xs
xsm
sm
md
lg

Review : BlackBerry Storm ไม่พายุสมชื่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กระแสคำว่า "BB" ฮิตไปทั่ววงการสตรี (แป้งทาหน้ารุ่น BB) และสุภาพบุรุษ (BB Gun) รวมถึงวงการเทเลคอมของเราด้วย ซึ่ง BB นั้นจะเป็นอื่นไปไม่ได้เลยนอกจาก "BlackBerry" หรือโทรศัพท์มือถือแบล็กเบอร์รี่นั่นเอง

คุณสามารถอ่านที่มาที่ไปของชื่อ และจุดเด่นที่ทำให้โทรศัพท์มือถือแบล็กเบอร์รี่ต่างจากที่อื่นได้จากบทความเรื่อง "ไข 6 ข้อสงสัยก่อนใช้มือถือแบล็กเบอร์รี่" หลังจากนั้นคุณจะไม่แปลกใจว่าตำแหน่งของโทรศัพท์มือถือแบล็กเบอร์รี่ ณ ชั่วโมงนี้เหมาะสมแล้วที่จะเรียกว่าเป็นจ้าวแห่งการสื่อสารแบบเรียลไทม์ตัวจริง เพราะทุกเครื่องมือการสื่อสารสมัยใหม่สามารถมาบรรจบกันในมือถือเครื่องเดียว ได้แก่ Email, Chat, SMS-MMS, MSN, Facebook หรือแม้แต่ Twitter ด้วย

และครั้งนี้ก็เป็นการรีวิวโทรศัพท์มือถือแบล็กเบอร์รี่ครั้งแรกของ CBiZ Review ซึ่งเป็นรุ่นแรกของมือถือแบล็กเบอร์รี่ที่ออกรุ่นหน้าจอแบบสัมผัส และเป็นรุ่นล่าสุดที่ออกวางขายที่ประเทศไทยด้วย

สำหรับผู้ที่กำลังมองหามือถือหน้าจอสัมผัสรุ่นที่ฟีเจอร์เยอะๆ และที่สำคัญหน้าตาเรียบหรู นอกเหนือจาก LG Arena ที่จุดเด่นอยู่ที่เมนู 3 มิติ ชื่อว่า "S-Class" ที่ได้รับรางวัลการันตีการออกแบบจาก iF Communication Design Award มาแล้ว ก็เห็นจะหนีไม่พ้นมือถือสมาร์ทโฟนอย่าง ไอโฟน แอนดรอยด์ และ แบล็กเบอร์รี่ สตรอมรุ่นนี้!

รูปลักษณ์



กรอบของตัวเครื่องสีโครมเมี่ยมให้ความรู้สึกหรูหรา แต่เพิ่มสไตล์ด้วยขอบที่โค้งมนทุกมุมมองของเครื่อง ส่วนฝาด้านหลังทนทานด้วยสแตนเลสสตีล แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความร้อนบนฝ่ามือเมื่อคุณเล่นติดต่อกันเป็นเวลานานๆ (ครึ่งชั่วโมงขึ้นไป)

วิดีโอโฆษณาแบล็กเบอร์รี่ สตรอม




จากการมองแบบผิวเผินจะเห็นว่าแบล็กเบอร์รี่ สตรอม (ซึ่งต่อไปจะขอเรียกว่า "สตรอม") มีปุ่มหลักอยู่เพียง 4 ปุ่ม คือ 1.ปุ่มโทรออก 2.ปุ่มวางสาย/เปิดเครื่อง 3. ปุ่มเมนูแบล็กเบอร์รี่ หรือปุ่ม BB (มีโลโก้แแบล็กเบอร์รี่อยู่) และ 4. ปุ่มย้อนกลับ แต่จริงๆ แล้วด้านข้างทั้ง 2 ยังมีปุ่มลัด ที่คุณสามารถตั้งค่าให้มันเรียกการทำงานฟังก์ชันต่างๆ ของเครื่องได้ แต่ค่าที่มาพร้อมการแกะกล่องก็จะเป็นปุ่มโทรออกด้วยเสียงที่ด้านซ้าย ส่วนด้านขวาจะเป็นปุ่มถ่ายรูปจากกล้องดิจิตอลที่มีความละเอียดถึง 3.2 ล้านพิกเซล และด้านบนเป็นปุ่มปรับเสียง ซึ่งปุ่มนี้ยังไปใช้งานสัมพันธ์กับฟังก์ชันอื่นๆ อีก เช่น ซูมเข้าออกของกล้อง สั่งให้เล่นเพลงถัดไปโดยกดค้างเอาไว้ได้อีกด้วย





อย่างไรก็ดี ด้านบนเครื่องก็ยังมีอีก 2 ปุ่ม ด้านซ้ายไว้สำหรับล็อกหน้าจอ และด้านขวาเป็นการปิดเสียง และสั่งงานให้เล่น-หยุดเพลงในตัว





(เปรียบเทียบมือถือทัชสกรีน 3 รุ่นยอดฮิต ได้แก่ ซัมซุงสตาร์ แบล็กเบอร์รี่ สตรอม และ ไอโฟน)

แต่ที่สำคัญมากๆ และถือเป็นฟีเจอร์เด่นเป็นเอกลักษณ์ของสตรอมก็คือ ปุ่มใหญ่ที่สุด นั่นก็คือ การนำหน้าจอมาให้เรากดลงไปได้ ซึ่งการกดแบบนี้จะไม่มีการสั่นสะเทือนตอบกลับ (Haptics) เหมือนมือถือรุ่นทัชสกรีนของซัมซุง อาทิ ซัมซุง SCH-W420 แต่จะเป็นการทำหน้าที่เหมือนมือถือจอสัมผัสทั่วไป คือ กดไปยังตำแหน่งต่างๆ ของหน้าจอที่ต้องการ โดยที่คุณจะไม่สามารถแค่แตะเบาๆ เหมือนหน้าจอมือถือจอสัมผัสทั่วไป แต่กลับต้องกดลงไปโดยใช้แรงเพื่อให้จอยุบตัว ซึ่งระบบนี้เรียกว่า "SurePress" นั่นก็เพราะต้องการใช้ผู้ใช้มั่นใจและได้ฟีลลิ่งว่าได้กดปุ่มอะไรสักอย่างลงไปแล้วจริงๆ โดยฟีเจอร์นี้ถูกคิดค้นขึ้นมาใหม่ และได้รับรางวัลจากเวที Mobile World Congress 2009 ในหมวดของ GSMA Best Mobile Technology Breakthrough ด้วย

บอกได้คำเดียวว่าระบบนี้ ต้องการคนใช้ที่รู้ใจมันด้วย เพราะถ้าคนที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนอาจจะตกใจที่หน้าจอของสตรอมดูขลุกขลัก ไม่แน่นหนา และดูเหมือนว่ากดหนักๆ บ่อยๆ หน้าจอจะหลุดออกมาง่ายๆ (แต่จริงๆ อึด) ที่สำคัญอาการเมื่อยนิ้วที่เกิดจากการพิมพ์ข้อความเป็นเวลาสักระยะก็จะออกอาการอย่างชัดเจนด้วย ซึ่งโรคนี้คนทั่วโลกที่ใช้มือถือแบล็กเบอร์รี่ก็เป็นกันมากจนมีการบัญญัติเป็นชื่อโรคว่า "BlackBerry Thumb" เลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี หน้าจอของสตรอมเองก็สามารถเอียงหน้าจอไปมาได้ฉับไวไม่แพ้ไอโฟนและมือถือที่มีฟีเจอร์การตรวจจับความเคลื่อนไหวของหน้าจออื่นๆ ด้วย ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อว่า Motion Sensors (accelerometers)

ส่วนการออกแบบหน้าตาเมนู (User Interface) ของมือถือแบล็กเบอร์รี่ก็ทำได้สวยงาม ใช้งานง่าย และมีการจัดหมวดหมู่เพื่อเอื้อต่อการใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ได้อย่างเป็นระเบียบ ทั้งยังทำให้การเล่นหรือสั่งงานเมนูต่างๆ สะดวก และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับฟีเจอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของมือถือแบล็กเบอร์รี่อย่าง อีเมล และ การแชตด้วย BlackBerry Messenger กลับมีหน้าตาที่ดูไม่ทันสมัยเหมือนกับตัวเครื่องสตรอมเอาเสียเลย (ซึ่งเป็นแบบนี้กับมือถือแบล็กเบอร์รี่ทุกเครื่อง)

วิดีโอพาทัวร์ฟีเจอร์ต่างๆ ของแบล็กเบอร์รี่ สตรอม



เข้าสู่โลกแห่งอีเมลเรียลไทม์ กับ แบล็กเบอร์รี่ สตรอม




ฟังก์ชันที่จะต้องพูดถึงอย่างแรกเห็นจะเป็นเรื่องของระบบการรับ-ส่ง อีเมลแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่มีเฉพาะในมือถือแบล็กเบอร์รี่ ที่หาใครยากเทียมทัน

สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ทางผู้ใช้บริการเครือข่ายทั้งทรู และเอไอส ที่เป็นผู้นำเข้ามือถือแบล็กเบอร์รี่ มีการฝึกอบรมบุคลกรให้พร้อมสำหรับการช่วยเหลือในการตั้งค่าอีเมลต่างๆ กับมือถือแบล็กเบอร์รี่ทุกรุ่น แต่ถ้าคุณอยากจะลองทำด้วยตัวเองก็เข้าไปที่

เมนู Setup > Email Settings > เข้าสู่ระบบด้วยอีเมลหลัก ที่เราทำการลงทะเบียนไว้กับระบบแบล็กเบอร์รี่ตั้งแต่ต้น > กดปุ่ม Add > เลือกค่ายอีเมลที่เราต้องการ มีทั้งฟรีอีเมล อาทิ Hotmail, Yahoo! Mail, Gmail และ อื่นๆ (Others) ซึ่งก็หมายถึงอีเมลของบริษัท ซึ่งถ้าอยากจะรู้ว่าอีเมลของบริษัทเราใช้ได้กับระบบแบล็กเบอร์รี่หรือไม่ก็ลองใส่ข้อมูลของบัญชีอีเมลเราลงไปเลย ถ้าได้มันก็จะมาแสดงที่หน้าจอหลักโดยอัตโนมัติ ซึ่งถ้าคุณเพิ่มอีเมลไว้หลายอีเมล (สูงสุด 10 เมล) มันก็จะมาแสดงเป็นปุ่มเมนูต่างๆ หนึ่งเมล/หนึ่งปุ่ม

อย่างไรก็ดี ทางแบล็กเบอร์รี่ก็ทราบดีว่าหากคุณเพิ่มอีเมลไว้มากๆ ครั้นจะมาคลิกทีละเมลเพื่อเช็คก็จะดูเป็นการเสียเวลา ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่มีอีเมลเข้ามา ไม่ว่าจะมาจากบัญชีไหน ก็จะมีการเตือนที่เมนู "Message" ด้วยทุกครั้ง

หากจะเปรียบเทียบเมนู "Message" กับฟีเจอร์หลักของเว็บไซต์เครือข่ายทางสังคมออนไลน์อย่าง เฟสบุ๊ค (Facebook) หรือ ไฮไฟว์ (Hi5) ก็อาจกล่าวได้ว่า Message ก็คือ "Mini Feed" หรือ "อัปเดทเพื่อน" ที่จะเป็นศูนย์รวมของการอัปเดทกิจกรรมการสื่อสารต่างๆ ทั้งหมดในเครื่องของเราไว้ที่เมนูเดียว หน้าจอเดียว โดยแยกเป็นข้อมูลรวมที่หาได้ตามวันและเวลา เพื่อค้นหาย้อนหลังได้โดยสะดวก อันได้แก่ "อีเมล" ของทุกบัญชี ทั้งเมลที่เข้ามา ส่งต่อ ตอบ, ข้อความที่แชตจาก BlackBerry Messenger, รวมถึงการโพสข้อมูลในเฟสบุ๊คด้วย

ซึ่งหากเราได้ยินเสียงเตือน และเห็นไฟสีแดงกระพริบที่มุมขวาของเครื่อง และกดอ่านอีเมลจากเมนู "Message" แล้ว ก็จะไม่มีสัญลักษณ์รูปดอกจันสีแดง ที่หมายถึงการเตือนว่ายังมีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านในปุ่มเมนูของเมลนั้นๆ อีกต่อไป

รายละเอียดต่างๆ ของระบบอีเมลในมือถือแบล็กเบอร์รี่

* เป็นระบบผลัก (Push Technology) โดยจะมีการเตือนว่ามีอีเมลใหม่ๆ เข้ามาที่มือถือคุณทุกครั้ง แบบเรียลไทม์ ทั้งยังมีการเข้ารหัสหลายชั้นจึงมั่นใจได้ว่าคุณจะเป็นคนแรกที่ได้เปิดอีเมลฉบับนั้นๆ แต่เพราะการเข้ารหัสที่แน่นหนาก็ต้องแลกมาด้วยความช้าในการรับ-ส่ง ข้อมูลด้วย ซึ่งสำหรับสตรอม ที่ไม่มีไว-ไฟ ต้องเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย EDGE เท่านั้น จากที่ทดลองเปิดเมลประเภท ข่าวสาร (E-Newsletter) ที่มีภาพแนบมาด้วยก็ค่อนข้างใช้เวลานานพอสมควร

* สามารถตั้งค่าอีเมลได้ถึง 10 บัญชี โดยเลือกได้ทั้งฟรีอีเมล (Hotmail, Yahoo, Gmai) หรือ อีเมลบริษัท

* คุณสามารถอ่านไฟล์ที่แนบมากับอีเมลได้ (ไม่ว่าไฟล์แนบจะมีขนาดไฟล์ที่ใหญ่แค่ไหน) แต่ในตอนแรกที่เปิดเมลขึ้นมาจะดึงข้อมูลมาแต่ข้อความ เพื่อความรวดเร็วในการอ่าน อย่างไรก็ดี ถ้าคุณจะต้องการเปิดดูไฟล์ภาพที่มีอยู่ในอีเมลก็สามาถทำได้โดยการกดที่ปุ่ม BB และ เลือก Get Images อันนี้ในกรณีที่เป็นอีเมลข่าวสารต่างๆ แต่ถ้าเป็นเมลฟอร์เวิร์ดที่มีการแนบภาพใหญ่ๆ หรือไฟล์เอกสารคุณจะต้องเลือกที่จะเปิดไฟล์แนบนั้นแต่ละภาพด้วยตัวเองอีกที โดยการกดที่ปุ่ม BB และ เลือก Open Attatchment หรือบันทึกลงเครื่องก็ได้ ซึ่งถ้าเป็นไฟล์เอกสารในเครื่องสตรอมก็มีโปรแกรมเปิดไฟล์เอกสารอย่าง Word To Go, Sheet To Go ไว้สำหรับเปิดไฟล์ Excel ,และ Slideshow ไว้สำหรับเปิดไฟล์ PowerPoint ด้วย



อย่างไรก็ดี สำหรับผู้เขียนเห็นว่าฟีเจอร์เมลของแบล็กเบอร์รี่ยังถือว่าต้องพัฒนาต่ออีกมาก ทั้งหน้าตาของตัวโปรแกรม และการแสดงผลข้อมูล เพราะการกดปุ่มเพื่อสั่งให้ดึงหรือดูข้อมูลทีละอันถือว่าไม่สะดวกอย่างยิ่งในการอ่านข้อมูลในเวลาที่เร่งรีบ ทั้งตัวสตรอมเองยังไม่มีไว-ไฟ ทำให้การอ่านอีเมลเป็นไปอย่างตะกุกตะกักพอสมควร

* หากโทรศัพท์มือถือแบล็กเบอร์รี่ของคุณหายไป คุณสามารถแจ้งกับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ เพื่อสั่งให้ "ลบข้อมูลที่มีอยู่ในเครื่องของคุณทั้งหมดได้" นั่นก็หมายความว่าอีเมลฉบับสำคัญของคุณก็ยังถูกการันตีความปลอดภัยในอีกระดับหนึ่ง แต่ถ้าคุณไม่สั่งลบข้อมูลจากทางระบบ ผู้ที่เก็บมือถือแบล็กเบอร์รี่ของคุณได้แล้ว ถึงแม้เขาจะทำการลบข้อมูลทั้งหมดในเครื่องคุณแล้วด้วยคำสั่ง "Wipe Handheld" ก็ยังจะมีอีเมลเข้ามายังเครื่องอยู่ดี ฉะนั้นถ้าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องติดต่อผู้ให้บริการเพื่อลบบัญชีอีเมลของคุณออกจากระบบและเครื่อง เพื่อไม่ให้ความลับใดๆ รั่วไหลได้

BlackBerry Messenger แชตหนึบหนับตลอด 27 ชั่วโมง



ฟีเจอร์ต่อมาที่จะต้องรีบพูดถึงเพราะเป็นจุดขายประการที่ 2 ของมือถือแบล็กเบอร์รี่ก็คือ "BlackBerry Messenger"

ตัวชื่อบริการก็บอกได้ว่ามันมีความสามารถไม่ต่างอะไรไปจากโปรแกรม MSN Instant Messger ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ แต่มันไปอยู่บนมือถือ โดยสามารถพิมพ์ข้อความ ส่งภาพแทนใจอย่างอีโมติค่อนสีเหลืองๆ ได้
สามารถฝากข้อความไว้ให้เราขณะปิดเครื่องได้ ที่สำคัญคือ มันไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และจำกัดให้สื่อสารได้ระหว่างผู้ใช้มือถือแบล็กเบอร์รี่ด้วยกันเท่านั้น



วิธีการเพิ่มรายชื่อเพื่อนเพื่อแชตผ่าน BlackBerry Messenger

โดยคุณจะต้องทราบรหัสประจำเครื่องหรือ PIN ของคนที่คุณต้องการสนทนาด้วย จากนั้นก็เข้าไปที่เมนู Instant Messaging > BlackBerry Messenger > กดที่ปุ่มซ้ายสุดของหน้าจอ ซึ่งเป็นรูปหน้าคนที่มีเครื่องหมายบวกสีเขียว > ใส่รหัส PIN > กด Send

และเมื่อเพื่อนของคุณได้ข้อความก็จะตอบกลับมาหาคุณ จากนั้นก็เริ่มการแชตได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง/7วัน

กล่าวคือ คุณสามารถส่งข้อความผ่าน BlackBerry Messenger ได้เมื่อไหร่ก็ได้ที่คุณต้องการ ไม่ว่าเพื่อนจะเปิด หรือ ปิดเครื่อง โดยถ้าเพื่อนเปิดเครื่องอยู่ก็จะได้รับข้อความเตือนว่ามีข้อความใหม่เข้ามาทันที ซึ่งจุดนี้นอกจากจะช่วยประหยัดค่าส่ง SMS แล้วยังได้รับข้อความตอบกลับทันทีอีกด้วย

อย่างไรก็ดีคุณสามารถลงโปรแกรมสนทนาอื่นๆ เหมือนที่เราใช้ในคอมพิวเตอร์อย่าง MSN, Google Talk, Yahoo! Messenger ฯลฯ ในเครื่องสตรอมได้อีกเช่นกัน ทำให้เราเชื่อมต่อกับเพื่อนทุกคน ได้ในเวลาที่ต้องการ



สำหรับผู้เขียนเห็นเหมือนเช่นฟังก์ชันอีเมลของแบล็กเบอร์รี่ ที่ถ้าหากมีการออกแบบหน้าตาเมนูในส่วนของ BlackBerry Messenger เสียใหม่ ให้แสดงภาพแทนตัวผู้ใช้ (Avartar) การใส่ฟังก์ชันการส่งข้อความเสียง การเปลี่ยนสีหน้าจอของโปรแกรมนี้ ฯลฯ ก็จะทำให้ฟีเจอร์นี้น่าใช้งานมากยิ่งขึ้น

พิมพ์หนัก เบลอหน่อย แต่ก็สะใจ

สิ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยสำหรับ "สตรอม" เครื่องนี้ก็คือ ความสามารถในการพิมพ์ข้อความ เนื่องจากส่วนใหญ่คนที่ใช้สตรอมหรือมือถือแบล็กเบอร์รี่รุ่นอื่นๆ มักจะสื่อสารด้วยข้อมูลมากกว่าที่จะโทรหากัน ฉะนั้นกิจกรรมที่คุณจะต้องทำทุกๆ วันหลังจากได้มือถือเครื่องนี้มาก็คือ การบริหารนิ้วหัวแม่มือให้ฟิต จนแข็งแกร่งพอจะกดลงไปบนหน้าจอได้

และจากที่ลองใช้สตรอมเป็นเวลาเกือบ 1 สัปดาห์พบว่า ด้วยระบบการพิมพ์หน้าจอโดยการกด (SurePress) ยังมีการทำให้พิมพ์ผิดอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะการพิมพ์ตัว L กับ ปุ่มลบข้อความที่อยู่ติดกัน อีกทั้งยังไม่มีการแสดงตัวอย่างอักษรที่กดเป็นภาพใหญ่ลอยขึ้นมา (เหมือนไอโฟน) ทำให้ทุกครั้งที่พิมพ์รหัสผ่านเข้าเว็บไซต์ใดๆ จำเป็นจะต้องใช้ใจจดจ่ออยู่พอสมควร มิฉะนั้นคุณอาจจะหงุดหงิดที่ไม่สามารถเข้าระบบของเว็บโปรดจากสตรอมได้ เพราะพิมพ์รหัสผ่านผิดนั่นเอง แต่สามารถแก้ไขด้วยการเข้าระบบเว็บไซต์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้นด้วยโปรแกรม Password Keeper ทีมีให้ในเครื่อง

ตรงกันข้ามกับมือถือรุ่นอื่นๆ การมีระบบสะกดคำอัตโนมัติ และระบบเดาคำศัพท์กับสตรอม ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญและได้ใช้งานจริงๆ มาก (สำหรับผู้ที่สนทนาด้วยภาษาอังกฤษ) นั่นก็เพราะว่าระยะแรกๆ ที่คุณยังไม่คุ้นชินกับเครื่อง ผู้เขียนเชื่อว่าต้องมีการพิมพ์ข้อความผิดบ่อยแน่ๆ ฉะนั้นระบบช่วยสะกดคำก็ทำหน้าที่ของมันได้อย่างฮีโร่ในเวลาที่เหมาะสม

อย่างไรก็ดีสำหรับคนไทยทั่วไปที่ชอบสื่อสารกันเป็นภาษาคาราโอเกะอาจจะไม่ถูกใจกับระบบอัจฉริยะนี้ เพราะหลายศัพท์ไทยๆ ที่เราต้องใช้กันประจำอย่าง เช่น ครับ (Krub) ไกล (Klai) ป่าว (Pao) ตัวเครื่องที่เป็นสัญชาติแคนนาดาอาจจะไม่รู้จักและเดาศัพท์ผิดพลาดได้

อย่างไรก็ดีสำหรับสตรอม ขณะนี้สามารถอัปเกรดให้รองรับการใช้งานพิมพ์ภาษาไทยได้แล้ว (แต่เครื่องที่ทดสอบยังไม่รองรับ)

กล้อง 3.2 ล้านพิกเซล ถึงไม่ไวทันใจ แต่ก็มีอะไรให้เล่นเยอะ



"สตรอม" ถือว่าเป็นมือถือระดับไฮโซ จึงไม่แปลกใจที่กล้องจะใส่ความละเอียดมาให้ถึง 3.2 ล้านพิกเซล แต่สำหรับการจับโฟกัสก่อนกด "แชะ" อาจจะไม่ได้ไวเหมือนมือถือแบรนด์อื่นๆ แต่ฟีเจอร์ที่มาเป็นลูกเล่นให้กับกล้อง ก็ยังพอทำให้คุณสนุกกับการถ่ายภาพทั้งวันได้

ทันที่ที่กดถ่าย ระบบจะบันทึกภาพลงเครื่องทันที โดยคุณจะเลือกได้เลยว่า...

1. ส่งภาพนั้นผ่านช่องทางต่างๆ เช่น Email, MMS, Flickr, MySpace, Facebook, หรือโปรแกรมอื่นๆ ที่เชื่อมต่อกับฟีเจอร์ของกล้องได้ ทำให้คุณโพสภาพขึ้นเว็บได้แบบเรียลไทม์เช่นกัน เพราะมือถือแบล็กเบอร์รี่มีคุณสมบัติในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอยู่ตลอดเวลา (Always On and Connected)

อย่างไรก็ดี ส่วนของ Flickr, MySpace, Facebook นี้คุณจำเป็นจะต้องลงโปรแกรมเหล่านี้ที่เครื่องก่อน จึงจะมีเมนูให้เลือกส่งภาพจากกล้องได้ (รออ่านรีวิวแอพพลิเคชันที่ฟรีและดีสำหรับมือถือแบล็กเบอร์รี่ทุกรุ่นได้ในบทความหน้า เร็วๆ นี้)

2. ตั้งภาพนี้เป็นภาพแทนผู้โทรเข้า (Caller ID) หรือ ภาพวอลเปเปอร์ที่หน้าจอ

3. แก้ไขชื่อภาพ

4. ลบภาพ

นอกจากนั้นแล้วคุณสามารถตั้งค่าต่าง ๆ ของเมนูกล้องได้อีกด้วยการกดปุ่ม BB > Options ซึ่งในนี้จะประกอบไปด้วย

* เลือกให้เปิดแฟลชอัตโนมัติ
* เปิดระบบป้องกันการสั่นสะเทือน
* ปรับความขาวของภาพ
* เลือกขนาดภาพได้ 3 ระดับ (ขนาดใหญ่ (L) 2048 x 1536 พิกเซล ขนาดกลาง (M) 1024 x 768 พิกเซล และ ขนาดเล็ก (S) 640x480 พิกเซล
* เลือกคุณภาพของภาพได้ 3 ระดับ ได้แก่ Superfine, fine, และ normal
* ทำเอฟเฟกต์ภาพ 3 แบบนอกเหนือจากการถ่ายภาพสีธรรมดาแล้ว ยังสามารถปรับเป็นสีขาวดำ ซีเปีย ไวท์บอร์ด ได้อีกด้วย (ซึ่งอย่างหลังนี้เหมาะกับการถ่ายภาพกระดาษ หรือ กระดานไวท์บอร์ด เพื่อเป็นการสแกนเอกสารด้วยมือถือของ qipit เหมือนที่เคยแนะนำไปใน WEB Review ได้)
* เลือกตำแหน่งการเก็บภาพ ในเครื่อง หรือ การ์ด

* สิ่งที่สำคัญอีกอย่างสำหรับการถ่ายภาพในปัจจุบันคือ การระบุพิกัดของภาพลงในตัวภาพถ่ายด้วย หรือที่เรียกว่า Geotagging ซึ่งคุณจะต้องไปตั้งค่าที่ตัวกล้องก่อน (Camera > Options > Geotagging > Enable) หลังจากนั้นเมื่ออัปโหลดภาพจากแอพพลิเคชัน "ฟลิกเกอร์ (Flickr)" ในเครื่อง ก็จะมีลิงก์ให้ดูตำแหน่งของภาพบนแผนที่ของ Blackberry ได้ ซึ่งจากที่ทดลองสามารถระบุตำแหน่งในประเทศไทยของเราได้อย่างถูกต้อง 100%

ฟีเจอร์นี้ยังจะช่วยอำนวยความสะดวกในคราวที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ ก็ไม่ต้องกลัวหลงเพียงแค่ถ่ายภาพโรงแรมเอาไว้ก่อนออกเดินทางแบ็คแพค แล้วอัปโหลดไปเก็บไว้ที่ฟลิกเกอร์ ขากลับก็ขอตำแหน่งในการเดินทางกลับมายังโรงแรมแห่งนี้ได้จาก GPS ของเครื่องคุณ

อย่างไรก็ดี เรามีคำแนะนำเล็กน้อยว่าไม่ควรเก็บภาพไว้ในหน่วยความจำของตัวเครื่องที่นอกจากจะลำบากต่อการโอนถ่ายภาพมาเก็บไว้ที่คอมพิวเตอร์แล้ว ยังทำให้การเปิดดูภาพแต่ละครั้งในเมนู Media ช้าไปด้วย

Media ศูนย์รวมมัลติมีเดีย กระหึ่มสะใจ





ในเมนู "Media" จะเป็นที่รวมของการเปิดชมภาพถ่าย ดูวิดีโอ เลือกริงโทน ฟังเพลงในเครื่อง และอัดเสียง

เพลง : จะมีการแยกออกเป็นเมนูย่อยๆ อีก 7 เมนู ได้แก่ เพลงทั้งหมด ศิลปิน อัลบั้ม แนวเพลง รายชื่อเพลง ตัวอย่างเพลง และ เล่นเพลงแบบสุ่ม โดยคุณสามารถใส่รูปภาพปกอัลบั้มลงไปได้ด้วย (Album Art)

ภาพ : เป็นการเปิดดูภาพในอัลบั้มภาพ นอกเหนือจากการดูภาพแบบรูปเล็กๆ (Thumbnail) และดูเรียงลำดับยของภาพ ที่แสดงผลพร้อมชื่อภาพ (List) แล้ว ยังสามารถใช้นิ้วให้ภาพสไลด์ไปมาเหมือนไอโฟนได้อีกด้วย รวมถึงสามารถค้นหาภาพได้จากชื่อภาพได้

วิดีโอ : จะเป็นที่เก็บวิดีโอที่เราดาวน์โหลดลง และวิดีโอที่เราถ่ายไว้เอง จากที่ได้ลองชมวิดีโอภาพยนตร์ตัวอย่าง ซึ่งเป็นหนังแอ๊คชันบอกได้เลยว่า หน้าจอ 3.25 นิ้ว (480 x 360 พิกเซล) ที่มีความละเอียด 184 จุดต่อนิ้ว (dpi) ให้ภาพแบบเต็มๆ จอที่คมชัดอย่างเหลือเชื่อไม่ว่าจะมองจากด้านข้างก็ตาม ทั้งคุณภาพเสียงที่ออกมาจากลำโพงสเตอริโอทางด้านหลังนั้นกระหึ่มจนเรียกได้ว่าเหนือความคาดหมาย รวมถึงวิดีโอที่เราถ่ายเองด้วย ก็มีเสียงที่กระหึ่มไม่แพ้กัน

ริงโทน : จะมีทั้งริงโทนที่มีมาให้ในเครื่องที่ส่วนใหญ่เป็นเสียงดนตรีคลาสสิก ก็ยังมีเมนูสำหรับเพลงที่คุณโหลดลงมาเองด้วย (My Ring Tones) ทำให้หาได้ง่าย และเมื่อกดปุ่มฟัง ก็จะมีปุ่มที่สั่งการให้ตั้งเพลงที่กำลังฟังอยู่เป็นริงโทนได้ทันที ถือว่าสะดวกมากทีเดียว

อัดเสียง : สามารถอัดเสียงผู้พูด และเสียงรอบข้างได้ชัดเจน หลังจากอัดเสียงเสร็จก็จะมีการบอกขนาดไฟล์ให้เสร็จสรรพ สามารถเลือกส่งผ่านอีเมล MMS บลูทูธ และตั้งค่าเป็นริงโทนได้อีกด้วย



Browser เซิร์ฟเว็บเต็มตา เลื่อนจอไปมาสบายๆ



เมื่อคุณเปิดมายังเมนู "Browser" ก็จะสามารถพิมพ์ชื่อเว็บ หรือ ค้นหาข้อมูลได้อย่างสะดวก โดยการค้นหาข้อมูลมี 4 เว็บให้เลือก ได้แก่ Google, Live Search (ที่ตอนหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Bing), Wikipedia สารานุกรมเสรีออนไลน์ และ Dictionary.com สำหรับการค้นหาคำศัพท์

เมื่อคุณเปิดมายังเมนู "Browser" ก็จะสามารถพิมพ์ชื่อเว็บ หรือ ค้นหาข้อมูลได้อย่างสะดวก โดยการค้นหาข้อมูลมี 4 เว็บให้เลือก ได้แก่ Google, Live Search (ที่ตอนหลังเปลี่ยนชื่อเป็น Bing), Wikipedia สารานุกรมเสรีออนไลน์ และ Dictionary.com สำหรับการค้นหาคำศัพท์

นอกจากนี้แล้ว ด้านล่างของจอยังแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ แถบเว็บโปรด (Bookmarks) และ ประวัติการเข้าชมเว็บ (History) แต่คุณสามารถปรับแต่งการแสดงผลส่วนนี้ได้ที่เมนู BB > Options > Browser Configuration

และหากคุณพบว่าตัวหนังสือบนหน้าเว็บเล็กเกินไป ก็สามารถปรับขยายได้อีก โดยเข้าไปที่ เมนู BB > Options > General Properties ซึ่งจุดนี้เหมาะมากสำหรับผู้บริหารหลายคนที่มีปัญหาเรื่องสายตาก็สามารถปรับให้ตัวหนังสือในเมนูต่างๆ ใหญ่เท่าที่ตนอ่านถนัดตาได้

หรือถ้าขณะเล่นเว็บไปนานๆ แล้วรู้สึกว่าการเปิดเว็บหนืดๆ ก็สามารถเข้าไปลบ Cahce ได้อีก โดยเข้าไปที่ เมนู BB > Options > Cache Properties > Clear Cache หรือ Clear History ได้

ซึ่งในเมนู "Browser" นี้คุณสามารถเปิดชมได้ทั้ง "เว็บไซต์" (แบบ HTML) และ "แว็บไซต์ (WAPSITE)" (แต่ยังไม่รองรับการแสดงผลไฟล์แฟลช เช่นเมื่อเปิดเว็บจะมองไม่เห็นพวกแบนเนอร์ต่างๆ ที่มักสร้างด้วยไฟล์แฟลช เป็นต้น) โดยขณะที่คุณเล่นเว็บ คุณสามารถซูมจุดต่างๆ ของหน้าจอด้วยการแตะสัมผัสเบาๆ เหมือนการดับเบิลคลิกที่เม้าส์ (ไม่ต้องกดเหมือนเวลาพิมพ์ข้อความ) และสามารถใช้นิ้วลากไปมาได้ อาจกล่าวได้ว่าความสามารถในการสัมผัสจอของสตรอมดูเหมือนจะได้แผลงฤทธิ์เต็มที่ก็จากการเล่นเว็บโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังรองรับการชมวิดีโอแบบสตรีมมิ่ง หรือดูสดได้อีกด้วย

อย่างไรก็ดี เพราะตัวสตรอมนี้ยังไม่มีความสามารถแบบมัลติทัชเหมือนกับไอโฟน ที่เราสามารถใช้สองนิ้วกางเข้าออกเพื่อซูมหน้าจอได้ ดังนั้นโอกาสที่จะกดปุ่มเล็กๆ บนหน้าจอเพื่อคลิกไปยังลิงก์ต่างๆอย่างผิดพลาดก็มีเปอร์เซ็นต์สูง ดังนั้น เพื่อความชัวร์ คุณก็สามารถเลือกเมนูเปลี่ยนจากการสัมผัสหน้าจอ เป็นการใช้เม้าส์ได้ โดยการคลิกที่ปุ่มลูกศรสีดำ ด้านล่างของจอ

นอกจากฟีเจอร์หลักของ "สตรอม" ที่ได้พูดถึงข้างต้นแล้ว ยังมีบางเมนูที่มีความสามารถน่ารักๆ ที่หาไม่ค่อยได้ในมือถือรุ่นอื่นๆ อีก ดังนี้

* ในเมนู "Contact" หากคุณไม่มีรูปถ่ายของเพื่อน ก็ยังสามารถเลือกภาพรูปคนหน้าตาต่างๆ ที่มีมาอยู่ในเครื่องแทนภาพของเพื่อนได้



* นาฬิกาของตัวเครื่องจะมีทั้งแบบเข็มและดิจิตอล หากคุณตั้งเวลาปลุกไว้ เครื่องจะเปิดเองอัตโนมัติและทำการปลุก ต่างกับมือถือหลายๆ รุ่นซึ่งถ้าปิดเครื่องก็จะไม่ปลุก หรือเมื่อปลุกก็จะไม่เปิดเครื่องให้อัตโนมัติ แต่สำหรับสตรอม เมื่อเปิดเครื่องแล้ว ก็จะพร้อมออนไลน์กับเครือยข่ายเพื่อดึงอีเมลล่าสุดมาไว้หน้าจอของคุณทันที เมื่อพร้อมจะออกไปทำงานก็จะเช็กเมลใหม่ๆ ได้ทันที

* ปฏิทินที่แสดงตารางนัดหมายอย่างละเอียดแล้ว ยังสามารถส่งการนัดหมายให้เพื่อนทุกคนในแก๊งค์บีบีอย่างพร้อมเพรียงกันได้อีกด้วย


* หากคุณซื้อเครื่องจาก AIS จะมีเมนูพิเศษชื่อว่า Application Center ซึ่งภายในจะทำการใส่ตัวติดตั้งของโปรแกรมสนทนายอดฮิต และโปรแกรมของเว็บเครือข่ายทางสังคมออนไลน์ไว้ล่วงหน้ามากมาย อาทิ Flickr, Facebook, MySpace, Yahoo! Messenger, Google Talk, Window Live Messenger, AOL Instant Messenger หรือแม้กระทั่ง ICQ สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ เลือกที่แต่ละโปรแกรมแล้วสั่งให้มันติดตั้งลงเครื่อง ซึ่งถ้าเป็นโปรแกรมประเภทสนทนา ก็จะเข้าไปอยู่ในเมนู Instant Message แต่ถ้าเป็นโปรแกรมของเว็บเครือข่ายทางสังคมออนไลน์ก็จะเข้าไปอยู่ในเมนู Applications

* คุณสามารถเปิดบลูทูธอย่างรวดเร็ว โดยเข้าไปที่เมนู "Manager Connections" และติ๊กถูกที่บลูทูธ

* สตรอมรองรับการทำงานแบบหลายๆ อย่างพร้อมกัน (Multitasking ) เช่น ขณะที่กำลังเล่นเว็บไซต์อยู่ก็สามารถย้อนกลับไปดูไฟล์วิดีโอที่เปิดค้างไว้อยู่ได้ด้วยการกดปุ่ม BB > Switch application แต่แนะนำว่าควรปิดโปรแกรมที่ไม่ใช้ก่อนเข้าไปเล่นโปรแกรมอื่นๆ เพราะมิฉะนั้นเครื่องอาจจะช้าจนถึงขั้นค้างได้

* ที่เมนูค้นหา "Search" จัดเป็น "Universal Search" เพราะสามารถค้นหาคำนั้น ที่มีอยู่ในแอพพลิเคชันต่างๆ ในตัวเครื่องได้ เช่น พิมพ์ชื่อเพื่อน ก็จะไปค้นหาทั้งจากสมุดโทรศัพท์ ปฏิทิน การบันทึกข้อความ (Memopad), เฟสบุ๊ค, ข้อความที่เคยแชตไว้ใน BlackBerry Messenger, หรือ โปรแกรมจดงานที่ต้องทำ Tasks ได้

* นอกจากนี้ ในเมนู "Applications" ก็ยังมีอีกหลายเมนูที่น่าสนใจ อาทิ

"Maps" ซึ่งแผนที่จะเป็นแผนที่แบล็กเบอร์รี่ ที่มีการแสดงตำแหน่งต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ ไม่มีการแสดงสถานที่ใกล้เคียงเหมือนแผนที่ของกูเกิล แต่จากที่ทดสอบการค้นหาตำแหน่งก็พบว่าสามารถระบุตำแหน่งในประเทศไทยได้อย่างแม่นยำ ส่วนการค้นหาตำแหน่งต่างๆ ก็ต้องพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ ถ้าสะกดชื่อสถานที่ผิด เช่น บางลำพู ควรใช้ Banglampoo ไม่ใช่ Banglumpoo ก็จะไม่เจอตำแหน่งที่ต้องการ อาจกล่าวได้ว่าถ้าต้องการจะใช้การใช้งาน GPS จริงบนมือถือสตรอม เมนู "Maps" อาจจะทำให้คุณไม่สนุกกับมันเท่าไหร่นัก



"Password Keeper" ที่ใช้สำหรับเก็บบัญชีผู้ใช้ ประกอบไปด้วย ชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่านต่างๆ สำหรับการใช้งานในเว็บไซต์ในโปรแกรมเบราว์เซอร์ โดยคุณต้องกำหนดรหัสผ่านให้กับโปรแกรมนี้ก่อนเริ่มใช้งาน

"Voice Dial" สำหรับการโทรศัพท์ขณะขับรถ ถ้าต้องการโทรออกให้กดปุ่มลัดซ้ายมือ รอสักพัก และพูดว่า "Call" จากนั้นตามด้วยหมายเลขที่ต้องการโทร (ทุกอย่างต้องพูดเป็นภาษาอังกฤษ) จากนั้นจะมีเสียงสาวสวยทวนหมายเลขใกล้เคียงให้ ถ้าอันไหนที่ใช่ ให้บอก "Yes" ไม่ใช้บอก "No" และถ้าต้องการยกเลิกการโทรครั้งนี้ให้พูดว่า "Cancel" สิ่งสำคัญสำหรับการใช้บริการนี้คือ คุณคำเป็นจะต้องดัด (จริต) เสียงนิดหน่อยให้เป็นสำเนียงเหมือนฝรั่ง เพราะได้ลองพูดสำเนียงไทยแล้วจะไม่สามารถจับใจความและโทรผิดหมายเลขตลอด

นอกจากนี้คุณยังสามารถตรวจสอบสถานะของเครื่อง โดยไม่ต้องกดปุ่มใดๆ โดยพูดว่า "Check" เพื่อเช็กสถานะแบตเตอรี่ ความแรงของสัญญาณ การครอบคลุมของเครือข่าย เป็นต้น

สรุป

เกือบหนึ่งสัปดาห์ที่ผู้เขียนได้มีมือถือรุ่นที่พกไปไหนแล้วหลายคนก็อิจฉามาอยู่ในครอบครองต้องบอกตามตรงว่าชื่อรุ่น "สตรอม 9500" ไม่ได้เร็วเป็นพายุสมชื่อ เพราะจุดสำคัญที่ทำให้หลายคนตัดใจจากมันได้ก็เพราะไม่มี "ไว-ไฟ (Wi-Fi)" นั่นก็เพราะว่าเครือข่ายโทรศัพท์มือถือความเร็วสูงอย่าง 3G (HSPA) ยังไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ จึงทำให้ยังต้องพึ่งการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย EDGE

ทั้งการประมวลผลของเครื่องยังหน่วงพอสมควร ถ้าใครเคยเล่นมือถืออีริคสัน (รุ่นก่อนจะรวมกับโซนี่ เป็นโซนี่ อีริคสัน จะพอทราบดีว่าอาการหน่วงนั้นเป็นอย่างไร) และจากที่ทดสอบตัวเครื่องติดต่อกันเป็นเวลานาน นอกจากร้อนจนถือต่อบนฝ่ามือไม่ไหวแล้ว และหากเปิดหลายโปรแกรมก็ยังมีอาการค้างจนต้องถอดแบตเตอรี่ออกด้วย

นอกจากนี้แล้วนวัตกรรมกดหน้าจออย่าง SurePress มันกลับไม่ทำให้ผู้เขียนประทับใจอย่างสิ้นเชิง เพราะถึงแม้ปกติจะเป็นผู้ที่พิมพ์ข้อความได้เร็วจนฝรั่งต้องร้อง "Oh! that's fast!" แต่ก็ต้องมาติดหงึกๆ หงักๆ ที่หน้าจอสตรอม เพราะพิมพ์ทีไรก็ผิดไปเสียทุกที

แต่สิ่งที่เซอร์ไพรส์มากที่สุดคือความสามารถด้านมัลติมีเดีย ที่ให้ภาพคมชัด และเสียงกระหึ่ม แม้ตัวลำโพงจะอยู่ด้านหลังเครื่องก็ตาม

อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ที่ไม่ติดว่า "สตรอม" ไม่ได้มีโปรแกรมให้เลือกเล่นจนจะเรียกว่าเป็นมือถือแปลงร่างได้เหมือนไอโฟนล่ะก็ มันก็ถือเป็นมือถือที่หรูหรา และมีฟีเจอร์ที่เหมาะสำหรับชาวออฟฟิศถึงระดับซีอีโอได้อย่างครบครัน ทั้งเรื่องงานที่รับอีเมลเรียลไทม์ และแชตแบบมาราธอนได้ฟรีและตลอดเวลาผ่าน BlackBerry Messenger รวมถึงอีกสารพัดฟีเจอร์อื่นๆ ที่มือถือระดับบนพึงมี

แต่ถ้าใครต้องการโหนกระแสแบล็กเบอร์รี่ โดยที่ตัวเองไม่ได้เป็น Smartphoniacs (ศัพท์ใหม่สำหรับยุคที่บูมสุดขีดของมือถือสมาร์ทโฟน) ที่หมายถึงคนที่ติดอีเมล รักการออนไลน์เป็นชีวิตจิตใจ ต้องการแชตและติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นอยู่ตลอดเวลาก็จะพบว่า "สตรอม" หรือมือถือแบล็กเบอร์รี่ทั่วไป อาจจะกลายเป็นตัวจุ้น ที่คอยรายงานทุกอย่างให้คุณแม้ในเวลาที่ไม่ต้องการ ทั้งยังมีค่าใช้จ่ายต่อเดือนที่มากกว่ามือถือทั่วไปด้วย

ป.ล. จริงๆ แล้ว มือถือแบล็กเบอร์รี่ก็มี "App World" หรือแอพสโตร์ของตนเองที่ให้คนเข้าไปดาวน์โหลดแอพพลิเคชันทั้งฟรีและไม่ฟรีผ่านหน้าจอมือถือได้เหมือนกับไอโฟน แต่ขณะนี้ "App World" ยังเปิดให้ใช้เฉพาะใน 3 ประเทศ ได้แก่ อเมริกา อังกฤษ และแคนาดาเท่านั้น

คุณสมบัติของเครื่องแบล็กเบอร์รี่ สตรอม อย่างละเอียด


  • ตัวเครื่อง ขนาด 112.5 x 62 x14 มิลลิเมตร น้ำหนัก 155 กรัม

  • ระบบ Quadband (GSM 850/900/1800/1900 MHz) การรับส่งข้อมูล UMTS/HSPA 2100 MHz

  • หน้าจอแบบจอสัมผัส SurePress ที่ต้องกดลงไปที่หน้าจอ เป็นจอแบบ TFT-LCD 65,000 สี ขนาด 3.25 นิ้ว (360 x 480 พิกเซล) ที่มีจุดเด่นคือ สามารถปรับแสงหน้าจอกลางแจ้งและในที่ร่ม (Light sensing screen) และหมุนจอภาพอัตโนมัติ (Motion Sensor)

  • ใช้ระบบปฎิบัติการ BlackBerry®

  • หน่วยประมวลผล (CPU) 624 เมกะเฮิร์ซ

  • เก็บข้อมูลได้ ใน 1 กิกะไบต์ ในตัวเครื่อง และเพิ่มได้อีกด้วยการ์ด microSD สูงสุดถึง 8 กิกะไบต์

  • การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกผ่าน บลูทูธ 2.0 และสาย USB 2.0

  • การสื่อสารข้อมูลผ่าน Email, MMS, SMS, BlackBerry Messenger, Instant Messaging ด้วยเครือข่าย 3G, HSPA, EDGE, GPRS

  • ริงโทน แบบเสียงเพลงจริง (MP3) และเสียงดนตรี (Polyphonic)

  • รองรับการลงโปรแกรมต่างๆ เพิ่มด้วย Java MIDP 2.0

  • มีระบบระบุตำแหน่งผ่านดาวเทียม (GPS/A-GPS navigation) พร้อมแผนที่จากแบล็กเบอร์รี่ (BlackBerry® Maps)

  • กล้องดิจิตอล 3.2 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช (Digital Camera) ถ่ายวิดีโอได้

  • เป็นเครื่องเล่นไฟล์มัลติมีเดีย (Media Player)
    - รองรับไฟล์เสียง : MP3, AAC, AAC+, eAAC+, WMA, WMA ProPlus
    - รองรับไฟล์วีดีโอ : MPEG4 H.263, MPEG4 Part 2 Simple Profile, H.264, WMV

  • ช่องเสียบชุดหูฟังขนาดมาตรฐาน 3.5 มิลลิเมตร

  • แบตเตอรี่แบบลิเธียม ไออน ความจุ 1,400 mAh

  • เปิดเครื่องรอรับสายได้นานสูงสุดถึง 356 ชั่วโมง

  • สนทนาต่อเนื่องสูงสุดถึง 6 ชั่วโมง


  • อุปกรณ์ที่มีในกล่อง

    • แบตเตอรี่ แบบลีเธียมไออน ขนาด 1400 mAh

    • หูฟัง แบบมีช่องเสียบเข้าไปในรูหู (in-ear) และเป็นแฮนด์ฟรีในตัว

    • สำหรับชาร์จไฟ พร้อมหัวแปลงหลายแบบเพื่อให้ใช้กับปลั๊กไฟได้ทั่วโลก

    • สายโอนข้อมูลและเป็นที่ชาร์จไฟจากคอมพิวเตอร์ในตัว เป็นหัวต่อแบบไมโคร ยูเอสบี (micro usb) ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ของช่องชาร์จไฟในอนาคต

    • ผ้ากำมะหยี่สำหรับเช็ดหน้าจอ

    • การ์ดแบบ MicroSD 8GB (SDHC)

    • ซองหนัง

    • คู่มือการใช้งาน


    ขอชม

    * ระบบสั่งงานด้วยเสียงเหมาะสำหรับตอนขับรถ ค่อนข้างแม่นยำถ้าคุณเลียนแบบสำเนียงฝรั่งขณะพูดตัวเลขต่างๆ

    * เช็ก/แชต/แชะ และ Always On บนโลกออนไลน์ พร้อม Alert เรียลไทม์ ทำให้คุณไม่พลาดทุกการสื่อสารรอบๆ ตัว

    * แต่ละเมนูมีการเปิดให้ปรับแต่งค่อนข้างเยอะ เพื่อตอบสนองการใช้งานของแต่ละคน อาทิ มีรูปแบบตัวอักษร (Font)ให้เลือกมาก (เฉพาะภาษาอังกฤษ) และยังปรับขนาดตัวอักษร หรือ ตั้งให้เป็นตัวหนาได้ โดยคุณสามารถปรับแต่งทุกฟังก์ชันในปุ่มเดียวคือ เมนู "Options"



    * สามารถแสดงผลได้ทุกภาษา ไทย จีน เกาหลี ฯลฯ และสามารถอัปเกรดให้พิมพ์ภาษาไทยได้ด้วย

    ขอติ

    * ไม่มีไว-ไฟ (Wi-Fi) มีแต่ EDGE ทำให้การรับส่งข้อมูลช้า เนื่องจากเครือข่าย 3G ยังไม่ครอบคลุมในเวลานี้

    * ฝาหลังเป็นสแตนเลสเครื่องเลยส่งผลให้เครื่องร้อนมากแค่เพียงใช้ติดต่อกันได้ไม่นาน (30 นาทีขึ้นไป)

    * เนื่องจากตัวเครื่องมีการรับ-ส่งข้อมูลกับเครือข่ายตลอด จุดนี้เองนำมาซึ่งภาวะแบตเตอรี่หมดอย่างรวดเร็วมาก (ถ้าใช้ตลอดครึ่งวันอาจจะหมดได้) ดังนั้นหากต้องการจะใช้จริงๆ แนะนำให้ซื้ออุปกรณ์เสริม 2 อย่างเพิ่มไปด้วย ได้แก่ ที่ชาร์จแบตในรถ และแบตเตอรี่เสริมอีก 1 ก้อน

    * การเปลี่ยนธีมหนึ่งครั้ง จะเปลี่ยนสีของตัวอักษร ปุ่มกด ในทุกๆ เมนูด้วย ฉะนั้นบางธีมที่สวยแต่สีสันอาจจะจัดจ้านเกินไป ทำให้ใช้งานไม่คล่องตัวก็เป็นได้ ซึ่งเป็นกับมือถือแบล็กเบอร์รี่ทุกเครื่อง



    * หากแบตใกล้หมด จะตัดสัญญาณโทรศัพท์ไปทันที

    ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง

    อี-บุ๊คคู่มือการใช้งานเป็นภาษาไทยที่มีการแสดงภาพประกอบตั้งแต่ใส่แบต ซิม และการใช้งานฟีเจอร์อื่นๆ ฯลฯ







    กำลังโหลดความคิดเห็น