xs
xsm
sm
md
lg

Review : Motorola Defy สมาร์ทโฟนไม่กลัวน้ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




การที่โมโตโรลากลับมาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้งผ่านดิสทริบิวเตอร์อย่าง เอสไอเอส ที่จับตลาดสมาร์ทโฟนเกือบทุกแบรนด์ในปัจจุบัน กลายเป็นอีกหนึ่งสินค้าในลิสต์ที่น่าสนใจของผู้บริโภค จากชื่อชั้นของแบรนด์โมโตฯกับความคงทนแข็งแรงของวัสดุ และการวิจัยพัฒนาช่วยผลักดันให้ Defy กลับมาเกิดในตลาดประเทศไทยอีกครั้ง

แม้ว่าตัวเครื่อง Defy จะเปิดวางขายในต่างประเทศตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ปี 2010 แล้ว แต่ในเรื่องของสเปกนั้นไม่ได้ถือว่าตกรุ่นมากนัก เพราะการปรับราคาลงมาอยู่ในระดับ 12,900 บาท กับความเป็นอินเตอร์แบรนด์ ที่ชูจุดเด่นกันน้ำได้มาเป็นตัวแปรสำคัญ ขณะที่เวอร์ชันของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.1 ในขณะนั้นก็น่าจะได้รับการอัปเดตในเร็วๆ นี้

Feature On Motorola Defy



น่าเสียดายที่ Defy ในประเทศไทยไม่ได้มาพร้อมกับความสามารถในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่าง Motoblur ทำให้อินเตอร์เฟสการใช้งานของ Defy จึงไม่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ในท้องตลาดมากนัก เริ่มกันตั้งแต่หน้าจอปลดล็อกเครื่องที่ใช้รูปแบบการสไลด์ปลดล็อก และเลือกปิดเสียงได้ ซึ่งในหน้านี้จะแสดงเครือข่าย นาฬิกา วันที่ ถ้ามีการเสียบชาร์จจะขึ้นเปอร์เซนต์แบตเตอรีบอกด้วย

ส่วนหน้าจอการใช้งานหลัก แบ่งออกเป็น 7 หน้า ให้ผู้ใช้สามารถนำวิดเจ็ตต่างๆ มาใส่ได้ซึ่งถือเป็นจุดเด่นของแอนดรอยด์อยู่แล้ว โดยมีปุ่มโทรศัพท์ ปุ่มเมนู และรายชื่อผู้ติดต่ออยู่ส่วนล่าง ซึ่งในขณะเลื่อนสลับหน้าจะปรากฏแถบให้สามารถเลือกข้ามไปยังหน้านั้นๆได้



การเลือกใส่วิดเจ็ตสามารถเลือกได้ทั้งวิดเจ็ตที่โมโตฯพัฒนาขึ้นมา วิดเจ็ตที่ดาวน์โหลดมา ช็อตคัตเข้าโปรแกรม จัดการโฟลเดอร์ และเปลี่ยนภาพพื้นหลัง ซึ่งรูปแบบวิดเจ็ตมาตรฐานที่มาด้วยก็มีพวกปฏิทิน เครื่องเล่นเพลง แสดงรูป ข้อความ พยากรณ์อากาศ ตัวจัดการการเชื่อมต่อเป็นต้น



แอปพลิเคชันที่มากับตัวเครื่องประกอบไปด้วยแอปฯกระจายสัญญาณไวเลส จัดการบัญชีผู้ใช้ นาฬิกา เว็บเบราว์เซอร์ เครื่องคิดเลข ปฏิทิน กล้อง รายชื่อ โทรศัพท์ อีเมล เฟซบุ๊ก จัดการไฟล์ แกลลอรี แผนที่ มาเก็ต มีเดียแชร์ เครื่องเล่นเพลง มายสเปซ ตัวอ่านเอกสาร ตั้งค่า คำสั่งเสียง และดูยูทิวบ์



การที่ยังเป็นแอนดรอยด์ 2.1 ทำให้โมโตฯ ต้องมีการใส่แอปฯ 3G Mobile Hotspot มาเป็นทางเลือกให้ผู้ใช้สามารถใช้ Defy ให้เป็นเราเตอร์กระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตผ่านไวไฟได้ ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถตั้งค่ารหัสผ่าน จำนวนผู้ใช้ได้

ถัดมาคือตัวจัดการบัญชีผู้ใช้ภายในเครื่อง ที่จะเป็นการซิงค์ข้อมูลของทั้ง อีเมล เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ กูเกิล เข้ากับตัวเครื่อง เพื่อใช้อำนวยความสะดวกในการทำงาน สามารถนำข้อมูลทั้งหลายมารวมกันเพื่อแสดงผลได้ (ทั้งนี้ ถ้าเป็นเครื่องจากต่างประเทศที่มาพร้อมกับ Motoblur จะสามารถนำบัญชีเหล่านี้มาแสดงผลที่หน้าจอหลัก รวมถึงฝังกลุ่มเพื่อนเข้าไปไว้ในรายชื่อผู้ติดต่อได้)



เว็บเบราว์เซอร์ที่ให้มายังเป็นตามมาตรฐานของแอนดรอยด์ สามารถแสดงผลแฟลชได้จากการดาวน์โหลด Adboe Flash Player 10.1 มาใช้งาน การสั่งงานยังใช้การซูมเข้าออกแบบมัลติทัช ความรวดเร็วในการแสดงผลจากหน่วยประมวลผลระดับ 800MHz ไม่สร้างความผิดหวังให้กับการใช้งานแน่นอน



สำหรับ CarDock จะเป็นหน้าเมนูขนาดใหญ่ 6 ไอคอน ไว้ใช้งานขณะต่อเข้ากับขายึดภาพในรถยนต์เพื่ออำนวยความสะดวก ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถเลือกแอปฯโปรดขึ้นมาใส่ไว้เพื่อเรียกใช้งานได้ ส่วนอื่นๆก็เป็นแอปฯทั่วไปอย่าง โทรศัพท์ ฟังเพลง ค้นหาสถานที่ และดูพิกัดปัจจุบัน

ส่วน Moto Phone Portal ถ้ายังจำ Motorola Milestone ที่เข้ามาวางขายก่อนหน้านี้ได้ ก็มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมการโอนถ่ายไฟล์ จัดการรายชื่อผู้ติดต่อ ผ่านเครือข่ายไร้สายในวงเดียวกันภายใต้แอปฯ Moto Phone Portal มาปรับปรุงนำเทคโนโลยี DLNA มาใส่ให้ใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น



ซึ่งในการใช้งานผ่าน Media Share ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อ Defy เข้าไปในวงไวเลสเดียวกับคอมพิวเตอร์ ที่ใช้งานวินโดวส์ 7 ผ่านวินโดวส์ มีเดีย เพลยเยอร์ ในการสั่งเล่นไฟล์เพลง ภาพยนตร์ หรือกับสมาร์ทโฟนเครื่องอื่น โทรทัศน์ และเกมคอนโซลที่รองรับการใช้งาน DLNA



จุดที่น่าสนใจของ Defy คงหนีไม่พ้นการพัฒนาในด้านมัลติมีเดีย ที่รวบรวมการใช้งานทั้ง ฟังเพลง วิทยุ ดูมิวสิควิดีโอ ให้สามารถค้นหาเพลงจากเครือข่ายของ TuneWiki รวมถึงใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมของเพลงได้ด้วย

เจาะลึกลงไปในแต่ละหมวดเริ่มตั้งแต่ My Music ที่แบ่งแยกไฟล์เพลงออกเป็นตามศิลปิน อัลบั้ม ชื่อเพลง เพลยลิสต์ที่สร้างไว้ และเล่นซุ่มทั้งหมด ถัดมาใน Radio สามารถเลือกได้ว่าจะฟังผ่าน FM หรือผ่าน SHOUTcast ที่ต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการสตรีมมิ่ง



Music Videos สามารถเลือกค้นหาได้จากยูทูป ไฟล์วิดีโอภายในเครื่อง และเข้าชมช่อง GoTV ต่อมาคือ TuneWiki Community ที่ใช้ในการค้นหาเพลง ดูชาร์ตเพลง สำรวจไปบนแผนที่ว่ามีใครฟังเพลงใดอยู่บ้าน และเพลยลิสที่ได้รับความนิยม สุดท้ายคือ Song Identification หรือโปรแกรมวิเคราะห์เสียงเพลง เพื่อบอกรายละเอียด เช่นเดียวกับพวก Soundhound Shazam



หน้าตาเครื่องเล่นเพลง มีฟีเจอร์พิเศษช่วยค้นหาปกอัลบั้ม และเนื้อเพลงจาก TuneWiki จากชื่อเพลงที่เล่นในขณะนั้น รวมถึงซิงค์เนื้อเพลงให้ตรงตามจังหวะเนื้อร้องอัตโนมัติ (จำเป็นต่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต) เมื่อฟังเพลงใดแล้วชอบหรือมีความเห็น ก็สามารถแชร์ขึ้นไปยังเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้



ถ้าต้องการดูเนื้อเพลงทั้งหมดก็สามารถทำได้เช่นกัน ส่วนการแสดงผลของ Music Maps บนแผนที่ แสดงผลชื่อเพลง และศิลปิน พร้อมปุ่มค้นหาเพลง และรับชมมิวสิควิดีโอ ทำให้ถ้าเจอเพลงที่สนใจสามารถสั่งให้เครื่องค้นหาหรือโหลดมิวสิควิดีโอมาชมได้ทันที

วิดีโอสาธิตการใช้งานเครื่องเล่นเพลง และรับชมภาพยนตร์ความละเอียดสูง 720p





นอกจากนี้ตัวเครื่องยังมีโหมดตัดต่อวิดีโอแบบง่ายมาให้ใช้ สามารถเลือกตัดจุดเริ่มต้น แปลงเฟรมออกมาเป็นภาพแก้ไขชื่อไฟล์ ปรับขนาด ดึงเสียงออก ทั้งนี้ ตัวเครื่องสามารถรองรับการใช้งานวิดีโอความละเอียดสูง 720p ได้ด้วย



โหมดถ่ายภาพที่มากับตัวเครื่องหน้าจอหลัก จะมีปุ่มกดชัตเตอร์อยู่มุมขวาบน ส่วนมุมซ้ายบนแสดงค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแท็กรูป จีพีเอส โหมดที่ใช้ ความละเอียดภาพ และจำนวนภาพที่สามารถถ่ายได้

ส่วนเมนูประกอบด้วย Scenes ที่มีให้เลือกทั้ง อัตโนมัติ บุคคล ทิวทัศน์ เคลื่อนไหว บุคคลกลางคืน พระอาทิคย์ตก มาโคร ขณะที่เอฟเฟกต์มีให้เลือกตามมาตรฐานทั่วไป แฟลช เลือกเปิด ปิด อัตโนมัติได้ ในส่วนของตั้งค่ามีเพียงแค่ปรับขนาดภาพ ขนาดวิดีโอ (ได้สูงสุดแค่ VGA) ตั้งแสดงภาพหลังถ่าย และปรับสมดุลแสง



เมื่อเข้าสู่แกลอรีภาพ จะถูกแบ่งออกตามรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพจากกล้อง แท็กที่ตั้งไว้ แสดงผลภาพในโฟลเดอร์อื่น ดูรูปทั้งหมด วิดีโอทั้งหมด และไฟล์ที่มีลิขสิทธิ์



เมนูระหว่างเลือกดูภาพ ผู้ใช้สามารถส่งต่อไปยังเครือข่ายสังคมออนไลน์ อีเมล ข้อความต่างๆได้ทันที หรือจะเข้าไปแก้ไขรูปภาพ อย่างติดแท็กรูป กลับด้านรูป ปรับแสง สี ใส่เอฟเฟกต์ ย่อภาพ ครอบ ใส่ข้อความ ประทับตรา ใส่เฟรมได้ด้วย



ตัวคีย์บอร์ดของเครื่องที่ได้มาทดสอบนั้นยังไม่มีภาษาไทยมาให้ แต่มีรูปแบบคีย์บอร์ดให้เลือกด้วยกัน 3 แบบคือ Swype ดังเลย์เอาท์ที่เห็น Moto input จะเป็นคีย์บอร์ดแบบกดปกติ และ Multi-touch เป็นการลากตัวอักษรลงไปบนหน้าจอ ทั้งนี้ผู้ใช้สามารถหาดาวน์โหลดคีย์บอร์ดภาษาไทยเพิ่มเติมได้จากในแอนดรอยด์มาเก็ต



โหมดโทรศัพท์ของ Defy นั้นน่าเสียดายที่ไม่มีระบบสุ่มรายชื่อจากการกดตัวเลขมาให้ ทำให้ในการใช้งานโทรศัพท์จำเป็นต้องเข้าไปหารายชื่อจากในคอนเทคก่อนโทร. หน้าจอสายเรียกเข้าใช้การสไลด์ปุ่มเพื่อรับ / ตัดสาย ขณะที่หน้าจอสนทนาสามารถเพิ่มสาย พักสาย เรียกปุ่มกด บลูทูธ ปิดเสียง เปิดลำโพง

โดยมีจุดที่น่าสนใจคือระบบตั้งค่าเสียง ไม่ว่าจะเป็นแบบ Standard Balance Bright และ Extra bright มาให้เลือกปรับระหว่างใช้งานเพื่อเพิ่มคุณภาพของเสียงสนทนา



เข้าสู่หน้าจอการตั้งค่าของ Defy ที่เรียกได้ว่าเป็นไปตามมาตรฐานของแอนดรอยด์ 2.1 ที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปตั้งค่าการเชื่อมต่อ โทรศัพท์ เสียงและหน้าจอ จุดที่เพิ่มขึ้นมาคือการควบคุม การใช้งานข้อมูล (ดาต้า) ตั้งค่าความปลอดภัย บัญชีผู้ใช้ จัดการแอปพลิเคขัน การจัดการแบตเตอรี ความเป็นส่วนตัว หน่วยความจำ การค้นหา ภาษา เวลาและวันที่



Data Manager ที่กล่าวถึงและดูน่าสนใจคือ การที่ตัวเครื่องมีฟีเจอร์เข้ามาช่วยควบคุมปริมาณการใช้งานข้อมูล สำหรับผู้ใช้ที่สมัครแพกเกจอินเทอร์เน็ตตามปริมาณข้อมูลไว้ จะช่วยให้สามารถกำหนดค่าใช้จ่ายอินเทอร์เน็ตได้ง่ายขึ้นนั่นเอง



นอกจากนี้ Defy ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ปรับรูปแบบการใช้งานที่มีให้เลือก 3 รูปแบบคือ เต็มประสิทธิภาพ สมาร์ทโหมด และ ประหยัดพลังงาน มาช่วยควบคุมให้สามารถใช้งานแบตเตอรีได้ยาวนานขึ้น โดยผู้ใช้สามารถเข้าไปกำหนด ช่วงเวลา วัน ปรับความสว่างหน้าจอของแต่ละรูปแบบได้ด้วยตนเอง

อีกหนึ่งการตั้งค่าที่เกียวกับระบบมัลติมีเดียของเครื่องคือระบบ Mobile Broadcast ที่ผู้ใช้สามารถเลือกใช้งานหรือไม่ก็ รวมถึงการแชร์อินเทอร์เน็ตให้กับอุปกรณ์ปกพาอื่นๆ มีเซ็นเซอร์วัดแสงอัตโนมัติ ตั้งปุ่มลัดในการใช้งานจากการกดปุ่มโฮม 2 ครั้ง และสามารถตั้งให้เสียงเรียกเข้าเงียบโดยการสัมผัสหน้าจอ 2 ครั้ง หรือคว่ำเครื่องลงได้



สุดท้ายมาดูถึงข้อมูลตัวเครื่องกันบ้าง Defy ใช้รหัส MB525 เป็นชื่อเรียกภายใน ปัจจุบันทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 2.1-update1 ใช้หน่วยประมวลผล ARM v7 ความเร็ว 800 MHz ที่มาพร้อมกับ GPU PowerVR SGX 530 มี ROM 512MB RAM 2GB

Design of Motorola Defy



ถ้าคาดหวังกับดีไซน์ของ Defy ว่าจะออกมาสวยหรู ทันสมัย คงต้องทำใจแล้วกลับไปมองหาแบรนด์อื่นในตลาด เพราะมองแล้วการออกแบบดีไซน์ของ Defy ยังสะท้อนเอกลักษณ์ความถึก ของตัวเครื่องออกมาได้ชัดเจน

จากจุดเด่นของเครื่องที่ทำออกมาให้สามารถป้องกันน้ำเข้าได้ในความลึกไม่เกิน 1 เมตร และนานไม่เกิน 30 นาที ทำให้ตัวเครื่องมีความแน่นหนา การประกอบถือว่าทำได้ดีมาก บนขนาดที่พอดีมือ ที่ขนาดตัวเครื่อง 107 x 59 x 13.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 118 กรัม

ด้านหน้า - จุดเด่นสำคัญของ Defy ที่ลืมไม่ได้เลยคือ หน้าจอทัชสกรีน Capacitive ขนาด 3.7 นิ้ว ความละเอียด 480 x 854 พิกเซล ที่เป็นแบบ Gorilla Glass เพิ่มความทนทานให้เท่าตัว (แต่ยังแตกได้เหมือนกัน) บนหน้าจอมีลำโพงสนทนา และโลโก้ "Motorola" ส่วนล่างหน้าจอมีปุ่ม เมนู หน้าแรก ย้อนกลับ และค้นหา แบบสัมผัส



ด้านหลัง - จากดีไซน์ที่ดูบึกบึน ทำให้หลังเครื่องดูแล้วอาจจะไม่ทันสมัย เนื่องจากฝาหลังต้องทำให้ต้องมีการซีลกับตัวเครื่องให้แน่นหนา เพื่อให้ตัวเครื่องสามารถกันน้ำได้ โดยใช้ตัวล็อกล่างเครื่องเป็นจุดสำคัญ



กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช อยู่บริเวณบน พร้อมกับช่องลำโพงสเตอริโอ โดยมีตรา โมโตฯ อยู่ตรงกลางฝาหลัง เปิดฝาหลังออกมาพบกับแบตเตอรีความจุ 1,500 mAh ช่องใส่ซิกการ์ดและไมโครเอสดีการ์ดอยู่หลังแบตฯ ที่ฝาหลังมีสอนวิธีการล็อกฝาหลังเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน




ด้านซ้าย - มีช่องไมโครยูเอสบีสำหรับเสียบสายชาร์จ ที่มียางปิดอยู่ ด้านขวา - เป็นปุ่มปรับระดับเสียง




ด้านบน - เป็นที่อยู่ของปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง และช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ที่มียางปิดอยู่เช่นเดียวกัน ด้านล่าง - ถูกปล่อยว่างไว้

บทสรุป

หลังจากได้รับรู้ถึงสรรพคุณของ Defy ไปกันแล้ว หลายๆคน ที่กำลังชั่งใจว่าจะเพิ่มเงินสักเล็กน้อย จากที่คาดว่าจะได้แอนดรอยด์โฟนสุดคุ้มในระดับเกือบหมื่น มาเป็น 12,900 บาท ไม่ว่าจะชื่อชั้นของแบรนด์โมโตฯ เมื่อรวมกับประสิทธิภาพของเครื่องแล้ว ถือว่าอยู่ในขั้นที่รับได้ แม้ว่าจะเป็นแอนดรอยด์ เวอร์ชัน 2.1 แต่เชื่อว่าในเร็วๆนี้น่าจะมีตัวอัปเดตเพิ่มเติมมาให้

การที่ตัวเครื่องที่เข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทยรองรับ 3G ในคลื่นความถี่ 850/1900/2100 MHz ถือเป็นโอกาสอันดีที่ผู้บริโภคจะมีทางเลือกที่จะได้ทดลองใช้งาน 3G ของทรู และดีแทคที่กำลังจะเปิดให้บริการบนคลื่น 850 MHz ของกสท. ในเร็ววันนี้ได้ง่ายขึ้น รวมกับความสามารถในการเชื่อมต่อไวเลส บลูทูธ จีพีเอส ที่ถือว่าเป็นมาตรฐานของเครื่องสมัยใหม่แล้ว

ในเรื่องของระบบมัลติมีเดีย น่าเสียดายที่กล้องความละเอียด 5 ล้านพร้อมไฟแฟลชของ Defy ยังไม่สามารถถ่ายไฟล์วิดีโอความละเอียด 720p ได้ แต่จากฟีเจอร์พิเศษที่ผูกมัลติมีเดียเข้ากับการค้นหาเนื้อเพลงของ Tunewiki หรือ มิวสิควิดีโอจาก ยูทิวบ์ ช่วยให้ดูน่าใช้งานมากขึ้น ทั้งเรื่องของคุณภาพเสียงก็ถือว่าไม่ได้ขี้เหร่

อีกจุดที่กลายเป็นจุดขายสำคัญของ Defy คือเรื่องของการกันน้ำและฝุ่นละออง แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าผู้ใช้สามารถนำเครื่องไปแช่น้ำได้ทุกเวลา ทุกสภาพ เพราะอย่างไรก็เป็นสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีข้อจำกัด โดยจากข้อมูลระบุว่าสามารถกันน้ำได้ 1 เมตร และไม่เกิน 30 นาที เพราะฉะนั้น อย่าคิดแผลงเอา Defy ไปถ่ายวิดีโอตอนดำน้ำ ไม่งั้นก็เตรียมซื้อเครื่องใหม่ได้ทันที

ในเรื่องของเสียงสนทนา ถ้าใช้งานในลักษณะทั่วไปเสียงดังฟังชัดเจนดี แต่ในกรณีที่เพิ่งเอาขึ้นจากน้ำ และยังมีน้ำขังอยู่ ต้องสะบัดน้ำให้ออกไปเสียก่อน ไม่งั้นเสียงจะดังไม่ชัดเจน ส่วนระยะเวลาการใช้งานยังคงเป็นไปตามมาตรฐานของสมาร์ทโฟนทั่วไป ที่ชาร์จวันต่อวัน

ขอชม
- ระบบมัลติมีเดียที่มีการเพิ่มมูลค่าให้กับสมาร์ทโฟน
- ตัวเครื่องทนทานแข็งแรง ขนาดของตัวเครื่องกระชับมือ สามารถกันน้ำได้ในระดับหนึ่ง
- สเปกสูงพอที่จะเล่นเกม 3D ในแอนดรอยด์มาเก็ตปัจจุบัน
- หน้าจอ Gorilla Glass ความละเอียดสูง รองรับระบบสัมผัส 2 จุด

ขอติ
- ตัวเครื่องวางจำหน่ายในต่างประเทศมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่มีการอัปเดตเป็น 2.2
- จุกยางที่อุดบริเวณที่ชาร์จและช่องเสียบหูฟังอาจหลวมได้เมื่อใช้ไประยะเวลาหนึ่ง

Company Related Links :
Motorola










กำลังโหลดความคิดเห็น