาตรวัดเสียงบอก ช่วยให้รู้ว่าอัดใกล้พอหรือยัง โดยมีปุ่มให้กดดูไฟล์ที่อัดไว้ริมซ้ายสุด อีกอันหนึ่งคือ Desk Clock ที่ทำหน้าที่เหมือนภาพพักหน้าจอ สามารถกดเข้าไปดูรูป เล่นเน็ต ฟังเพลง และเล่นวิดีโอได้จากหน้านี้
สำหรับเครื่องเล่นวิดีโอ ก็มีปุ่มควบคุมทั่วไป แต่ที่พิเศษคือสามารถแชร์วิดีโอไปยังเครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือใช้ระบบออลแชร์ (AllShare) ให้ไฟล์ไปเล่นบนเครื่องอื่นในเครือข่ายเดียวกันผ่านเทคโนโลยี DLNA ถ้าใส่หูฟังก็จะเปิดระบบจำลองเสียงแบบ 5.1 ทิศทางได้
อย่างที่บอกไปว่า AllShare คือระบบที่นำเทคโนโลยี DLNA มาใช้งาน เพื่อช่วยให้สมาร์ทโฟนสามารถเล่นไฟล์ในเครื่องไปยังคอมพิวเตอร์ หรือ สมาร์ททีวีที่รองรับได้ โดยสามารถเล่นได้ทั้งวิดีโอ รูปภาพ เพลง ซึ่งในการใช้งานก็ไม่แตกต่างจากโหมดเล่นเพลงทั่วไปในเครื่อง
การใช้งานหน้าเว็บไซต์ผ่านเว็บเบราว์เซอร์จาก Dolphin ทำได้ค่อนข้างรวดเร็ว ประกอบกับหน่วยประมวผลที่ให้ความเร็วสูงขึ้น จึงทำให้ไม่เสียอรรถรสในการเสพย์ข้อมูลผ่านเว็บเบราว์เซอร์ โดยตัวเว็บเบราว์เซอร์ยังรองรับการใช้งานแฟลชบนเว็บด้วย
สุดท้ายคือโหมดกล้องถ่ายภาพ แม้ว่าความละเอียดของกล้องที่ให้มาเพียง 5 ล้านพิกเซล แต่ฟังก์ชันและฟีเจอร์ที่ให้มาถือว่าค่อนข้างครบสำหรับกล้องมือถือ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดปิดแฟลช สลับกล้องหน้าหลัง เลือกโหมดถ่ายภาพ เข้าไปตั้งค่าความละเอียด ตั้งระบบโฟกัส เลือกเอฟเฟกต์สี ตั้งเวลาถ่ายภาพ เลือกสมดุลแสงขาว ปรับค่า ISO ขณะที่การบันทึกวิดีโอก็สามารถทำได้บนความละเอียด 720p
นอกจากฟีเจอร์ที่กล่าวมาทั้งหมด ก็ยังมีในส่วนของพวก โซเชียลฮับ ที่มีมาตั้งแต่สมัย Wave รุ่นแรก โดยเวอร์ชันใน Wave 3 จะมีระบบ Push Notification มาให้ ทำให้การใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์สะดวกขึ้น ขณะเดียวกันตัวเครื่องยังรองรับการใช้งานแบบมัลติเทสกิ้ง สามารถใช้งานWi-Fi Direct ในการรับส่งไฟล์
มีระบบแชตอย่าง ChatOn ที่ออกแบบมาไว้ใช้แชตข้ามแพลตฟอร์มทั้งสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ iOS Android Bada Symbian รวมไปถึงฟีเจอร์โฟนที่รองรับการใช้งาน Java โดยสามารถใช้เพื่อส่งข้อความ รูปภาพ บันทึกเสียง อีโมติคอนต่างๆได้
จุดขาย
- จุดขายหลักของ Wave 3 คงหนีไม่พ้น ประสิทธิภาพในการใช้งานเมื่อเทียบกับราคาที่เปิดมาอยู่ที่ 9,900 บาท
- ถัดมาคงเป็นเรื่องของระบบ Bada ที่ช่วยให้ผู้ใช้สมาร์ทโฟนสามารถใช้งานฟังก์ชันต่างได้ทันที ไม่ต้องคอยยุ่งยากโหลดแอปฯเพิ่ม
- หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 4 นิ้ว และ วัสดุตัวเครื่องที่ใช้อะลูมิเนียมแบบยูนิบอดี้
- สามารถใช้งานแบบมัลติเทสกิ้งในการสลับระหว่างแอปพลิเคชันได้
ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่
- จำนวนแอปพลิเคชันใน Samsung Apps ยังค่อนข้างน้อย ไม่หลากหลาก แต่ถ้าไม่เน้นการโหลดแอปฯเพิ่มคงไม่ใช่ปัญหา
- บางฟีเจอร์อย่าง Music Hub ยังไม่สามารถใช้ในประเทศไทยได้
- อนาคตของระบบปฏิบัติการยังไม่ชัดเจน เนื่องจากความร่วมมือล่าสุด ซัมซุงจะร่วมมือกับอินเทลในการนำ Bada + Meego ออกมาเป็น Tizen
ฟันธง! ความคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่เสียไป
ถ้ากำลังมองหาโทรศัพท์ที่สามารถใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์ก ถ่ายรูป อัปโหลด เล่นเว็บเบราว์เซอร์ แชตแบบขำๆ เช็คอีเมล หรือทำทุกสิ่งที่กล่าวมาได้ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการอื่นๆ เชื่อว่า Wave 3 สามารถตอบโจทย์การใช้งานทั่วๆไปได้เกือบหมด
แต่ในขณะเดียวกันถ้าผู้ใช้ต้องการดาวน์โหลดแอปฯจำนวนมากมาใช้งาน นอกเหนือไปจากการใช้งานทั่วๆไป ก็ต้องยอมรับว่า Wave 3 ยังสู้อีก 2 ค่ายที่กำลังแข็งขันกันอย่างรุนแรงในตลาดไม่ได้ จากจำนวนของแอปพลิเคชันในซัมซุงแอปฯที่ปัจจุบันยังมีอยู่ในระดับหลักพันแอปฯเท่านั้น
ซึ่งความน่าสนใจของ Wave 3 ที่เด่นๆคงหนีไม่พ้นวัสดุ และหน้าจอแบบ SuperAMOLED ที่ให้สีสันดึงดูดสายตา ดังนั้นถ้าไม่ได้คิดมากว่าจะซื้อโทรศัพท์มาแล้วใช้แอปฯไม่คุ้ม และต้องการโทรศัพท์มาเพื่อใช้งานทั่วๆไป ถือว่า Wave 3 เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีจากราคาเปิดตัวที่ 9,900 บาท
ตัวเลือกอื่น
- Sony Ericsson Xeperia Ray
- Sony Ericsson Xperia Arc S
- Samsung Galaxy S plus
- LG Optimus Black
Company Related Links :
Samsung