xs
xsm
sm
md
lg

Review : Samsung Galaxy Cooper คืนกำไรให้คอนซูเมอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online




เวลานี้ซัมซุงไม่สนใครหน้าไหนในตลาดสมาร์ทโฟนทั้งสิ้น หลังเปิดเกมรุกด้วยแอนดรอยด์โฟนราคาน่าจับ กับสเปกน่าลองในรุ่นที่ถือว่าจะมาเป็นเรือธงในการเจาะตลาดเครื่องราคาเกือบหมื่นของ Galaxy Cooper ที่เปิดราคามาอยู่ที่ 9,900 บาท

ทีมงานเคยเขียนถึง 3 รุ่นเด่นที่น่าจับตามองในงาน Thailand Mobile Expo 2011 ครั้งที่ 9 ที่ประชันบทบาทของเครื่องในระดับราคาใกล้เคียงกันของ Cooper Defy และ A99 ที่กลายเป็น 3 ตัวเลือกสำคัญของผู้ที่เริ่มต้นใช้สมาร์ทโฟนในเวลานี้

สิ่งที่ทำให้คูเปอร์ โดดเด่นขึ้นมาคือการทำตลาดภายใต้แบรนด์ซัมซุง รวมถึงสเปกของสินค้าที่ไม่ได้ขี้เหร่ถ้าเทียบกับอินเตอร์แบรนด์ค่ายอื่นๆ ในตลาด ที่ยังไม่เคยมีใครกดราคาสมาร์ทโฟนลงมาได้ในระดับนี้

Feature On Samsung Galaxy Cooper

ถ้ามองว่า Galaxy Cooper ถือเป็นรุ่นน้องของ Galaxy S ที่มียอดจำหน่ายระได้รับความนิยมอย่างล้นหลามกว่า 10 ล้านเครื่องทั่วโลกแล้ว การเลียนแบบดีเอ็นเอของ Galaxy S เพื่อมาเจาะตลาดในกลุ่มผู้เริ่มใช้สมาร์ทโฟนจึงเป็นข้อได้เปรียบของซัมซุงทันที



ความสามารถหลักต่างๆ ของคูเปอร์ ยังแสดงผลผ่านอินเตอร์เฟสที่ซัมซุงปรุงแต่งขึ้นมาอย่าง TouchWiz UI 3.0 ไล่ตั้งแต่หน้าจอปลดล็อก ที่แสดงผลทั้งการแจ้งเตือน นาฬิกา วันเวลา ถ้าเสียบสายชาร์จก็จะขึ้นสถานะการชาร์จแบตเตอรีบอกด้วย

ขณะที่หน้าหลักมีการปรับปรุงให้สามารถแสดงผลได้ 7 หน้า โดยแต่ละหน้าผู้ใช้สามารถเลือกวิดเจ็ตมาใส่ด้วยตนเองได้ สามารถใช้ 2 นิ้ว ลากออกเพื่อให้แสดงผลทั้ง 7 หน้า เพื่อเลือกใช้ และปรับแต่งได้ คล้ายๆ กับในอินเตอร์เฟส Sense ของเอชทีซี



ในส่วนของเมนูหลัก ซัมซุงเลือกรูปแบบการแสดงผลให้เป็นแบบทีละหน้าเลื่อนในแนวนอน ผู้ใช้สามารถใช้นิ้ว 2 นิ้วลากออกเพื่อแสดงผลหน้าจอเมนูทั้งหมดได้เช่นกัน ขณะที่แอปฯที่ให้มาในเบื้องต้นประกอบไปด้วย นาฬิกา ปฏิทิน จดบันทุก เครื่องเล่นเพลง กล้อง อัลบั้มรูป วิทยุ FM แชร์ไฟล์ผ่านไวไฟ อินเทอร์เน็ตเบราว์เซอร์ อีเมล มาเก็ต จีเมล เสิร์ช แมปส์ โซเชียลฮับ ตั้งค่า กูเกิลทอล์ก ละติจูด ค้นหาด้วยเสียง ข่าวและพยากรณ์อากาศ ตัวจัดการไฟล์ ระบบนำทาง ค้นหาสถานที่ โปรแกรมเปิดไฟล์เอกสาร เครื่องคิดเลข ซัมซุงแอปฯ และอัดเสียง



ระบบโทรศัพท์เอง ได้มีการเพิ่มระบบเดารายชื่อจากเบอร์ที่กด ทำให้ช่วยย่นระยะเวลาในการค้นหา เพียงแค่ผู้ใช้จำเบอร์ขึ้นต้น หรือ ตัวอักษรขึ้นต้นของรายชื่อผู้ติดต่อก็สามารถกดเพื่อให้แสดงผลได้ทันที

ขณะที่หน้าจอสายเรียกเข้า ใช้รูปแบบการไลด์เพื่อรับสาย-ตัดสาย เช่นเดียวกับการปลดล็อกโทรศัพท์ โดยในหน้าจอระหว่างสนทนา สามารถพักสาย เพิ่มสาย วางสาย เรียกปุ่มกด ใช้หูฟัง เปิดลำโพง ได้ด้วย



ส่วนของรายชื่อผู้ติดต่อมีการพัฒนาให้สามารถเชื่อมรายชื่อเข้ากับบัญชีเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ได้ เพียงแต่ในการตั้งค่าครั้งแรกผู้ใช้จำเป็นต้องนั่งใส่รายละเอียดด้วยตนเองทั้งหมด



หน้าจอการตั้งค่าของ Galaxy Cooper นั้นแทบไม่แตกต่างจากใน Galaxy S เนื่องจากทำงานบนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เหมือนกัน รูปแบบการตั้งค่าทั้งหลายจึงค่อนข้างคล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าการเชื่อมต่อ โทรศัพท์ เสียง หน้าจอ การแชร์พิกัด แอปพลิเคชัน บัญชีรายชื่อ ความเป็นส่วนตัว เมมโมรีการ์ด ค้นหา ภาษา คำสั่งเสียง เป็นต้น



จุดเด่นของแอนดรอยด์โฟน เวอร์ชัน 2.2 คือความสามารถในการแชร์อินเทอร์เน็ตผ่านไวไฟ (Wi-Fi Hotspot) แน่นอนว่าใน Galaxy Cooper ก็มีความสามารถดังกล่าวเช่นกัน ขณะเดียวกันซัมซุงยังไม่ลืมที่จะใส่แอปฯ ApnSwitch ป้องกันการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในเวลาที่ไม่ใช้งานมาป้องกันเน็ตรั่วด้วย



อีกแอปฯที่น่าสนใจใน Galaxy Cooper คือ TaskManager ที่สามารถแสดงได้ว่ามีการใช้งานแอปฯใดอยู่บ้าง สามารถเลือกลบแอปฯที่ไม่จำเป็น เคลียร์เมมโมรี ในกรณีที่รู้สึกว่าเครื่องทำงานช้าลง และแสดงผลหน่วยความจำที่เหลือทั้งภายในตัวเครื่องและการ์ด



อัลบัมรูปภาพใช้การแสดงผลเป็นอัลบั้มๆ เมื่อกดเข้าไปสามารถเลือกเข้าไปดูทีละภาพ หรือกดให้เป็นสไลด์โชว์ สามารถเลือกแชร์ไปยังเครือข่ายสังคม อีเมล รวมถึงผ่านข้อความมัลติมีเดียได้ ขณะเดียวกันยังสามารถเข้าไปใช้โปรแกรมตกแต่งรูปเพิ่มเติมเพื่อปรับแต่งรูปให้สวยงามขึ้น



นาฬิกาปลุก ยังกลายเป็นอีกหนึ่งแอปฯที่น่าสนใจของ Galaxy Cooper เนื่องจากในการแสดงผล สามารถเลือกได้ว่าจะให้เปิดความสว่างหน้าจอค้างไว้ หรือลดความสว่างหน้าจอเป็นลักษณะนาฬิกาในเวลากลางคืน เลือกตั้งเวลา เปลี่ยนภาพพื้นหลัง และเสียงนาฬิกาปลุกได้



การใช้งานอีเมลยังคงเป็นจุดเด่นสำคัญของสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้ใช้ไม่พลาดการติดต่อสื่อสารผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์นี้ ส่วนแอปฯ Social Hub เป็นการรวมข้อความสื่อสารทั้งในรูปแบบข้อความสั้น อีเมล เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์เข้าด้วยกัน ขณะที่วิทยุ FM สามารถใช้งานบนจุดทศนิยม 2 ตำแหนง ใช้การหมุนตรงกลางหาคลื่นและเลือกบันทึกได้



News & Weather ในต่างประเทศ แอปฯ ที่รวบรวมข้อมูลพยากรณ์อากาศ และข่าวสารต่างๆ ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก เนื่องจากในการใช้ชีวิตแต่ละวันรีบเร่งมากขึ้น การที่ซัมซุงรวบรวมข้อมูลต่างๆ มาไว้ในแอปฯ เดียวถือเป็นการประหยัดเวลาในการรับข้อมูลตอนเช้าเป็นอย่างมาก



อีกหนึ่งแอปฯที่น่าสนใจคือ AppSaver ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแบคอัปแอปฯที่ติดตั้งไว้ในเครื่อง ออกมาเป็นไฟล์นามสกุล .apk ในกรณีที่ทำการล้างเครื่อง ก็สามารถเรียกคืนค่าแอปฯ ที่เคยลงไว้ รวมถึงยังใช้ในการจัดการแอปฯต่างๆในเครื่องอีกด้วย



ด้านคีย์บอร์ดนั้น ซัมซุงมีการพัฒนา Swype ให้รองรับการใช้งานภาษาไทยเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นการต่อยอดคีย์บอร์ด Swype ที่ช่วยให้พิมพ์ได้เร็วที่สุดในโลกจากรุ่นพี่อย่าง Galaxy S มายัง Galaxy Cooper ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ทั้งนี้ในกรณีที่ไม่ชอบการลาก ก็ยังสามารถใช้นิ้วสัมผัสในการพิมพ์ได้เหมือนเดิม



การใช้งานเว็บเบราว์เซอร์สามารถใช้งานแฟลชได้ "ในระดับหนึ่ง" แต่ยังไม่สามารถแสดงผลหน้าเว็บที่ใช้งานแฟลชเต็มรูปแบบได้ การใช้งานส่วนอื่นๆยังคงขึ้นตามมาตรฐานของแอนดรอยด์ ความลื่นไหลมีมากขึ้น เมื่อเทียบกับ Galaxy 3 และ Galaxy 5 แน่นอนว่าการแสดงผลภาษาไทยทำได้เต็มรูปแบบแล้วจากแอนดรอยด์เวอร์ชัน 2.2 นั่นเอง



กล้องของ Galaxy Cooper นั้นมีโหมดให้เลือกใช้ค่อนข้างหลากหลาย ตามสไตล์ของซัมซุง ที่มีการนำมาพัฒนาต่อยอดให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าของตนเอง ดังนั้นผู้ใช้สามารถเลือก รูปแบบการถ่ายภาพ มีฉากให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น ภาพบุคคล สถานที่ กลางคืน กีฬา งานปาตี้ ชายหาด พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้ไฟ ตัวอักษร แสงเทียน และแสงจากด้านหลัง



การตั้งค่ามีทั้งการปรับสภาพแสง จุดโฟกัส ตั้งเวลาถ่าย ความละเอียดของภาพที่สูงสุด 5 ล้านพิกเซล ปรับไวท์บาลานซ์ ใส่เอฟเฟกต์ ตั้งค่าความไวแสง จุดวัดแสง คอนทราสต์ คุณภาพรูปเป็นต้น ขณะที่การบันทึกวิดีโอ ความละเอียดสูงสุดที่ทำได้คือ VGA เท่านั้น

ส่วนสเปกภายในของตัวเครื่องประกอบไปด้วยหน่วยประมวลผล ARMv6 800MHz ที่มาพร้อมกับหน่วยประมวลผลภาพของ Qualcomm Adreno 200 ROM เหลือให้ใช้ 158MB RAM 278MB บนระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เวอร์ชัน 2.2.1-update ซึ่งผู้ใช้สามารถลงแอปฯในไมโครเอสดีการ์ดได้

Design of Samsung Galaxy Cooper

รูปลักษณ์ของตระกูล Galaxy ไล่มาตั้งแต่ S จนมาถึง Galaxy Cooper มักจะได้รับการนำไปเปรียบเทียบกับแบรนด์ผลไม้เรื่อยมา ซึ่งในช่วงแรกเห็นของทีมงานเองก็เช่นกัน แทบจะอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่าถ้าปิดแบรนด์ใส่เคสคงไม่มีใครรู้ว่าใช้ Cooper อยู่

วัสดุที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นพลาสติกคุณภาพสูง ผสมกับโครเมียม ทำให้ไม่ดูบอบบางเหมือนรุ่นพี่อย่าง Galaxy S ขนาดรอบตัวอยู่ที่ 112.4 x 59.9 x 11.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 113 กรัม



ด้านหน้า - ไล่จากส่วนบนเป็นลำโพงสนทนา ถัดลงมามีโลโก้ "Samsung" สีเงินขนาดใหญ่พาดอยู่ ลงมาเป็นหน้าจอ Capacitive ขนาด 3.5 นิ้ว ความละเอียด 320x480 พิกเซล รองรับระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว (ตั้งเปิด-ปิดได้) ล่างสุดมีปุ่มโฮม และย้อนกลับแบบสัมผัสอยู่ข้างๆ ปุ่มเมนูตรงกลาง



ด้านหลัง - ฝาหลังใช้วัสดุเป็นยางผสม ช่วยให้สามารถจับถือได้อย่างมั่นคง ส่วนบนมีกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซลพร้อมไฟแฟลช และลำโพงสเตอริโอ ส่วนล่างมีโลโกแบรนด์อยู่เช่นเดิม การเปิดฝาหลังใช้หลักการงัดออกมาจากด้านล่าง เมื่อเปิดฝาหลังออกมาจะพบกับแบตเตอรี Li-ion ขนาด 1,350 mAh ที่มีช่องใส่ซิมการ์ดอยู่ส่วนบน




ด้านซ้าย - มีช่องร้อยสายโทรศัพท์ และปุ่มปรับระดับเสียง ด้านขวา - มีปุ่มเปิดเครื่อง และช่องใส่หน่วยความจำไมโครเอสดี ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้โดยไม่ต้องปิดเครื่อง (Hot-Swap)




ด้านบน - มีพอร์ตไมโครยูเอสบี ที่สามารถเลือนฝามาปิดได้ พร้อมกับช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มม. ด้านล่าง - มีรูไมโครโฟนสนทนาอยู่ตรงกลาง และช่องสำหรับแงะฝาหลัง

บทสรุป

อย่างที่รู้กันว่า Galaxy Cooper เป็นเครื่องที่ออกมาเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการใช้งานแอนดรอยด์ คุณภาพสูงในราคาที่ไม่แพงมากนัก ซึ่งถือว่าซัมซุงเปิดราคามาในระดับที่ทำให้อินเตอร์แบรนด์รายอื่นต้องเหลียวมองกันเลย ประกอบกับการทำยอดขายในช่วงงานไทยแลนด์โมบายเอ็กซ์โปที่ผ่านมา ที่มีดีลเลอร์บางรายลดราคา Cooper ลงมาเหลือราว 8,500 บาทเท่านั้น

การที่ตัวเครื่องรองรับการเชื่อมต่อ 3G ในคลื่นความถี่ 900 / 2100 MHz ทำให้ยังต้องรอความชัดเจนในการขยายเครือข่ายของทั้ง เอไอเอส และทีโอที เพื่อที่จะเรียกใช้งานประสิทธิภาพสูงสุดของสมาร์ทโฟนออกมา แต่ทั้งนี้ตัวเครื่องก็ยังรองรับการเชื่อมต่อไวไฟ บลูทูธ จีพีเอส ตามมาตรฐานสมาร์ทโฟนในตลาด

แต่จุดที่ทางซัมซุง ตัดออกไปเพื่อที่จะทำราคาให้อยู่ในระดับนี้ คือไม่มีการใส่เซ็นเซอร์ปรับแสงอัตโนมัติมาให้ รวมถึงหน้าจอที่ใช้เป็น Super Clear LCD ลดขนาด ROM RAM ลงมาเหลือเหลือ 256 / 278MB ต่างกับเครื่องที่วางจำหน่ายในต่างประเทศที่เป็น 512 / 512MB

เรื่องของเสียงสนทนาไม่มีปัญหาในการใช้งานทั่วไป แต่เรื่องแบตเตอรี ยังคงเป็นไปตามมาตรฐานของสมาร์ทโฟน ที่ผู้ใช้ต้องปรับพฤติกรรมเป็นชาร์จกันวันละครั้งต่อไป แม้ว่าตัวเครื่องจะใช้ซีพียู 800MHz ก็ตาม

ขอชม
- ราคาคุ้มค่ากับประสิทธิภาพของเครื่อง
- ดีไซน์และการออกแบบที่ยังงสไตล์ซัมซุง
- แอนดรอยด์ 2.2 รองรับ Wi-Fi Hotspot
- คีย์บอร์ด Swype

ขอติ
- ไม่มีเซ็นเซอร์ปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ
- ROM ที่เหลือให้ใช้ 158MB RAM 256MB เท่านั้น

Company Related Links :
Samsung












กำลังโหลดความคิดเห็น