ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร แห่งเวเนซุเอลาเมื่อวันพุธ(17ธ.ค.) ระบุประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เผยให้เห็นถึงแรงจูงใจที่แท้จริงต่อประเทศในเอเมริกาใต้ของเขา หลังออกมาอ้างว่าเวเนซุเอลา ขโมย"น้ำมัน ดินแดนและทรัพย์สินอื่นๆ"ของอเมริกา บ่งชี้ว่าคำกล่าวอ้างต่อสู้กับพวกลักลอบขนยาเสพติด แท้จริงแล้วมีเป้าประสงค์เป็นอย่างอื่น
มาดูโร บอกว่าคำกล่าวอ้างของทรัมป์ แสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ กำลังหาทางเปลี่ยนระบอบการปกครอง เช่นเดียวกับเป็นเจ้าของดินแดนและทรัพยากรของเวเนซุเอลา หลังจากก่อนหน้านี้สหรัฐฯให้คำจำกัดความการเสริมกำลังทางทะเลใกล้เวเนซุเอลา ว่ามีเป้าหมายเพียงต่อสู้กับการลักลอบขนยาเสพติดเท่านั้น
"ง่ายๆเลย มันเป็นแค่ข้ออ้างของพวกกระหายสงครามและพวกนักล่าอาณานิคม เราเคยพูดมาแล้วหลายครั้ง และตอนนี้ทุกคนได้เห็นความจริงแล้ว ความจริงเปิดเผยออกมาแล้ว" มาดูโร กล่าวระหว่างปราศรัยในกรุงการากัสในวันพุธ(17ธ.ค.)
"เป้าหมายในเวเนซุเอลา คือการเปลี่ยนระบอบปกครอง กำหนดรัฐบาลหุ่นเชิดที่จะมีอายุไม่ถึง 47 ชั่วโมง ที่จะทำหน้าที่ส่งมอบรัฐธรรมนูญ อธิปไตยและสินทรัพย์ทั้งหมด เปลี่ยนเวเนซุเอลาเป็นอาณานิคม แต่ง่ายๆเลย มันจะไม่มีวันเกิดขึ้น" เขากล่าว
เมื่อวันอังคาร(16ธ.ค.) ทรัมป์ เขียนบนทรุตช์โซเชียล สื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง ระบุว่าการเสริมกำลังทหารใกล้เวเนซุเอลา จะใหญ่โตมากขึ้นเรื่อยๆ จนกว่าประเทศแห่งนี้จะส่งคืน "น้ำมัน ดินแดนและทรัพย์สินอื่นๆ ที่พวกเขาเคยขโมยไปจากเรา" กลับสู่สหรัฐฯ
ทรัมป์ ชี้แจงกับพวกผู้สื่อข่าวในวันพุธ(17ธ.ค.) ว่าเวเนซุเอลา เอา "สิทธิทางพลังงาน" ไปอย่างผิดกฎหมาย และสหรัฐฯต้องการมันกลับคืนมา "เรากำลังเอาดินแดน สิทธิทางน้ำมัน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เราเคยมี พวกเขาพรากมันไป เพราะว่าเรามีประชาธิปไตยหนึ่งๆ ซึ่งอาจไม่เคยจับตามองอะไรเลย แต่พวกเขาจะไม่อาจทำเช่นนั้น เราต้องการมันกลับคืนมา พวกเขาเอาสิทธิทางน้ำมันของเราไป เรามีน้ำมันมากมายที่นั่น อย่างที่คุณรู้ พวกเขาโยนบริษัทของเราออกมา และเราต้องการมันกลับคืน"
เวเนซุเอลา ดึงภาคน้ำมันของประเทศกลับสู่การควบคุมของรัฐในยุคทศวรรษ 1970 ก่อนหน้านั้น บรรดาบริษัทของอเมริกาเข้าไปมีบทบาทใหญ่โตในบ่อน้ำมันต่างๆของประเทศแห่งนี้
ทรัมป์ เน้นย้ำคำเตือนว่าสหรัฐฯอาจปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในเวเนซุเอลาเร็วๆนี้ และบอกว่าประเทศใดก็ตามที่ลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่อเมริกา ก็จะอยู่ภายใต้การโจมตีเช่นกัน บ่งชี้ว่าโคลอมเบีย เพื่อนบ้านของเวเนซุเอลา อาจเป็นหนึ่งในนั้น
ในถ้อยแถลงเมื่อวันพุธ(17ธ.ค.) มาดูโร เรียกร้องให้โคลอมเบียเป็นหนึ่งเดียวกับเวเนซุเอลา และปกป้องอธิปไตยของทั้ง 2 ประเทศ นอกจากนี้แล้ว มาดูโร ยังประณามความเห็นของ ทรัมป์ ระหว่างพูดคุยทางโทรศัพท์กับ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติในวันเดียวกัน
"มาดูโรเน้นย้ำว่าคำประกาศดังกล่าวต้องถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิงจากระบบของสหประชาชาติ เนื่องจากมันเข้าองค์ประกอบของการคุกคามโดยตรงต่ออธิปไตย กฎหมายระหว่างประเทศและสันติภาพ" รัฐบาลเวเนซุเอลาระบุในถ้อยแถลง
ต่อมา สำนักงานของกูเตอร์เรส ยืนยันว่ามีการพูดคุยทางโทรศัพท์กันจริง และบอกว่าเลขาธิการใหญ่รายนี้ เน้นย้ำจุดยืนของสหประชาชาติ เกี่ยวกับความจำเป็นที่รัฐสมาชิกต้องเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎบัตรสหประชาชาติ อดทนอดกลั้นและลดความตึงเครียดเพื่อรักษาไว้ซึ่งเสถียรภาพในภูมิภาค
การพูดคุยทางโทรศัพท์มีขึ้น 1 วัน หลังจาก ทรัมป์ เผยว่าเขาจะกำหนดปิดล้อมเรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกคว่ำบาตร จากการขนส่งน้ำมันเข้าออกเวเนซุเอลา และเมื่อถูกถามว่ามาตรการดังกล่าวจะละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหรือไม่ ทางโฆษกสำนักงานของเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติตอบว่า "ในตอนนี้ เรากำลังดูว่ากฎหมายใดถูกนำมาใช้ และเรากำลังศึกษาสถานการณ์ แต่แน่นอนว่า ฝ่ายต่างๆจำเป็นต้องยึดถือกฎบัตรสหประชาชาติ และคุณสามารถไปอ่านกฎบัตรด้วยตนเอง และดูสิ่งที่เกี่ยวข้อง"
(ที่มา:ซีเอ็นเอ็น)


