ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับอินโดนีเซียในเดือน ก.ค. มีความเสี่ยงที่จะล้มเหลว เนื่องจากรัฐบาลจาการ์ตาไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขหลายประการที่ให้ไว้ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว
“พวกเขากำลังผิดสัญญาที่เราตกลงกันไว้ในเดือน ก.ค.” เจ้าหน้าที่อเมริกันผู้ไม่ประสงค์ออกนามกล่าว โดยไม่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงเฉพาะเจาะจงที่อินโดนีเซียกำลังตั้งคำถามอยู่ในขณะนี้
ทั้ง 2 ประเทศแถลงเมื่อเดือน ก.ค.ว่า อินโดนีเซียตกลงที่จะยกเลิกภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าสหรัฐฯ มากกว่า 99% และจะยกเลิกอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีทั้งหมดที่บริษัทอเมริกันต้องเผชิญ ขณะที่สหรัฐฯ จะลดภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าอินโดนีเซียลงเหลือเพียง 19% จาก 32% ที่เคยขู่ไว้
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศข้อตกลงนี้เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 ก.ค. โดยกล่าวว่าเป็น “ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ บริษัทเทคโนโลยี แรงงาน เกษตรกร เจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ และผู้ผลิตของเรา”
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียได้แจ้งต่อ เจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ว่า จาการ์ตาไม่สามารถทำตามข้อผูกพันบางประการได้ และต้องการที่จะปรับแก้กรอบข้อตกลงดังกล่าว
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่า ข้อตกลงใหม่จะนำไปสู่ข้อตกลงที่เลวร้ายกว่าข้อตกลงล่าสุดที่สหรัฐฯ ได้ทำกับอีก 2 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ มาเลเซียและกัมพูชา พร้อมทั้งยืนยันรายละเอียดที่หนังสือพิมพ์ Financial Times รายงานเมื่อวันอังคาร (9)
FT รายงานว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่าอินโดนีเซียกำลัง “ถดถอย” ในการยกเลิกอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีสำหรับสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรส่งออกจากสหรัฐฯ รวมถึงพันธกรณีที่จะดำเนินการเกี่ยวกับประเด็นการค้าดิจิทัล
สำนักงานการค้าสหรัฐฯ (USTR) ยังไม่มีความเห็นใดๆ ในทันที
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้กล่าวในงาน Dealbook ของนิวยอร์กไทมส์ว่า อินโดนีเซีย “เริ่มดื้อรั้นเล็กน้อย” ในข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ในทางตรงกันข้าม มาเลเซียได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นผู้เล่นที่ดี และได้ลดภาษีนำเข้าสินค้าหลายพันรายการ ดังนั้นการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศดังกล่าวจึงดำเนินไปได้ดีขึ้นมาก
ที่มา: รอยเตอร์


