ประธานาธิบดี ไล่ ชิงเต๋อ ระบุในบทความแสดงความคิดเห็นของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ว่า ไต้หวันจะเสนองบประมาณกลาโหมเพิ่มเติม 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการป้องกันตนเอง โดยมีแผนจะจัดซื้ออาวุธใหม่จากสหรัฐฯ “จำนวนมาก”
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่จีนซึ่งมองว่าไต้หวันซึ่งปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยว่าเป็นดินแดนของตนเอง ได้เพิ่มแรงกดดันทางทหารและการเมืองในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเพื่อยืนยันการอ้างสิทธิของตน ซึ่งฝ่ายไทเปปฏิเสธอย่างหนักแน่น
อย่างไรก็ตาม ไต้หวันก็เผชิญกับข้อเรียกร้องจากสหรัฐฯ ให้ต้องใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแรงกดดันจากสหรัฐฯ ที่มีต่อยุโรป
ในเดือน ส.ค. ไล่ แสดงความคาดหวังว่าการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศของไต้หวันจะสูงถึง 5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ภายในปี 2030
“มาตรการสำคัญนี้ไม่เพียงแต่จะสนับสนุนการจัดหาอาวุธใหม่จำนวนมากจากสหรัฐฯ เท่านั้น แต่ยังช่วยยกระดับศักยภาพในการรบแบบอสมมาตรของไต้หวันได้อย่างมาก” ไล่ เขียนไว้ในบทความของวอชิงตันโพสต์ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอังคาร (25) ตามเวลาสหรัฐฯ
"ในการดำเนินการดังกล่าว เรามุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างการป้องปราม โดยเพิ่มต้นทุนและความไม่แน่นอนที่มากขึ้นหากปักกิ่งตัดสินใจที่จะใช้กำลังกับเรา" เขากล่าว
ก่อนหน้านี้ ไล่ ชิงเต๋อ เคยประกาศว่าจะเสนองบประมาณด้านกลาโหมเพิ่มเติม ทว่าไม่ได้ให้รายละเอียด
สำหรับปี 2026 รัฐบาลไต้หวันเสนองบประมาณด้านกลาโหมสูงถึง 949,500 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน (30,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยจากตัวเลขของรัฐบาลแสดงให้เห็นว่า อยู่ที่ 3.32% ของ GDP ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 3% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2009
สหรัฐอเมริกามีพันธกรณีตามกฎหมายที่จะต้องจัดหาเครื่องมือป้องกันตนเองให้กับไต้หวัน แม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการก็ตาม
แต่นับตั้งแต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งเทอมสอง รัฐบาลของเขาได้อนุมัติการขายอาวุธใหม่ให้กับไต้หวันเพียงครั้งเดียว ซึ่งเป็นแพ็คเกจมูลค่า 330 ล้านดอลลาร์สำหรับเครื่องบินขับไล่และชิ้นส่วนเครื่องบินอื่นๆ ที่ประกาศเมื่อต้นเดือนนี้
“เรารู้สึกขอบคุณที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความสำคัญของความเป็นผู้นำของอเมริกาทั่วโลก ประชาคมโลกมีความปลอดภัยมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะรัฐบาล ทรัมป์ แสวงหาสันติภาพด้วยความแข็งแกร่ง” ไล่ ระบุ
ไล่ เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะแสวงหาการเจรจากับจีน ซึ่งที่ผ่านมาปฏิเสธการติดต่อของเขามาหลายครั้ง โดยปักกิ่งประณาม ไล่ ว่าเป็น “นักแบ่งแยกดินแดน”
“แม้ว่าเราจะยังคงแสวงหาโอกาสในการเจรจาข้ามช่องแคบต่อไป ด้วยความเข้าใจว่าประชาธิปไตยและเสรีภาพของเรายังคงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถต่อรองได้ แต่เรายังคงยึดมั่นในความเป็นจริงมากกว่าแค่ความคิดเพ้อฝัน ดังที่บางคนได้กล่าวไว้” ไล่ กล่าว
ที่มา: รอยเตอร์


