ย้อนกลับไปเมื่อปีค.ศ. 2003 ไมโครซอฟท์ รีเสิร์ช ได้ออกกล้องต้นแบบขนาดจิ๋วชื่อว่า SenseCam สำหรับให้ผู้ใช้สวมคล้องคอ และไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ที่ไหน กล้องตัวนี้จะถ่ายภาพทีละใบโดยอัตโนมัติในทุกๆ 30 นาที ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยบันทึกความทรงจำให้กับผู้ที่มีปัญหาเป็นโรคสูญเสียความทรงจำ หรือที่เรารู้จักกันดีว่า "อัลไซเมอร์" โดยสามารถนำภาพถ่ายทั้งหมดโอนเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อดูทีหลังได้
และหลังจากนั้น 5 ปีทางบริษัท Vicon Revue ก็ได้ออกผลิตภัณฑ์นี้อย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อว่า "revue" ซึ่งใช้เทคโนโลยีแบบเดียวกับใน Microsoft SenseCam โดยตัวเลนส์เป็นเลนส์มุมกว้างมองเห็นชัด 120 องศา มีเซ็นเซอร์มากมาย เช่น เซ็นเซอร์ในการปรับแสง เข็มทิศ อินฟราเรด และ เทอร์โมมิเตอร์ แต่ยังมีราคาที่ค่อนข้างสูงคือ 21,000 บาท (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่)
ดูตัวอย่างคลิปที่ถ่ายด้วยกล้อง Vicon Revue ได้ที่นี่
Vicon Revue for the Weekend from PopSci.com on Vimeo.
และวันนี้มือถือไอโฟนคุณก็มีคุณสมบัติเพียงพอสำหรับเก็บความทรงจำด้วยภาพถ่ายเหมือนๆ กับกล้องที่กล่าวมาข้างต้น แค่ลงแอปฯอย่าง "Lifelapse"
Lifelapse คือ แอปฯที่ช่วยให้คุณบันทึกความทรงจำด้วยการถ่ายภาพทุกๆ 30 วินาที จากนั้นก็รวมเอาทุกๆ ภาพให้เป็นคลิปวิดีโอ 1 คลิป พร้อมเก็บไว้ดูในเครื่องภายหลัง ส่งต่อให้เพื่อนผ่านหรืออัปโหลดขึ้นยูทูบ (Youtube) ได้ทันที และเพื่อให้การใช้งานแอปฯที่สะดวกยิ่งขึ้นจำเป็นจะต้องใส่สายคล้องเพื่อให้กล้องอยู่ในระดับที่เหมาะสมด้วย
คุณสมบัติของแอปฯ Lifelapse
* ถ่ายภาพโดยอัตโนมัติทุกๆ 30 วินาที จากนั้นก็รวมเอาทุกๆ ภาพให้เป็นคลิปวิดีโอ 1 คลิป
* สามารถเก็บทุกภาพ และทุกคลิปที่สร้างจาก แอปฯ Lifelapse ไว้ในเมนู Photo ของเครื่องได้ เพื่อเก็บไว้ดูทีหลัง
* ดูคลิปวิดีโอที่ถ่ายจากแอปฯ Lifelapse ผ่านจอทีวีด้วยการสตรีมผ่านระบบ Airplay จากเครื่องแอปเปิลทีวีได้
รุ่นและเฟิร์มแวร์ที่รองรับ: ใช้ได้กับไอโฟน (รุ่น 3GS และ 4) ไอพอด ทัช ไอแพด ที่ใช้เฟิร์มแวร์ 4.2 ขึ้นไป
ดาวน์โหลด ที่นี่
ราคา 30 บาท
วิธีการใช้งาน Lifelapse
1. เมื่อเปิดแอปฯขึ้นมาก็จะมีภาพแนะนำการใช้งาน นั่นก็คือ การใส่กระเป๋า (แบบใดก็ได้) เพื่อนำมือถือคล้องคอ โดยเอากล้องไว้ด้านหน้า
2. จากนั้นกดปุ่มสีเขียว Start Recoring เมื่อคุณเดินไปไหนมาไหน ก็จะถ่ายภาพโดยอัตโนมัติ (หากคุณเปิดเสียงไว้ ก็จะได้ยินเสียงแชะๆ ตลอดเวลาที่เดินไป)
3. เมื่อต้องการจะหยุดการถ่ายก็กดปุ่มสีเขียว Stop Recoring จากนั้นก็จะโชว์รูปต่างๆ ขึ้นมา (Timeline) โดยสามารถดูภาพที่ถ่ายไปทีละรูปได้ จากนั้นกดปุ่ม ซ้ายสุดของแถบไทม์ไลน์ เพื่อ Generate Video
4. หากต้องการเปลี่ยนชื่อคลิป ให้กดที่ตัว i ที่แถบไทม์ไลน์ ก็จะมาให้ตั้งค่าชื่อคลิปวิดีโอ หรือกดปุ่มแรก เพื่อบันทึกคลิปวิดีโอลงเมนู Photo จากนั้นก็เลือกคลิปจากในนั้นเพื่ออัปโหลดคลิปวิดีโอขึ้นยูทูบอีกทอดหนึ่ง
ตัวอย่างคลิปวิดีโอที่มาจากการรวมรูปถ่ายของ Lifelapse
ใครบ้างเหมาะที่จะใช้งาน Lifelapse
* นักข่าว/บล็อกเกอร์ ที่เมื่อได้ไปงานอีเวนท์ต่างๆ ก็สามารถเก็บภาพการเดินทัวร์ทั่วงาน และนำคลิปมาประกอบบทความได้ ให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนไปเดินทัวร์พร้อมกับเรา
* ผู้ที่มักจะเดินทางอยู่ตลอดเวลา หรือนักเรียนที่ไปเรียนยังต่างแดน สามารถให้คนที่บ้านรับรู้ได้ว่าเราทำอะไร ไปพบเจอใคร ทานอาหารแบบใดในแต่ละวัน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคนที่คุณรักให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
* ผู้ป่วยที่มักหลงลืม หรือสูญเสียความทรงจำ พวกเขาสามารถทราบได้ว่า วันไหน เวลาอะไร เรากำลังทำอะไรอยู่
* นักเรียน-นักศึกษาที่ไปทัศนศึกษาสามารถบันทึกสิ่งที่เกิดรอบๆ ตัว เพื่อกลับมาเขียนรายงานได้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
* หัวหน้างานที่เดินทางไปดูงานต่างประเทศแต่ก็สามารถให้ลูกน้องทราบด้วยว่าตัวเองไปพบเจอกับแนวคิดไอเดียใหม่ๆ อะไรบ้าง?
* นักท่องเที่ยว ที่ไม่อยากพกกล้องถ่ายรูป หรือหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายทีละช็อต ก็สามารถเก็บความทรงจำจากการท่องเที่ยวด้วยตัวเองได้แค่ห้อยมือถือไว้ที่คอ
อย่างไรก็ดีแอปฯนี้หากนำไปใช้ไม่ถูกทาง เช่น แอบถ่าย หรือสอดแนม ก็อาจจะสร้างปัญหามาสู่เจ้าของเครื่องได้ เพราะทุกอย่างสามารถติดตามได้หมดว่าถ่ายจากที่ไหน มือถือเครื่องใด ฉะนั้นควรจะใช้ในทางสร้างสรรค์เท่านั้น
ขอชม
* สามารถใช้เก็บภาพความทรงจำแบบเพลินๆ ได้สบายๆ โดยไม่ต้องหยิบมือขึ้นมาถ่ายทีละครั้ง
* คุณภาพของภาพถ่ายและวิดีโอดี ไม่มีการบีบอัด โดยวิดีโอที่ได้จะเป็นความคมชัดสูง 640x852 (H.264)
ขอติ
* แบตหมดเร็วขึ้น เพราะเครื่องต้องทำงานตลอดเวลา (อาจจะไม่พอสำหรับถ่ายทั้งวัน) และไม่สามารถปิดหน้าจอได้
* อาจจะมีทั้งภาพที่สวยและไม่สวยปะปนกัน เพราะเราไม่รู้ว่ามันถ่ายตอนไหนบ้าง (โดยเฉพาะเมื่อใช้ห้อยคอเดินไปมา) และไม่สามารถลบทีละรูปก่อนสั่งให้รวมเป็นคลิปวิดีโอได้
* ไม่สามารถใช้งานในจอแนวนอนได้
* ตามคุณสมบัติของแอปฯ ระบุว่าสามารถซิงก์ข้อมูลเข้ากับปฏิทินได้ เพื่อจะได้รู้ว่าวันนี้ไปทำอะไรมา? แต่เท่าที่ทดสอบไม่สามารถทำได้
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับแอปฯ Lifelapse
แอปฯ Lifelapse นี้เป็นไอเดียที่ผุดขึ้นก่อนจบการศึกษา และในที่สุดทั้ง 3 ผู้ก่อตั้งชาวเนเธอร์แลนด์ได้แก่ Tom Klaver, Glenn Wolters และ Jeroen Bos ก็ออกมาทำไอเดียให้เป็นจริง นอกจากการขายแอปฯแล้ว ทางทีมงานยังขายกระเป๋าแฟชั่นสำหรับใส่มือถือเพื่อห้อยคอในตำแหน่งที่เหมาะสมด้วย โดยเรียกว่า Lifepouch ราคาประมาณ 500 บาท ดูรายละเอียดที่นี่
