รอยเตอร์/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – กองทัพไทยวานนี้(8 ธ.ค)โจมตีเป้าหมายคลังแสงเก็บปืนใหญ่พิสัยไกลเชื่อเป็นที่ตั้งเก็บระบบขีปนาวุธจีน PHL-03 รวมไปถึงคาสิโนที่ข่าวกรองไทยระบุเป็นศูนย์บัญชาการโดรน กองทัพไทยแถลงวันอังคาร(9 ธ.ค) ตัวเลขทหารไทยเสียชีวิต 4 นายส่วนทหารกัมพูชาเสียชีวิตพุ่ง 61 นาย แต่สื่อนอกรายงานดับรวมกว่า 13 ราย ล่าสุดที่ปรึกษานายกฯกัมพูชาขอเจรจาหยุดยิงอ้างพร้อมทุกเวลา
รอยเตอร์รายงานวันอังคาร(9 ธ.ค)ว่า กัมพูชาล่าสุดขอเปิดการเจรจาระดับทวิภาคีกับไทยเพื่อยุติการสู้รบตลอดแนวพรมแดนร่วมกัน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีกัมพูชาแถลงวันอังคาร(9 ธ.ค)หลังทั้ง 2 ฝ่ายกล่าวหาซึ่งกันและกันละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่ลงนามไว้โดยมีประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิม ร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน
ซัว ยารา (Suos Yara) ที่ปรึกษาระดับสูงของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต ได้ให้สัมภาษณ์ทางวิดีโอกับรอยเตอร์จากกรุงพนมเปญเป็นภาษาอังกฤษว่า “เอาเป็นว่า 1 ช.มนับจากนี้ทั้งสองฝ่านตกลงกลับคืนสู่โต๊ะและเริ่มต้นการสื่อสาร” และเสริมว่า “นี่จะเป็นความคิดที่ดีมาก”
ที่ปรึกษาฮุน มาเนตออกตัวว่า อย่างไรก็ตามฝ่ายกัมพูชาจะไม่เป็นผู้เริ่มต้นกระบวนการด้วยตัวเอง โดยเขากล่าวว่า “พวกเราต้องเห็นชอบร่วมกันโดยสุจริตจากทั้ง 2 ฝ่าย”
ขณะที่ในการสัมภาษณ์กับรอยเตอร์ของฝ่ายไทยในวันอังคาร(9) รัฐมนตรีต่างประเทศไทย สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ยืนยันว่า กัมพูชาต้องแสดงความจริงใจและต้องเป็นฝ่ายเริ่มต้นในการลดระดับความรุนแรง พร้อมกับตัดประเด็นคนกลางเข้ามาไกล่เกลี่ย
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โก รูบิโอ แถลงวันอังคาร(9)ว่า วอชิงตันรู้สึกวิตกต่อการสู้รบระหว่างไทยและกัมพูชา
“พวกเราขอเรียกร้องอย่างหนักแน่นให้ยุติการเป็นปรปักษ์ เพื่อปกป้องชีวิตพลเรือนและเพื่อทั้งสองฝ่ายกลับไปสู่การมาตรการลดระดับความรุนแรง”
รอยเตอร์รายงานว่า ซัว ยารา (Suos Yara) เคยออกมากล่าวหาไทยก่อสงครามโดยชี้ว่า “ทุ่นระเบิดสนามไม่ใช่ข้ออ้างสำหรับการก่อสงคราม”
โดยในวันจันทร์(8) กองทัพไทยเปิดฉากโจมตีทางอากาศกัมพูชาไปที่คลังแสงเก็บอาวุธและคาสิโนที่เชื่อว่าเป็นฐานกองบัญชาการโดรน โดยการส่งเครื่องบิน F-16 เปิดฉากโจมตีทางอากาศนี้หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สได้เคยกล่าวว่า การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาที่มีการโจมตีด้วย F-16 ตั้งแต่กรกฎาคมก่อนการหยุดยิงนี้ถือเป็นการส่งขึ้นรบทางอากาศของกองทัพไทยในรอบ 30 ปีทีเดียว
รอยเตอร์รายงานว่า กองทัพไทยประเมินล่าสุดว่า ฝ่ายกัมพูชาอาจใช้อาวุธเครื่องยิงจรวด BM-21 ของอดีตสหภาพโซเวียตและระบบขีปนาวุธพิสัยไกลจีน PHL-03 ยิงถล่มโจมตีสนามบินจังหวัดและโรงพยาบาลรัฐของไทย โฆษกกระทรวงกลาโหม พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ ผู้ทรงคุณวุฒิ กองบัญชาการกองทัพไทยกล่าวในแถลงการณ์
“ตามข่าวกรองของพวกเรา มีความพยายาม..ที่จะล็อกเป้าคู่ขนานไปที่สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้” โฆษกกระทรวงกลาโหมให้สัมภาษณ์รอยเตอร์โดยที่ไม่อธิบายต่อ
และเสริมต่อว่า ข่าวกรองไทยชี้ไปว่า การโจมตีทางอากาศของกองทัพเข้าเป้าทำลายคลังแสงทางการทหารกัมพูชา รวมไปถึงคลังแสงเก็บจรวด
รอยเตอร์รายงานว่า ศักยภาพภัยคุกคามระบบขีปนาวุธจีน PHL-03 นั้นไม่เคยมีรายงานมาก่อน
ทั้งนี้พบว่ากัมพูชามีอาวุธเครื่องยิงจรวด BM-21 ราว 48 ระบบ และจรวดจีนยิงแบบหลายลำกล้อง PHL-03 แค่ 6 ระบบ อ้างอิงจากธิงแทงก์อังกฤษที่มีฐานในกรุงลอนดอน สถาบันระหว่างประเทศการศึกษาทางยุทธศาสตร์ IISS ( International Institute for Strategic Studies)
รอยเตอร์รายงานว่า ระบบขีปนาวุธจีน PHL-03 สามารถใช้กับแบบนำวิถีและไม่นำวิถีโดยมีพิสัยทำการไกลระหว่าง 70 ก.ม – 130 ก.ม อ้างข้อมูลจากฐานข้อมูลกองทัพสหรัฐฯส่วนอาวุธเครื่องยิงจรวด BM-21 ของอดีตสหภาพโซเวียตมีพิสัยทำการไกล 15 ก.ม -40 ก.ม
ในขณะที่รอยเตอร์รายงานวันอังคาร(9)ถึงยอดเสียชีวิตรวมทั้ง 2 ฝ่ายไม่ต่ำกว่า 13 คน แต่ทว่าในแถลงการณ์กองทัพจากการรายงานสื่อในไทยระบุว่าไทยเสียทหารไป 4 นายในขณะที่ทหารกัมพูชาเสียชีวิตรวม 61 นาย


