พวกนักวิเคราะห์การเมืองและความมั่นคงกัมพูชา ร้องหาบรรดาชาติมหาอำนาจโลก ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ จีนและเหล่าประเทศยุโรป ใช้มาตรการเด็ดขาดกดดันไทย ให้หยุดในสิ่งที่คนเหล่านี้ให้คำจำกัดความว่าเป็นการโจมตีทางทหารที่ป่าเถื่อนและปราศจากการควบคุมตามแนวแดน พวกเขาเน้นย้ำว่าเสียงวิงวอนขอความอดทนอดกลั้นนั้นล้มเหลว และกล่าวอ้างอันเป็นเท็จ กล่าวหาทหารไทยยังคงเดินหน้าโจมตีเป้าหมายพลเรือนในหลายจังหวัด ตามรายงานของ kampucheathmey สื่อมวลชนกัมพูชา
รายงานของ kampucheathmey ระบุว่าเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงว่าเขามีแผนติดต่อไปยังผู้นำกัมพูชาและไทยตามหลังเหตุปะทะรอบใหม่ โยงแนวทางความเคลื่อนไหวนี้กับวลี "สันติภาพได้มาด้วยแสนยานุภาพ” อย่างไรก็ตามพวกผู้เชี่ยวชาญกัมพูชามองว่าการพูดคุยทางโทรศัพท์และการร้องขอปากเปล่าจากบรรดาชาติมหาอำนาจ ไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว
Kin Phea นักรัฐศาสตร์ในพนมเปญ แนะว่าบรรดาชาติมหาอำนาจโลกต้องดำเนินการอย่างชัดเจนและเต็มกำลัง ในขณะที่เสียงเรียกร้องไม่ได้ผลใดๆ "พวกเขาเรียกร้องขออดทนอดกลั้นขั้นสูงสุด แต่มันจะเป็นผลได้อย่างไร ในเมื่อทหารไทยยังคงเดินหน้าโจมตีอย่างป่าเถื่อน ใช้อาวุธหนักและเปิดฉากโจมตีใส่กัมพูชา? แล้วกัมพูชาจะอยู่ในความอดทนได้อย่างไร ในขณะที่ไทยโจมตีเรา? มันไม่สมเหตุสมผล"
เขายังกล่าวหาไทย ไม่แสดงออกถึงความมั่นสัญญาอย่างจริงจังต่อการหาทางออกอย่างสันติ และอ้างว่าไทยละเมิดหลักการต่างๆที่เห็นพ้องกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า และทำตัวราวกับเป็นรัฐอันธพาล
นอกจากนี้แล้ว Kin Phea ยังได้วิพากษ์วิจารณ์ไทย กรณีถอนตัวออกจากปฏิญญาสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ ที่ลงนามในเดือนตุลาคม โดยมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เป็นสักขีพยาน "ไทยฉีกข้อตกลงโดยปราศจากความลังเล สหรัฐฯควรต้องใช้การกดดันทางภาษีหรือมาตรการอื่นๆ ผลักดันไทยให้กลับสู่การบังคับใช้โดยสมบูรณ์"
Chhay Bora ที่ปรึกษาทางยุทธศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญกิจการรัฐบาล ชี้ว่าวาทกรรมด้านความมั่นคงครั้งใหม่ของไทย เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมืองภายในประเทศ มากกว่าที่จะเป็นความจำเป็นด้านการทหาร "ไทยกำลังเผชิญความตึงเครียดทางการเมืองภายในอย่างร้ายแรง และนายกรัฐมนตรีอนุทิน ส่งสารแข็งกร้าวในเรื่องความมั่นคงแห่งชาติออกมาบ่อยครั้ง พวกผู้นำไทยและกองทัพไทยดูเหมือนส่งสารถึงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง เบี่ยงเบนความสนใจจากประเด็นภายใน และเสริมภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำของพวกเขา ก่อนศึกเลือกตั้ง 2026"
Bora ระบุต่อว่า "ถ้อยแถลงล่าสุดของนายอนุทิน ดูเหมือนมีแรงขับเคลื่อนจากสถานะทางการเมืองมากกว่าความจำเป็นด้านการทหาร ปั่นแต่งเรื่องขึ้นมาสร้างแรงกดดัน ควบคุมความคิด และระดมเสียงสนับสนุนของประชาชนในไทย"
ส่วน Yang Peou นักวิเคราะห์ทางภูมิรัฐศาสตร์ อ้างว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายหลีกเลี่ยงริเริ่มความเป็นปรปักษ์มาตลอด "เราไม่เห็นกรณีที่กัมพูชาพยายามรุกรานหรือกระทำการก้าวร้าวกับไทย มีหลักฐานไหม ก่อนกัมพูชาใช้มาตรการป้องกันตนเอง กัมพูชาอดทนมานานกว่า 24 ชั่วโมง" เขากล่าวพร้อมเรียกร้องบรรดาชาติที่เป็นสักขีพยานปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯและจีน ให้ดำเนินการกับไทยในทันที โทษฐานไม่ยึดมั่นในข้อตกลง
(ที่มา:kampucheathmey)


