ตำรวจออสเตรเลียเผย สองมือปืนที่ก่อเหตุกราดยิงบริเวณหาดบอนได (Bondi Beach) ในนครซิดนีย์เป็นพ่อลูกกัน ขณะที่ชาวออสเตรเลียทั่วประเทศต่างร่วมกันไว้อาลัยต่อเหตุความรุนแรงทางอาวุธปืนที่เลวร้ายที่สุดของประเทศในรอบเกือบ 30 ปี
ตำรวจระบุในงานแถลงข่าววันนี้ (15 ธ.ค.) ว่า มือปืนคนพ่อวัย 50 ปี ถูกวิสามัญฯ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 16 ราย ขณะที่มือปืนคนลูกวัย 24 ปี อาการยังอยู่ในขั้นวิกฤตที่โรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียระบุว่า เหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นเป็นการโจมตีที่เจาะจงพุ่งเป้าไปที่ชาวยิวโดยเฉพาะ (antisemitic attack)
ขณะนี้ยังมีผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีก 40 คน รวมถึงตำรวจ 2 นายที่อาการสาหัสแต่อยู่ในขั้นคงที่ เหยื่อทั้งหมดในเหตุการณ์นี้มีอายุตั้งแต่ 10-87 ปี
ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เหตุกราดยิงซึ่งเกิดขึ้นบริเวณชายหาดชื่อดังขณะที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากพักผ่อนคลายร้อนอยู่ในช่วงเย็น กินเวลาประมาณ 10 นาที และทำให้ผู้คนนับร้อยต่างพากันวิ่งหนีตาย
ตำรวจออสเตรเลียเปิดเผยว่า ขณะนั้นมีประชาชนราว 1,000 คนกำลังร่วมพิธีฮานุกกะห์ (Hanukkah) อยู่ภายในสวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้กับชายหาด
ชายคนหนึ่งซึ่งได้เข้าไปล็อกตัวคนร้ายจากทางด้านหลังและปลดอาวุธเขาได้รับการยกย่องเชิดชูว่าเป็น "วีรบุรุษ" ที่ช่วยปกป้องชีวิตผู้คนอีกจำนวนมากที่อาจจะตกเป็นเหยื่อเพิ่ม สื่อ 7News Australia รายงานว่า ชายผู้กล้าคนนี้คือ อาเหม็ด อัล อาเหม็ด (Ahmed Al Ahmed) เจ้าของร้านขายผลไม้วัย 43 ปี ซึ่งถูกกระสุนเข้าไป 2 นัด และอยู่ระหว่างเข้ารับการผ่าตัด
เพจที่เปิดรับบริจาคช่วยเหลือชายคนนี้มีผู้บริจาคสมทบทุนแล้วมากกว่า 350,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียในช่วงบ่ายวันจันทร์ (15)
ตำรวจยังไม่ได้เปิดเผยชื่อของคนร้ายทั้งสอง และยังไม่ระบุว่าเป็นพลเมืองออสเตรเลียหรือไม่ แต่ระบุว่ามือปืนคนพ่อมีใบอนุญาตพกปืนตั้งแต่ปี 2015 และครอบครองอาวุธปืนที่มีทะเบียนถูกต้องอยู่ 6 กระบอก
ตำรวจไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธปืนเช่นกัน แต่จากคลิปวิดีโอที่บันทึกได้ในขณะที่พวกเขาก่อเหตุดูเหมือนว่าอาวุธที่ใช้จะเป็นปืน bolt-action rifle และปืนสั้น
"เรากำลังตรวจสอบประวัติของบุคคลทั้งสอง ในตอนนี้เรายังทราบข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาน้อยมาก" มาล แลนยอน ผู้กำกับการตำรวจนิวเซาท์เวลส์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
มอร์แกน แกเบรียล วัย 27 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่หาดบอนได เล่าว่า ตอนนั้นเธอกำลังมุ่งหน้าไปที่โรงภาพยนตร์ขณะที่ได้ยินเสียงดังคล้ายพลุ ก่อนที่จะเห็นผู้คนเริ่มวิ่งแตกตื่นไปตามท้องถนน
"ฉันให้คนเข้ามาหลบในบ้านประมาณ 6-7 คน สองคนเป็นเพื่อนสนิทของฉันเอง ส่วนที่เหลือเป็นคนแปลกหน้า พวกเขาถึงกับลืมโทรศัพท์ทิ้งเอาไว้ที่ชายหาดเพราะมัวแต่วิ่งหนีเอาชีวิตรอด" แกเบรียล กล่าว
เจ้าหน้าที่ได้มีการเปิดจุดไว้อาลัยชั่วคราวซึ่งมีผู้คนนำช่อดอกไม้ ธงชาติอิสราเอล และธงชาติออสเตรเลียไปวาง และมีการวางสมุดให้ผู้คนเขียนคำไว้อาลัย
เจ้าหน้าที่เผยว่า พวกเขามั่นใจว่ามีผู้ก่อเหตุเพียง 2 คนเท่านั้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าตำรวจกำลังตรวจสอบว่ามีผู้กระทำผิดคนที่ 3 เกี่ยวข้องหรือไม่
ตำรวจยังได้บุกค้นบ้านของผู้ต้องสงสัยในบอนนีริกก์ที่อยู่ห่างจากใจกลางเมืองไปทางตะวันตกประมาณ 36 กิโลเมตร และมีการปิดกั้นพื้นที่รอบบ้านหลายหลังที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
นายกรัฐมนตรี แอนโทนี อัลบานีส แห่งออสเตรเลียเดินทางไปที่หาดบอนไดเมื่อเช้าวันจันทร์ (15) และวางดอกไม้ใกล้จุดเกิดเหตุ
“สิ่งที่เราเห็นเมื่อวานนี้คือการกระทำที่ชั่วร้ายอย่างแท้จริง การกระทำที่แสดงถึงการต่อต้านชาวยิว การก่อการร้ายบนแผ่นดินของเราในสถานที่สำคัญของออสเตรเลีย” อัลบานีส กล่าวกับสื่อมวลชน
“วันนี้ชุมชนชาวยิวต่างเจ็บปวด วันนี้ชาวออสเตรเลียทุกคนขอส่งกำลังใจให้พวกเขาและบอกว่าเราจะอยู่เคียงข้างคุณ เราจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อกำจัดลัทธิต่อต้านชาวยิว มันเป็นภัยร้าย และเราจะร่วมกันกำจัดมันให้หมดไป”
อัลบานีส ระบุด้วยว่า ผู้นำโลกหลายคน รวมถึงประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ได้ติดต่อมา และตนได้ขอบคุณพวกเขาสำหรับความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
เหตุกราดยิงเมื่อวันอาทิตย์ (14) ถือเป็นเหตุโจมตีร้ายแรงที่สุดในบรรดาการโจมตีต่อต้านชาวยิวหลายครั้งที่เกิดขึ้นกับโบสถ์ยิว อาคาร และรถยนต์ในออสเตรเลีย นับตั้งแต่อิสราเอลเริ่มเปิดสงครามกวาดล้างฮามาสในฉนวนกาซาเมื่อเดือน ต.ค. ปี 2023
นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอลกล่าวว่า เขาเคยเตือน อัลบานีส แล้วว่าการที่ออสเตรเลียแสดงจุดยืนสนับสนุนการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์จะยิ่งกระพือกระแสต่อต้านชาวยิว
ที่มา: รอยเตอร์
