"canon 1000D" เป็นกล้อง 'DSLR' ที่เสริมเข้ามาระหว่างรุ่น '400D' กับ '450D' ที่น่าจะเหมาะสำหรับคนที่อยากมีกล้อง 'DSLR' เป็นตัวแรก เนื่องจากมีคุณสมบัติและความสามารถของกล้อง 'DSLR' อย่างครบถ้วนแต่ทำออกมาในราคาประหยัด
หากพูดถึงรูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้ต่างอะไรกับรุ่นพี่อย่าง '400D' หรือ '450D' มากนัก แต่อาจขาดความสามารถบางอย่างเล็กๆน้อยๆไป เช่น ไม่มีเซ็นเซอร์ปิดจอหลังจากที่เราใช้ตาแนบเข้ากับช่องมองภาพ หรือไม่สามารถใช้กับรีโมทไร้สายได้ (ปกติคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยใช้ส่วนนี้) และตัวบอดี้ที่พบจับดูแล้วรู้สึกถึงความเป็นพลาสติกไปสักหน่อย ซึ่งมาพร้อมกับเลนส์ 18-55 is ที่มีกันการสั่นไหวได้ด้วย
แต่ในส่วนเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น มีระบบกำจัดฝุ่น และ "Liveview" ที่ช่วยให้มองเห็นภาพที่จะถ่ายบนจอได้เหมือนกล้องคอมแพค โดยไม่ต้องยกกล้องขึ้นมาส่องในช่องมองภาพ และระบบปรับแสงอัตโนมัติ Autolighting Optimizer ที่จะช่วยเพิ่มความสว่างให้กับโซนมืดให้เห็นรายละเอียดมากขึ้น จอแสดงผลมีมาในขนาด 2.5 นิ้ว พร้อมกับหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ "Digic III" ความละเอียดภาพก็เป็น 10.1 ล้านพิกเซล และขนาดที่เล็กสะดวกพกพาก็เป็นจุดเด่นที่น่าสนใจสำหรับกล้องตัวนี้
ลองใช้กล้องพัน(ธุ์)ดี
ตอนหยิบมาใช้แรกๆรู้สึกได้ว่า การดีไซน์ดูออกจะเล็กไปหน่อยสำหรับขนาดชายไทยรูปร่างสันทัด ท้วมๆพองาม ทำให้เวลาจับกล้องต้องเกร็งนิ้วมากขึ้น เพื่อหนีบไม่ให้นิ้วก้อยหลุดออกนอกลู่นอกทาง แต่ถ้าเป็นผู้หญิงมือเรียวเล็ก น่าจะจับถือได้เหมาะเจาะลงตัวที่สุด
กล้องตัวนี้มีปุ่มให้ปรับเลือกโหมดการใช้งานมาครบเหมือนกับ DSLR ทั่วๆไปไม่ว่าจะเป็นปรับรูรับแสงเอง, ปรับสปีด หรือโหมดถ่ายภาพเฉพาะประเภท เช่น ถ่ายภาพบุคคล, ภาพกีฬา, ภาพมาโคร หรือภาพกลางคืน ซึ่งดูได้เข้าใจง่ายจากภาพสัญลักษณ์บนปุ่ม หรือแม้แต่โหมด Full Auto (สัญลักษณ์รูปสี่เหลี่ยมสีเขียว) สำหรับการใช้งานที่รวดเร็วโดยให้กล้องเป็นผู้กำหนดทั้งหมด
สำหรับตำแหน่งของปุ่มคอนโทรลเพื่อเปลี่ยนโหมดนี้ ถ้าคนที่เคยใช้กล้องรุ่นใหญ่ของแคนอนมาก่อนอาจไม่คุ้นเพราะปุ่มปรับโหมดจะอยู่ทางซ้ายมือ แต่กล้องรุ่นนี้จะอยู่ทางขวามือ แต่พอลองใช้จนเริ่มชินแล้วรู้สึกว่าสะดวกกว่า เนื่องจากสามารถใช้นิ้วโป้งมือขวาที่จับตัวกล้องอยู่ เลื่อนมาเปลี่ยนโหมดได้ง่ายโดยไม่ต้องละมือซ้ายที่ประคองเลนส์มาเปลี่ยน ทำให้การเปลี่ยนโหมดทำได้ง่ายขึ้น
ส่วนคุณสมบัติใหม่ๆของกล้องการถ่ายในโหมด "Live View" หรือเรียกง่ายๆ ก็คือมองภาพหลังจอเหมือนกล้องคอมแพค ก็แค่กดที่ปุ่ม 'SET' (ใช้นิ้วโป้งขวาอีกเหมือนกัน)หลังกล้อง ภาพที่จะถ่ายก็จะแสดงให้เห็นบนจอทันที ที่น่าสนใจคือเราสามารถซูมเข้ามาดูได้ถึง 10 เท่าเพื่อดูความชัดของโฟกัสได้ง่ายดาย ซึ่งเหมาะสำหรับเวลาถ่ายในโหมดที่ใช้มือหมุนปรับความชัดเอง
จุดน่าสนใจใหม่ที่มากับกล้องรุ่นนี้ คือระบบ 'Auto Lighting Optimizer' ซึ่งเป็นฟังก์ชันใหม่ล่าสุดที่จะช่วยเพิ่มความสว่างในส่วนมืดของภาพ ซึ่งทำให้ภาพคนที่ถ่ายออกมาดูสดใสขึ้นแลดูอ่อนกว่าวัย (พูดยังกับเครื่องสำอางค์) แต่บางครั้งรู้สึกว่าทำให้ภาพมันดูสว่างมากหรือโอเวอร์ไปหน่อย หากภาพที่ถ่ายมีความต่างกันของแสงมาก และภาพที่ได้จากกล้องตัวนี้จะมีสีสันที่สดใสมากขึ้นโดยเฉพาะกับเลนส์คิทที่ให้มาก็ให้ความคมชัดจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเลนส์ที่ติดมากับกล้อง
เรื่องของ "WB" มีให้เลือกในหลายโหมดไม่ว่าจะเป็นกลางแจ้ง หรือในแสงแบบต่างๆซึ่งมีมาให้เลือกใช้ครบครัน แต่ในส่วน Auto WB นั้นให้ผลลัพธ์ที่ออกมาตามมาตรฐาน แต่บางครั้งรู้สึกว่ายังไม่นิ่งเท่าไรนัก เนื่องจากบางครั้งเมื่อทำการถ่ายภาพ 2 ภาพต่อเนื่องกัน แต่สีทั้งสองภาพที่ได้นั้นกลับต่างกัน(นิดนึง) แต่อาจเกิดจากสภาพแสงเปลี่ยนพอดีขณะถ่ายก็ได้(ช่างบังเอิญจริงๆ) รวมถึงไม่ได้เป็นทุกครั้ง และช่วงเวลาที่ลองถ่ายแบบต่อเนื่องกันมากๆกับสลับเปิดดูภาพหลังจอ มีอยู่สองครั้งที่กล้องเกิดนิ่งไปเฉยๆกดอะไรก็ไม่ขึ้น ต้องปิดแล้วเปิดเครื่องใหม่จึงจะกลับมาใช้งานได้ตามปกติ แต่ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่เพราะกล้องส่วนใหญ่ที่เพิ่งออกรุ่นใหม่ๆมาอาจเกิดปัญหาเหล่านี้ได้ ซึ่งภายหลังจะมี "Firmware" ออกมาแก้ไขซึ่งไม่ได้เป็นปัญหา และเป็นเรื่องยาก
สำหรับ 'Noise' ใน "ISO" สูงๆนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เพราะระบบใหม่ของ "DIGIC III" ทำให้เกิด noise ที่ต่ำมาก จึงช่วยให้การถ่ายภาพง่ายขึ้น โดยเฉพาะการตั้งค่า ISO เป็นระบบ 'Auto' ซึ่งหากถ่ายในที่แสงไม่พอ กล้องจะทำการเปลี่ยน ISO ขึ้นให้อัตโนมัติ เพื่อไม่ให้ภาพสั่นไหว และสุดท้ายเรื่องแบตฯหลังจากลองถ่ายไป เกือบ 500 รูปจนเต็ม SD Card ขนาด 2 GB ทั้งๆ ที่เปิดดูภาพบ่อยๆ แบตฯยังไม่ลดลงตรงนี้ชอบมาก
สรุป
หลังจากลองใช้งานมาเกือบ 1 สัปดาห์ รู้สึกชอบเจ้า DSLR ตัวเล็กนี้ (ซึ่งมีคุณสมบัติครบเกือบเหมือนรุ่นพี่อย่าง 40D) เนื่องจากน้ำหนักที่เบา สามารถถือไปมาได้สะดวก ถ่ายได้สนุกเหมือนกล้องตัวเล็กๆ ทำให้คนที่ถ่ายและถูกถ่ายไม่รู้สึกเกร็ง ว่าเป็นกล้องระดับโปรฯ โดยเฉพาะเลนส์คิทที่ติดมากับกล้อง 18-55is นั้นเป็นเลนส์ที่มีความคมชัดมาก ที่สำคัญมีระบบกันสั่นช่วยไม่ให้ภาพไหวขณะถ่ายได้มาก อีกทั้งสามารถหาอุปกรณ์เสริม เช่น แฟลชหรือเลนส์ช่วงอื่นๆ ทุกรุ่นของแคนอนเข้ามาใช้ร่วมกันได้ไม่มีปัญหา อย่างน้อยเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ดีกว่ากล้องคอมแพคทั่วๆไป
Company Relate Link :
Canon