xs
xsm
sm
md
lg

โป๊ปวอนขอชาวคริสต์อย่าทิ้ง “เลบานอน” ถึงแม้หลายปีที่ผ่านมาจะเกิดความขัดแย้งเสียเลือดเสียเนื้อระหว่างเสด็จเยือนตะวันออกกลางครั้งแรก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์/เอพี – สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 14 ทรงเสด็จเยือนตะวันออกกลางที่เลบานอนเป็นครั้งแรกตั้งแต่ทรงดำรงตำแหน่งพระประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกเมื่อต้นปี เรียกร้องให้คริตชนยังคงอาศัยอยู่ในเลบานอนที่ถือว่ามีชุมชนชาวคริสต์อาศัยในภูมิภาคมากที่สุดแม้ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันยังเกิดความขัดแย้งสูญเสียเลือดเนื้อรวมถึง อิสราเอลโจมตีฮิซบอลเลาะฮ์สังหารผู้นำไปและภัยคุกคามจากกลุ่มก่อการร้าย IS ก็ตาม

ดิอินดีเพนเดนท์ของอังกฤษรายงานวันจันทร์(1 ธ.ค)ว่า สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 14 เสด็จมาถึงเลบานอนในวันอาทิตย์(30 พ.ย) หลังจากเสด็จเยือนตุรกีในการเสด็จต่างประเทศเป็นครั้งแรกตั้งแรกทรงรับตำแหน่งเมื่อต้นปีหลังอดีตสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสสิ้นพระชนม์ในวันจันทร์อีสเตอร์ที่ 21 เม.ยที่ผ่านมา

ในการเสด็จเยือนตุรกี อ้างอิงจาก เลอมงด์ ของฝรั่งเศสพบว่า พระองค์ทรงพบประธานาธิบดีตุรกี เรเจป ไตยิป แอร์โดอัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 พ.ยในกรุงอังการา และได้ประทับอยู่ในตุรกีเป็นเวลา 3 วัน 

โดยที่กรุงอิสตันบูลพบว่า โป๊ปชาวอเมริกันทรงเลือกการใช้คำพูดอย่างระมัดระวังและทรงหลีกเลี่ยงไม่ให้มีความผิดพลาดใดๆในประเทศที่มีความตรึงเครียดทางศาสนา 

 ซึ่งที่นี่ทรงร่วมพิธีทางศาสนาของนิกายออร์โธด็อกซ์ในวันศุกร์(28 พ.ย) เอพีชี้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของการเป็นความหนึ่งเดียวระหว่างศาสนาคริสต์นิกายตะวันตกและศาสนาคริสต์นิกายตะวันออก และพระองค์ยังเสด็จไปมัสยิดสีฟ้า(Blue Mosque) ในเมืองอิสตันบูลโดยเป็นที่ฮือฮาเมื่อพระองค์ทรงถอดรองพระบาทแต่ไม่ได้ทรงสวดภาวนาแต่อย่างใด

เอพีรายงานว่า อิหม่าม อัสกิน ตุนกา (Asgin Tunca) เปิดเผยว่าได้เชื้อเชิญให้โป๊ปลีโอทรงภาวนาเนื่องมาจากเป็นบ้านพระอัลเลาะห์แต่โป๊ปลีโอทรงปฎิเสธและกลายเป็นข่าวดังรายงานไปทั่ว พระองค์เสด็จมาเยือนที่มัสยิดเก่าแก่ย้อนไปตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 แห่งนี้ตามรอยโป๊ปพระองค์ก่อนๆที่เสด็จมาเยือนเพื่อเป็นเกียรติแสดงความเป็นมิตรภาพระหว่างศาสนาในดินแดนเติร์ก

ระหว่างประทับบนเครื่องบินจากตุรกีสู่เลบานอน เอพีรายงานว่า สมเด็จพระสันตะปาปาลีโอทรงยืนยันอย่างหนักแน่นในการสนับสนุนทางออก 2 ประเทศคู่ขนานหรือ two-state solution เพื่อแก้ไขความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ โดยตรัสว่าเป็นแค่ทางออกเดียวเท่านั้นที่จะสามารถรับรองสันติภาพของทั้ง 2 ฝ่ายได้และในการตอบคำถามกับนักข่าวบนเครื่องบินนี้ พระองค์ทรงยืนยันว่า ได้มีการหารือประเด็นสงครามในกาซาและยูเครนร่วมกับผู้นำตุรกี

และในพระสารของพระองค์ต่อประชาชนชาวคริสต์ที่กรุงเบรุต ดิอินดีเพนเดนท์รายงานว่า โป๊ปทรงท้าท้ายบรรดาผู้นำการเมืองต่างๆให้วางความแตกต่างของตัวเองและกระทำเหมือนเป็นผู้สร้างสันติภาพและในเวลาเดียวกันทรงตรัสวอนขอให้ชาวคริสต์ทั้งหลายในประเทศอย่าละทิ้งเลบานอนอพยพออกไป

สื่ออังกฤษรายงานว่า ชาวคริสต์คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของประชากรเลบานอนทั้งหมด 5 ล้านคน และส่งผลทำให้ประเทศเล็กๆแห่งนี้มีสัดส่วนจำนวนชาวคริสต์สูงสุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง

เลบานอนกลายเป็นประเทศอาหรับเพียงประเทศเดียวที่ตำแหน่งประธานาธิบดีต้องเป็นชาวคริสต์นิกายมาโรไนท์(Maronite Christian) เกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงแบ่งอำนาจนับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสเมื่อปี 1943

และชาวคริสต์ทั้งหลายยังคงอดทนอาศัยอยู่ในเลบานอนถึงแม้เกิดขึ้นในช่วงกลุ่มก่อการร้าย IS รุ่งเรืองและส่งผลทำให้ชาวคริสต์จำนวนมากในอิรักและซีเรียที่อาศัยมาตั้งแต่ยุคโบราณต้องอพยพออกไป

การอพยพออกของชาวคริสต์ในเลบานอนเป็นที่วิตกสำหรับวาติกันเนื่องมาจากการปรากฎตัวของชาวคริสต์ที่นั่นเป็นเหมือนกำแพงป้องกันสำหรับคริสตจักรภายในภูมิภาค

“พวกเราจะคงอาศัยที่นี่” เมย์ นูน (May Noon) ผู้แสวงบุญชาวคริสต์ที่เฝ้ารอสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 14 อยู่ด้านนอกโบสถ์ St Charbel Monastery แสดงความเห็น

และกล่าวต่อว่า “ไม่มีใครสามารถถอนรากพวกเราจากประเทศแห่งนี้ พวกเราต้องอาศัยอยู่ที่นี่เหมือนเป็นพี่น้องเพราะคริสตจักรไม่มีศัตรู”

บิชอป อองตวน-ชาร์เบล ทาราเบย์ (Antoine-Charbel Tarabay) มาพร้อมชาวเลบานอนพลัดถิ่นในออสเตรเลียเพื่อรอต้อนรับและร่วมสวดภาวนาเพื่อสันติภาพร่วมกับพระองค์ และยังเป็นการเสริมความแข็งแกร่งในการปรากฏตัวของชาวคริสต์ในภูมิภาค
ซึ่งในวันจันทร์(1)พบว่าโป๊ปลีโอทรงได้สวดภาวนาที่หลุมฝังศพของเซนต์ชาวเลบานอน St Charbel Makhlouf ที่เป็นที่เคารพทั้งในหมู่ชาวคริสต์และชาวมุสลิม

เสียงระฆังดังกังวานไปทั่วระหว่างรถโป๊ปโมไบล์ของพระองค์วิ่งผ่านสาธุชนชาวคริสต์จำนวนมากที่เฝ้ารอรับเสด็จและฝนที่ตกลงมาในตามเส้นทางจากรุงเบรุตเข้าสู่อันนายา(Annaya)ราว 40 ก.ม

โดยมีบางส่วนโบกธงชาติเลบานอนและธงวาติกันและโปรยกลีบดอกไม้และข้าวมาที่รถของพระองค์อันเป็นสัญลักษณ์ถึงการต้อนรับในระหว่างที่พระองค์ทรงเสด็จใกล้เข้ามา


กำลังโหลดความคิดเห็น