เป็นโทรศัพท์มือถือที่ถูกจับตามากที่สุดรุ่นหนึ่ง เพราะวางตลาดในช่วงแข่งดุ คู่แข่งสำคัญ 2 รายได้ส่งคู่ชกขึ้นไปรอบนเวทีอยู่แล้ว คงไม่ต้องบอกว่าเป็นรุ่นไหน เมื่อเป็นเช่นนั้น โนเกีย (Nokia) ก็เลยถูกจับตามองเป็นพิเศษในฐานะเบอร์ 1 ของวงการ ว่าจะปล่อยไม้เด็ดอะไรออกมาพิชิตคู่ต่อสู้เพื่อรักษาบัลลังก์แชมป์ของตัวเองเอาไว้ และนอกจากคู่ชกต่างแบรนด์แล้ว Nokia N96 ยังถูกจับไปเปรียบเทียบกับรุ่นอื่นๆในแบรนด์เดียวกันอย่าง N95 8GB, N85 และ N81 ด้วย
Nokia N96 เป็นโทรศัพท์มือถือประเภท สมาร์ทโฟน รันระบบปฏิบัติการ Symbian S60 เจเนอเรชั่นที่ 3 ที่ได้รับการปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ชูจุดขายในเรื่องของเอนเตอร์เทนเมนต์เป็นหลัก เช่น ดูหนัง, ฟังเพลง, ถ่ายรูป, เล่นอินเทอร์เน็ต และระบบจีพีเอส (Global Positioning System) โดยมีฟังก์ชั่นในเชิงธุรกิจเป็นเรื่องรอง
ภายนอก
ไม่รู้ว่าคุ้นเคยกับโทรศัพท์ Nokia มากเกินไปหรือเปล่า เพราะความรู้สึกแรกที่ได้เห็น Nokia N96 คือ ธรรมดา พอเปิดรูปเก่าๆดูก็เลยถึงบางอ้อ เพราะดีไซน์ของเจ้า N96 มันเหมือนกับ N81 อ้วนๆยังไงยังงั้น รวมถึงวัสดุที่ใช้ในการผลิตด้วย ... มิน่าล่ะ ถึงได้รู้สึกธรรมดาจัง
ด้านหน้า สะดุดตาด้วยจอภาพขนาดใหญ่ 2.8 นิ้ว ความละเอียด 240 x 320 พิกเซล แสดงผลได้ 16 ล้านสี ปิดทับด้วยกระจกบานใหญ่ชิ้นเดียว เรียบตั้งแต่หัวจรดท้าย ดูหรูหรา ด้านบนเป็นที่อยู่ของช่องลำโพง ส่วนที่อยู่ติดๆกันเป็นกล้อง VGA ด้านหน้าสำหรับ VDO Call ไม่มี Light Sensor มาให้ (N95 มี) ด้านล่างเป็นที่อยู่ของปุ่มควบคุม 5 ทิศทาง รอบๆถูกวางไว้ด้วยปุ่มมัลติมีเดียใช้สำหรับควบคุมการเล่นเพลงและวีดีโอ ได้แก่ Play/Pause, Forward, Rewind และ Stop ถัดออกไปทางด้านซ้ายเป็นที่อยู่ของปุ่มซอฟต์คีย์ ปุ่มโทรออก และปุ่มเมนู ส่วนทางด้านขวาเป็นปุ่มซอฟต์คีย์อันที่ 2 ปุ่มวางสาย และปุ่มเคลียร์
ตัวเครื่องสไลด์ได้ 2 ทิศทาง (เหมือน N95) ถ้าสไลด์ขึ้นจะเผยให้เห็นปุ่มตัวเลข 12 ปุ่ม รวมปุ่ม * และ # แต่ถ้าสไลด์ลงจะเผยให้เห็นปุ่มมัลติมีเดียชุดที่ 2 พร้อมๆกับกระตุ้นระบบให้เปลี่ยนมุมมองบนจอภาพเป็นแบบแนวนอน
ด้านซ้ายของตัวเครื่องเป็นที่อยู่ของช่องเสียบเมมโมรี่ภายนอกแบบ microSD (N95 ไม่มี) รองรับได้สูงสุด 8GB
ด้านขวาของตัวเครื่องเป็นที่อยู่ของ ลำโพงภายนอกตัวที่ 1, ปุ่มชัตเตอร์, ปุ่มปรับเสียง และลำโพงภายนอกตัวที่ 2
ด้านบนของตัวเครื่องเป็นที่อยู่ของปุ่มล็อคคีย์, รูเสียบแจ็คขนาด 3.5 มม. สำหรับหูฟัง หรือสาย Video Out เพื่อต่อกับจอทีวีภายนอก และปุ่มเปิดปิดโทรศัพท์
ส่วนด้านล่างเป็นที่อยู่ของรูเสียบสายชาร์จ, ช่องไมโครโฟน และช่องเสียบสาย MicroUSB
ด้านหลังเป็นที่อยู่ของกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชแบบ Dual-LED และที่ถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ก็คือ ขาตั้ง สำหรับการดูหนังเรื่องยาว
ภายใน / การเชื่อมต่อ
ไฮไลท์หนึ่งของ Nokia N96 คือการมาพร้อมหน่วยความจำในตัวสูงถึง 16GB มากกว่า N95 ถึง 2 เท่า แถมยังรองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดถึง 8GB เบ็ดเสร็จ N96 สามารถรองรับหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 24GB ซึ่งเหลือเฟือสำหรับความบันเทิงทุกรูปแบบ
ด้านการเชื่อมต่อก็ครบถ้วน ไล่ตั้งแต่เครือข่ายพื้นฐาน GSM 850/1800/1900 MHz, GPRS, EDGE, WiFi 802.11b/g, Bluetooth และ USB 2.0 ไปจนถึงไฮโซอย่าง 3G แถมยังสวิตช์เครือข่ายได้อัตโนมัติ ซึ่งนับว่าสะดวกมากทีเดียว ... แต่ไม่มี Infrared (N95 มี)
ทดลองใช้งาน
การทำงานของ N96 แทบทุกอย่าง เหมือนกับ N95 8GB รวมถึงกราฟิกอินเตอร์เฟสต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รายชื่อ (Contact) ที่เก็บฟิลด์ได้ละเอียดเช่นเดียวกับ Outlook, ข้อความ (Messaging) ที่ครอบคลุม SMS, MMS และ E-Mail, ฟังเพลง (Music) คุณภาพเสียงอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง เสียงออกก้องๆ แม้จะได้ปรับอีควอไลเซอร์และเอฟเฟ็กต์ช่วยแล้วก็ตาม, คลังภาพ (Photos), ศูนย์วีดีโอ (VDO Centre) ที่สามารถดูคลิปผ่านการเชื่อมต่อรูปแบบต่างๆได้ ให้รายละเอียดภาพสูง คมชัดสดใส, การค้นหา (Search) ที่ค้นหาได้ทั้งภายในและภายนอก และทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์
เว็บ (Web) ที่เชื่อมต่อได้กับทุกเครือข่าย อันนี้เจ๋งดี เพราะอยู่บ้านก็ใช้ WiFi ฟรีได้ ถ้าอยู่นอกบ้านก็ GPRS หรือ EDGE แล้วแต่สถานการณ์, เกมส์ (Games) ที่รองรับเทคโนโลยี N-Gage แต่การควบคุมไม่ค่อยถนัดมือเท่าไหร่ เพราะปุ่มควบคุมด้านซ้ายกับขวาอยู่ต่างระดับกัน, คำสั่งเสียง, เสียงเรียกเข้า, ออร์แกไนเซอร์ (Organizer), โปรแกรมออฟฟิศ (Office) และอื่นๆ
ระบบ GPS และ Maps ทำงานประสานกันได้อย่างลงตัว มีความแม่นยำสูง แผนที่มีความละเอียดดีมาก เข้าใจว่าจะมาจาก Google Maps เพราะตรงที่ผิดก็ผิดเหมือนกัน แต่ถ้าต้องการฟังก์ชั่น Navigator ที่นำทางด้วยเสียงหรือลูกศรแล้ว ต้องเสียตังค์ซื้อไลเซนส์เพิ่ม
กล้องดิจิตอล ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล แฟลชแบบ Dual-LED ให้ความสว่างขึ้นมาอีกนิด การทำงานทุกอย่างเหมือน N95 8GB คุณภาพของภาพที่ออกมายังไม่น่าพอใจเท่าไหร่ ออกโทนสว่าง (Bright) มากไปนิดส์ ไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร โหมด Macro ถ่ายภาพระยะใกล้ ไม่ได้เลย โฟกัสไม่เข้าเป้า แม้แต่ในโหมดปกติ ระบบโฟกัสก็ทำงานผิดพลาดบ่อยมาก (ไม่แน่ใจว่าเป็นเฉพาะเครื่องที่เราได้มาเทสต์หรือเปล่า เพราะไม่น่าจะตกม้าตายง่ายๆขนาดนี้)
แบตเตอรี่ ทำได้ดีที่สุดแค่วันครึ่งสำหรับการใช้งานปกติ ซึ่งถือว่าน้อยมาก จำเป็นต้องชาร์จวันต่อวันถึงจะอยู่รอดได้โดยไม่พลาดการติดต่อ
สรุป
ดูเหมือนทาง Nokia ยังทำการบ้านมาไม่เยอะเท่าที่ควรสำหรับ N96 เพราะเท่าที่ลองใช้งานดู บอกตรงๆว่า ถ้าไม่ได้ดูสเปคเทียบกันตัวต่อตัวแล้ว ก็แทบไม่รู้สึกเลยว่าเจ้า N96 มีอะไรที่ต่างไปจาก N95 8GB บ้าง นอกจากดีไซน์ที่ออกไปทาง N81, เพิ่มแรมเป็น 16GB และรองรับ micro SD
องค์ประกอบหลายๆอย่างยังไม่น่าพอใจเท่าไหร่ วัสดุหรูหราสู้ N95 8GB ไม่ได้, ปุ่มกดที่เรียบเป็นชิ้นเดียวกัน มีความสวยงาม แต่การใช้งานจริงกลับกดลำบาก ต้องเล็งดีๆ และต้องออกแรงกดพอสมควร ถึงจะมีการตอบสนองกลับมา, กรอบบอดี้มีเสียงดังออดแอ็ดน่ารำคาญ โดยเฉพาะที่ฝาหลัง, การฟังเพลง คุณภาพเสียงอยู่ในระดับปานกลาง, การถ่ายรูป ภาพที่ออกมาค่อนข้างสว่างเกินไปนิดส์ วัดแสงไวจนก่อให้เกิดปัญหา ระบบโฟกัสไม่แม่น, สำคัญที่สุดคือแบตฯหมดเร็วมาก ต้องชาร์จกันวันต่อวัน แถมบางครั้งต้องมีชาร์จตอนครึ่งวันด้วย ถ้าใช้กันหนักๆ
จะเรียกคะแนนคืนมาได้ก็ตรง Maps กับ GPS นี่แหละ ที่ทำงานได้ถูกต้องและแม่นยำดีมาก แผนที่มีความละเอียดสูง เส้นทางลัดสำหรับการเดินทางมีมาให้ครบครัน แต่ก็ต้องเสียตังค์เพิ่มสำหรับฟังก์ชั่นนำทางอยู่ดี
ถ้าเทียบกับคู่แข่ง เห็นจะๆเลยคือ N96 ไม่มีทัชสกรีน ขณะที่คู่แข่งอีก 2 รายใช้ทัชสกรีนกันหมดแล้ว
โดยรวมแล้ว N96 ยังทำให้เราลังเลอยู่พอสมควร สำหรับการควักกระเป๋าเป็นค่าตัวในระดับสูงถึง 28,xxx บาท
แต่ ... อย่าพึ่งรู้สึกผิดหวังกับ Nokia มากจนเกินไป เพราะเค้ามีทีเด็ด กับรุ่นใหม่อย่าง N85 ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนที่แล้ว และคาดว่าจะวางตลาดปลายปีนี้หรืออย่างช้าต้นปีหน้า และที่ว่าเด็ดก็เพราะว่า ทั้งๆที่เป็นรุ่นรอง แต่พอเทียบสเปคกันแล้ว เหมือนกันเป๊ะกับ N96 ด้อยกว่าแค่ไม่กี่ข้อและไม่ใช่เรื่องใหญ่ด้วย ที่สำคัญราคาต่างกันเกือบ 6,500 บาท แถมเล็กกว่า เบากว่า ใช้จอ OLED กินไฟน้อยกว่า ซึ่งเคลมระยะเวลาสนทนาต่อเนื่องไว้นานถึง 7 ชั่วโมง นับว่าไม่ธรรมดาทีเดียว
Nokia N96 เป็นโทรศัพท์มือถือประเภท สมาร์ทโฟน รันระบบปฏิบัติการ Symbian S60 เจเนอเรชั่นที่ 3 ที่ได้รับการปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ชูจุดขายในเรื่องของเอนเตอร์เทนเมนต์เป็นหลัก เช่น ดูหนัง, ฟังเพลง, ถ่ายรูป, เล่นอินเทอร์เน็ต และระบบจีพีเอส (Global Positioning System) โดยมีฟังก์ชั่นในเชิงธุรกิจเป็นเรื่องรอง
ภายนอก
ไม่รู้ว่าคุ้นเคยกับโทรศัพท์ Nokia มากเกินไปหรือเปล่า เพราะความรู้สึกแรกที่ได้เห็น Nokia N96 คือ ธรรมดา พอเปิดรูปเก่าๆดูก็เลยถึงบางอ้อ เพราะดีไซน์ของเจ้า N96 มันเหมือนกับ N81 อ้วนๆยังไงยังงั้น รวมถึงวัสดุที่ใช้ในการผลิตด้วย ... มิน่าล่ะ ถึงได้รู้สึกธรรมดาจัง
ด้านหน้า สะดุดตาด้วยจอภาพขนาดใหญ่ 2.8 นิ้ว ความละเอียด 240 x 320 พิกเซล แสดงผลได้ 16 ล้านสี ปิดทับด้วยกระจกบานใหญ่ชิ้นเดียว เรียบตั้งแต่หัวจรดท้าย ดูหรูหรา ด้านบนเป็นที่อยู่ของช่องลำโพง ส่วนที่อยู่ติดๆกันเป็นกล้อง VGA ด้านหน้าสำหรับ VDO Call ไม่มี Light Sensor มาให้ (N95 มี) ด้านล่างเป็นที่อยู่ของปุ่มควบคุม 5 ทิศทาง รอบๆถูกวางไว้ด้วยปุ่มมัลติมีเดียใช้สำหรับควบคุมการเล่นเพลงและวีดีโอ ได้แก่ Play/Pause, Forward, Rewind และ Stop ถัดออกไปทางด้านซ้ายเป็นที่อยู่ของปุ่มซอฟต์คีย์ ปุ่มโทรออก และปุ่มเมนู ส่วนทางด้านขวาเป็นปุ่มซอฟต์คีย์อันที่ 2 ปุ่มวางสาย และปุ่มเคลียร์
ตัวเครื่องสไลด์ได้ 2 ทิศทาง (เหมือน N95) ถ้าสไลด์ขึ้นจะเผยให้เห็นปุ่มตัวเลข 12 ปุ่ม รวมปุ่ม * และ # แต่ถ้าสไลด์ลงจะเผยให้เห็นปุ่มมัลติมีเดียชุดที่ 2 พร้อมๆกับกระตุ้นระบบให้เปลี่ยนมุมมองบนจอภาพเป็นแบบแนวนอน
ด้านซ้ายของตัวเครื่องเป็นที่อยู่ของช่องเสียบเมมโมรี่ภายนอกแบบ microSD (N95 ไม่มี) รองรับได้สูงสุด 8GB
ด้านขวาของตัวเครื่องเป็นที่อยู่ของ ลำโพงภายนอกตัวที่ 1, ปุ่มชัตเตอร์, ปุ่มปรับเสียง และลำโพงภายนอกตัวที่ 2
ด้านบนของตัวเครื่องเป็นที่อยู่ของปุ่มล็อคคีย์, รูเสียบแจ็คขนาด 3.5 มม. สำหรับหูฟัง หรือสาย Video Out เพื่อต่อกับจอทีวีภายนอก และปุ่มเปิดปิดโทรศัพท์
ส่วนด้านล่างเป็นที่อยู่ของรูเสียบสายชาร์จ, ช่องไมโครโฟน และช่องเสียบสาย MicroUSB
ด้านหลังเป็นที่อยู่ของกล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลชแบบ Dual-LED และที่ถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ก็คือ ขาตั้ง สำหรับการดูหนังเรื่องยาว
ภายใน / การเชื่อมต่อ
ไฮไลท์หนึ่งของ Nokia N96 คือการมาพร้อมหน่วยความจำในตัวสูงถึง 16GB มากกว่า N95 ถึง 2 เท่า แถมยังรองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD สูงสุดถึง 8GB เบ็ดเสร็จ N96 สามารถรองรับหน่วยความจำได้สูงสุดถึง 24GB ซึ่งเหลือเฟือสำหรับความบันเทิงทุกรูปแบบ
ด้านการเชื่อมต่อก็ครบถ้วน ไล่ตั้งแต่เครือข่ายพื้นฐาน GSM 850/1800/1900 MHz, GPRS, EDGE, WiFi 802.11b/g, Bluetooth และ USB 2.0 ไปจนถึงไฮโซอย่าง 3G แถมยังสวิตช์เครือข่ายได้อัตโนมัติ ซึ่งนับว่าสะดวกมากทีเดียว ... แต่ไม่มี Infrared (N95 มี)
ทดลองใช้งาน
การทำงานของ N96 แทบทุกอย่าง เหมือนกับ N95 8GB รวมถึงกราฟิกอินเตอร์เฟสต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รายชื่อ (Contact) ที่เก็บฟิลด์ได้ละเอียดเช่นเดียวกับ Outlook, ข้อความ (Messaging) ที่ครอบคลุม SMS, MMS และ E-Mail, ฟังเพลง (Music) คุณภาพเสียงอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง เสียงออกก้องๆ แม้จะได้ปรับอีควอไลเซอร์และเอฟเฟ็กต์ช่วยแล้วก็ตาม, คลังภาพ (Photos), ศูนย์วีดีโอ (VDO Centre) ที่สามารถดูคลิปผ่านการเชื่อมต่อรูปแบบต่างๆได้ ให้รายละเอียดภาพสูง คมชัดสดใส, การค้นหา (Search) ที่ค้นหาได้ทั้งภายในและภายนอก และทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์
เว็บ (Web) ที่เชื่อมต่อได้กับทุกเครือข่าย อันนี้เจ๋งดี เพราะอยู่บ้านก็ใช้ WiFi ฟรีได้ ถ้าอยู่นอกบ้านก็ GPRS หรือ EDGE แล้วแต่สถานการณ์, เกมส์ (Games) ที่รองรับเทคโนโลยี N-Gage แต่การควบคุมไม่ค่อยถนัดมือเท่าไหร่ เพราะปุ่มควบคุมด้านซ้ายกับขวาอยู่ต่างระดับกัน, คำสั่งเสียง, เสียงเรียกเข้า, ออร์แกไนเซอร์ (Organizer), โปรแกรมออฟฟิศ (Office) และอื่นๆ
ระบบ GPS และ Maps ทำงานประสานกันได้อย่างลงตัว มีความแม่นยำสูง แผนที่มีความละเอียดดีมาก เข้าใจว่าจะมาจาก Google Maps เพราะตรงที่ผิดก็ผิดเหมือนกัน แต่ถ้าต้องการฟังก์ชั่น Navigator ที่นำทางด้วยเสียงหรือลูกศรแล้ว ต้องเสียตังค์ซื้อไลเซนส์เพิ่ม
กล้องดิจิตอล ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล แฟลชแบบ Dual-LED ให้ความสว่างขึ้นมาอีกนิด การทำงานทุกอย่างเหมือน N95 8GB คุณภาพของภาพที่ออกมายังไม่น่าพอใจเท่าไหร่ ออกโทนสว่าง (Bright) มากไปนิดส์ ไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร โหมด Macro ถ่ายภาพระยะใกล้ ไม่ได้เลย โฟกัสไม่เข้าเป้า แม้แต่ในโหมดปกติ ระบบโฟกัสก็ทำงานผิดพลาดบ่อยมาก (ไม่แน่ใจว่าเป็นเฉพาะเครื่องที่เราได้มาเทสต์หรือเปล่า เพราะไม่น่าจะตกม้าตายง่ายๆขนาดนี้)
แบตเตอรี่ ทำได้ดีที่สุดแค่วันครึ่งสำหรับการใช้งานปกติ ซึ่งถือว่าน้อยมาก จำเป็นต้องชาร์จวันต่อวันถึงจะอยู่รอดได้โดยไม่พลาดการติดต่อ
สรุป
ดูเหมือนทาง Nokia ยังทำการบ้านมาไม่เยอะเท่าที่ควรสำหรับ N96 เพราะเท่าที่ลองใช้งานดู บอกตรงๆว่า ถ้าไม่ได้ดูสเปคเทียบกันตัวต่อตัวแล้ว ก็แทบไม่รู้สึกเลยว่าเจ้า N96 มีอะไรที่ต่างไปจาก N95 8GB บ้าง นอกจากดีไซน์ที่ออกไปทาง N81, เพิ่มแรมเป็น 16GB และรองรับ micro SD
องค์ประกอบหลายๆอย่างยังไม่น่าพอใจเท่าไหร่ วัสดุหรูหราสู้ N95 8GB ไม่ได้, ปุ่มกดที่เรียบเป็นชิ้นเดียวกัน มีความสวยงาม แต่การใช้งานจริงกลับกดลำบาก ต้องเล็งดีๆ และต้องออกแรงกดพอสมควร ถึงจะมีการตอบสนองกลับมา, กรอบบอดี้มีเสียงดังออดแอ็ดน่ารำคาญ โดยเฉพาะที่ฝาหลัง, การฟังเพลง คุณภาพเสียงอยู่ในระดับปานกลาง, การถ่ายรูป ภาพที่ออกมาค่อนข้างสว่างเกินไปนิดส์ วัดแสงไวจนก่อให้เกิดปัญหา ระบบโฟกัสไม่แม่น, สำคัญที่สุดคือแบตฯหมดเร็วมาก ต้องชาร์จกันวันต่อวัน แถมบางครั้งต้องมีชาร์จตอนครึ่งวันด้วย ถ้าใช้กันหนักๆ
จะเรียกคะแนนคืนมาได้ก็ตรง Maps กับ GPS นี่แหละ ที่ทำงานได้ถูกต้องและแม่นยำดีมาก แผนที่มีความละเอียดสูง เส้นทางลัดสำหรับการเดินทางมีมาให้ครบครัน แต่ก็ต้องเสียตังค์เพิ่มสำหรับฟังก์ชั่นนำทางอยู่ดี
ถ้าเทียบกับคู่แข่ง เห็นจะๆเลยคือ N96 ไม่มีทัชสกรีน ขณะที่คู่แข่งอีก 2 รายใช้ทัชสกรีนกันหมดแล้ว
โดยรวมแล้ว N96 ยังทำให้เราลังเลอยู่พอสมควร สำหรับการควักกระเป๋าเป็นค่าตัวในระดับสูงถึง 28,xxx บาท
แต่ ... อย่าพึ่งรู้สึกผิดหวังกับ Nokia มากจนเกินไป เพราะเค้ามีทีเด็ด กับรุ่นใหม่อย่าง N85 ที่พึ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนที่แล้ว และคาดว่าจะวางตลาดปลายปีนี้หรืออย่างช้าต้นปีหน้า และที่ว่าเด็ดก็เพราะว่า ทั้งๆที่เป็นรุ่นรอง แต่พอเทียบสเปคกันแล้ว เหมือนกันเป๊ะกับ N96 ด้อยกว่าแค่ไม่กี่ข้อและไม่ใช่เรื่องใหญ่ด้วย ที่สำคัญราคาต่างกันเกือบ 6,500 บาท แถมเล็กกว่า เบากว่า ใช้จอ OLED กินไฟน้อยกว่า ซึ่งเคลมระยะเวลาสนทนาต่อเนื่องไว้นานถึง 7 ชั่วโมง นับว่าไม่ธรรมดาทีเดียว
สิ่งที่แตกต่างจาก N85 | สิ่งที่แตกต่างจาก N95 8G | สิ่งที่แตกต่างจาก N81 8G | |
ข้อดี | เพิ่มเมมจาก 70 เม็ก เป็น 16 กิ๊ก | เพิ่มเมมอีก 8 กิ๊กเป็น 16 กิ๊ก | เพิ่มเม็มจาก 18 เม็ก เป็น 16 กิ๊ก |
เพิ่ม Flash Dual-LED | เพิ่มช่องเสียบ MicroSD | เพิ่มช่องเสียบ MicroSD | |
เพิ่ม Flash Dual-LED | ใช้กล้อง 5 เม็ก แทนกล้อง 2 เม็ก | ||
เพิ่มซัพพอร์ต WMV | เพิ่มระบบ Autofocus | ||
เพิ่มซัพพอร์ต Flash Video | เพิ่ม Flash Dual-LED | ||
เพิ่มปุ่มล็อคคีย์ | เพิ่มซัพพอร์ต WMV | ||
เพิ่มซัพพอร์ต Flash Video | |||
อัพเกรดวีดีโอเป็น 30 เฟรมต่อวินาที จาก 15 เฟรมต่อวินาที | |||
ข้อเสีย | กินแบตมากขึ้น จาก 7 ชั่วโมง เหลือ 4 ชั่วโมงครึ่ง | กินแบตมากขึ้น จาก 5 ชั่วโมง เหลือ 4 ชั่วโมงครึ่ง | กินแบตมากขึ้น จาก 7 ชั่วโมง เหลือ 4 ชั่วโมงครึ่ง |
ใช้จอธรรมดาแทนจอ OLED | ไม่มีอินฟราเรด | ||
ไม่มี Light Sensor ด้านหน้า | |||
ไม่มีปุ่มลัดเปิดคลังภาพ | |||
ค่าตัว | ประมาณ 22,xxx บาท | ประมาณ 22,xxx บาท | ประมาณ 13,xxx บาท |