ทรัมป์พยายามสร้างความชอบธรรมในเรื่องที่สหรัฐฯปิดล้อมไม่ให้เรือบรรทุกน้ำมันเข้า-ออกเวเนซุเอลา ด้วยการเรียกร้องการากัสคืนสินทรัพย์ที่ยึดไปจากบริษัทน้ำมันอเมริกันเมื่อหลายสิบปีก่อน ขณะที่จีนประกาศต่อต้านการข่มเหงฝ่ายเดียว พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่า นานาชาติสนับสนุนจุดยืนของเวเนซุเอลาในการปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศ ด้านรัสเซียหวังว่า ทรัมป์จะไม่ทำผิดพลาดร้ายแรงและทำให้สถานการณ์ลุกลามจนเกิดผลลัพธ์ที่คาดเดาไม่ได้สำหรับทวีปอเมริกาเหนือ-ใต้ทั้งหมด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวย้ำกับพวกผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธ (17 ธ.ค.) ว่า จะไม่ยอมให้เรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกสหรัฐฯประกาศแซงก์ชัน เข้าหรือออกจากเวเนซุเอลา พร้อมกับระบุว่า เวเนซุเอลายึดสิทธิ์ด้านพลังงานและน้ำมันของอเมริกาไปเมื่อหลายปีก่อน และตอนนี้เขาต้องการทวงคืนสิทธิ์เหล่านั้น
สิ่งที่ทรัมป์กล่าวถึงคือเหตุการณ์ซึ่งพวกบริษัทน้ำมันของอเมริกาที่เคยครอบงำอุตสาหกรรมปิโตรเลียมของเวเนซุเอลา ถูกทางผู้นำการากัส ภายใต้ยุคสมัยของอดีตประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ และนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ประกาศโอนอุตสาหกรรมนี้เป็นกิจการของรัฐในทศวรรษ 1970 และศตวรรษที่ 21
อเมริกาอ้างว่า ค่าชดเชยที่เวเนซุเอลาจ่ายให้นั้นไม่เพียงพอ และในปี 2014 คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ได้สั่งให้เวเนซุเอลาจ่ายชดเชยให้เอ็กซอนโมบิล ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของอเมริกา 1,600 ล้านดอลลาร์
คำสั่งปิดกั้นเรือบรรทุกน้ำมันไม่ให้เข้า-ออกเวเนซุเอลาที่ทรัมป์ประกาศเมื่อวันอังคาร (16) เป็นการเพิ่มความกดดันทั้งทางการทหารและเศรษฐกิจต่อมาดูโร
คืนวันอังคาร ทรัมป์ยังโพสต์ว่า เวเนซุเอลาใช้รายได้จากการขายน้ำมันเพื่อสนับสนุนการลักลอบขนยาเสพติดและอาชญากรรมอื่นๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขากล่าวหามาระยะหนึ่งแล้ว โดยไม่มีการแสดงหลักฐานยืนยัน
ในสัปดาห์ที่แล้ว อเมริกาได้เข้ายึดเรือบรรทุกน้ำมันนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา ขณะเดียวกับที่ส่งกำลังทางนาวีเข้ามายังภูมิภาคแถบนี้ครั้งใหญ่ โดยรวมถึงเรือบรรทุกเครื่องบินลำใหม่ที่สุดและล้ำสมัยที่สุดของกองทัพเรือสหรัฐฯด้วย
กองทัพอเมริกายังได้เข้าโจมตีเรือหลายลำที่พวกเขาอ้างว่าต้องสงสัยเป็นเรือขนยาเสพติดในทะเลแคริบเบียนและมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 99 คน รวมถึง 4 คนล่าสุดจากการโจมตีเมื่อวันพุธ
อย่างไรก็ดี เวเนซุเอลาออกคำแถลงท้าทายวอชิงตันโดยยืนยันว่า การส่งออกน้ำมันดิบไม่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งล่าสุดของทรัมป์ และเรือบรรทุกน้ำมันที่เกี่ยวข้องกับพีดีวีเอสเอ ซึ่งเป็นกิจการน้ำมันของรัฐบาลเวเนซุเอลา ยังคงเดินทางต่อไปภายใต้มาตรการรักษาความปลอดภัยครบถ้วน
กระนั้นก็ตาม วันเดียวกันนั้น มาดูโรได้โทรศัพท์หาอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อหารือเกี่ยวกับ “สถานการณ์ตึงเครียดในภูมิภาค” ซึ่งกูเตอร์เรสยืนยันจุดยืนของยูเอ็นว่า ชาติสมาชิกต้องเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎบัตรยูเอ็น ใช้ความอดกลั้น และลดความขัดแย้งเพื่อปกป้องเสถียรภาพในภูมิภาค
นอกจากนั้น อีวาน กิล รัฐมนตรีต่างประเทศเวเนซุเอลา ยังส่งจดหมายถึงคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็นและเรียกร้องให้อเมริกาปล่อยลูกเรือที่ถูกลักพาตัว รวมทั้งส่งเรือบรรทุกน้ำมันที่ยึดไปอย่างผิดกฎหมายในทะเลหลวงคืนทันที
ขณะที่ ซามูเอล มอนคาดา เอกอัครราชทูตเวเนซุเอลาประจำยูเอ็น ส่งจดหมายฉบับที่ 2 เพื่อขอให้คณะมนตรีความมั่นคงจัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือเกี่ยวกับความก้าวร้าวของอเมริกา
มอนคาดาสำทับว่า โพสต์ของทรัมป์หมายความว่า รัฐบาลอเมริกากำลังอ้างสิทธิ์ในแหล่งน้ำมันสำรองของเวเนซุเอลาที่เป็นแหล่งน้ำมันสำรองใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะถือเป็นการปล้นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
ทั่วโลกต่างจับตาสถานการณ์ระหว่างอเมริกากับเวเนซุเอลาด้วยความกังวล ประธานาธิบดีเม็กซิโกและบราซิลเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายอดกลั้นและเจรจากันเพื่อสะสางปัญหา
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ยืนยันระหว่างหารือทางโทรศัพท์กับมาดูโรเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า รัสเซียสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลเวเนซุเอลาที่มุ่งปกป้องผลประโยชน์และอธิปไตยของชาติท่ามกลางความกดดันที่เพิ่มมากขึ้นจากภายนอก
นอกจากนั้นเมื่อวันพฤหัสฯ (18 ธ.ค.) กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียได้แถลงแสดงความหวังว่า คณะบริหารทรัมป์จะไม่ทำผิดพลาดอย่างร้ายแรงเกี่ยวกับเวเนซุเอลา และทำให้สถานการณ์ลุกลามจนเกิดผลลัพธ์ที่คาดเดาไม่ได้สำหรับซีกโลกตะวันตกทั้งหมด พร้อมแสดงความกังวลกับการตัดสินใจของอเมริกาที่คุกคามการเดินเรือระหว่างประเทศ ทั้งนี้ซีกโลกตะวันตกเป็นคำเรียกทางภูมิศาสตร์ ซึ่งมักถูกใช้ให้หมายถึงทวีปอเมริกาเหนือ-ใต้
ขณะเดียวกัน หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน ซึ่งเป็นชาติผู้ซื้อน้ำมันดิบของเวเนซุเอลารายใหญ่ที่สุด กล่าวระหว่างหารือทางโทรศัพท์กับกิล รัฐมนตรีต่างประเทศเวเนซุเอลาเมื่อวันพุธว่า ปักกิ่งคัดค้านการข่มเหงฝ่ายเดียวทุกรูปแบบ และสนับสนุนประเทศต่างๆ ในการปกป้องอธิปไตยและเกียรติศักดิ์ศรีของชาติ
หวัง ไม่ได้เอ่ยชื่ออเมริกาหรือทรัมป์ รวมทั้งไม่ได้ระบุว่า จีนอาจให้การสนับสนุนเวเนซุเอลาในรูปแบบหรือระดับใด แต่สำทับว่า จีนคัดค้านการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎบัตรยูเอ็น หรือรุกล้ำอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศอื่น รวมทั้งยังเชื่อว่า นานาชาติเข้าใจและสนับสนุนจุดยืนของเวเนซุเอลาในการปกป้องสิทธิ์และผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศ
(ที่มา: เอพี/รอยเตอร์/เอเอฟพี)


