ตำรวจเยอรมนีเผยเกิดเหตุแก๊งโจรใช้สว่านเจาะกำแพง ขโมยเงินสดและทรัพย์สินมีค่ามูลค่ามหาศาลของลูกค้าไปจากตู้นิรภัยของธนาคารแห่งหนึ่งในเมืองเกลเซนเคอเชน (Gelsenkirchen) เมื่อช่วงวันหยุดคริสต์มาส
เหตุปล้นธนาคารออมทรัพย์ Sparkasse เกิดขึ้นระหว่างเย็นวันเสาร์ (27) ถึงเช้าวันจันทร์ (29) โดยกลุ่มโจรได้หลีกเลี่ยงระบบรักษาความปลอดภัยด้วยการเจาะกำแพงคอนกรีตหนาเพื่อเข้าไปในห้องนิรภัย จากนั้นก็งัดตู้เซฟกว่า 3,000 ตู้ ซึ่งการปล้นครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อลูกค้าธนาคารประมาณ 2,700 ราย
ตำรวจพบเห็นเหตุการณ์วุ่นวายหลังจากสัญญาณเตือนไฟไหม้ดังขึ้นที่ธนาคารเมื่อเวลาประมาณ 4:00 น. ของวันจันทร์ (29)
พนักงานสอบสวนเชื่อว่า มีการใช้สว่านอุตสาหกรรมเฉพาะทางในการก่อเหตุ ขณะที่โฆษกตำรวจระบุว่า การปล้นครั้งนี้ "ดำเนินการอย่างมืออาชีพ"
พยานคนหนึ่งเล่าว่า เห็นบุคคลหลายคนถือกระเป๋าใบใหญ่เดินผ่านลานจอดรถใกล้ๆ ธนาคารในช่วงสุดสัปดาห์ ขณะที่ภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถ Audi RS 6 สีดำขับออกไปด้วยความเร็วสูงในเช้าตรู่ของวันจันทร์ (29) โดยผู้โดยสารสวมหน้ากากปกปิดใบหน้า รถคันดังกล่าวได้รับการยืนยันแล้วว่าถูกขโมยมาจากเมืองฮันโนเวอร์ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 200 กิโลเมตร
เมื่อวันอังคาร (30) ลูกค้าจำนวนมากเดินทางไปที่ธนาคาร และพบว่าธนาคารถูกปิดผนึกห้ามคนเข้า ผู้คนนับร้อยๆ มารวมตัวกันเรียกร้องคำตอบ หลังจากที่ธนาคาร Sparkasse ยืนยันว่า ตู้เซฟกว่า 95% ถูกบุกรุก
ตำรวจประเมินความเสียหายไว้ที่ "หลักสิบล้านยูโร" ตามคำแถลงที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (30) ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า เงินในตู้นิรภัยแต่ละตู้ได้รับการประกันภัยไว้ที่ 10,300 ยูโร ซึ่งบ่งชี้ว่าความเสียหายทั้งหมดอาจสูงถึงอย่างน้อย 30 ล้านยูโร
อย่างไรก็ตาม ลูกค้าจำนวนมากเกรงว่าเงินประกันนี้จะไม่เพียงพอต่อความเสียหาย และกำลังเร่งตรวจสอบความคุ้มครองประกันภัยเพิ่มเติมของตน
สาขาธนาคารแห่งนี้ยังคงปิดทำการ ขณะที่ตำรวจก็ยังไม่ได้จับกุมผู้ใด และผู้กระทำผิดยังคงลอยนวลอยู่
ที่มา: RT


