หวัง อี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีน ชี้ว่าเป็นเรื่อง "น่าตกใจ" ที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นส่งสัญญาณอันผิดพลาดเกี่ยวกับไต้หวันอย่างเปิดเผย ตามถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการของ หวัง เมื่อวันอาทิตย์ (23 พ.ย.) ซึ่งถือเป็นข้อคิดเห็นล่าสุดในข้อพิพาทที่สั่นคลอนความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นอย่างหนักมานานกว่า 2 สัปดาห์
หวัง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของจีนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะเกี่ยวกับประเด็นนี้ กล่าวว่าญี่ปุ่นกำลัง "ข้ามเส้นแดงที่ไม่ควรแตะต้อง" ตามคำแถลงที่โพสต์บนเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศจีน
เขายังกล่าวหานายกรัฐมนตรี ซานาเอะ ทาคาอิจิ แห่งญี่ปุ่นว่าพยายามใช้มาตรการแทรกแซงทางทหารเรื่องไต้หวัน โดยอ้างถึงความคิดเห็นเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ ทาคาอิจิ ได้กล่าวกับผู้ซักถามในสภาไดเอตว่า การโจมตีไต้หวันโดยจีนอาจกระตุ้นให้โตเกียวตัดสินใจใช้มาตรการตอบโต้ทางทหาร
ข้อพิพาทที่ตามมา ซึ่งเป็นวิกฤตการณ์จีน-ญี่ปุ่นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี ได้ลุกลามไปสู่ความสัมพันธ์ทางการค้าและวัฒนธรรม และเมื่อวันศุกร์ (21) จีนได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาหารือกับ อันโตนิโอ กูเตียร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ พร้อมให้ยืนยันว่าจีนจะปกป้องตนเองอย่างเต็มที่
ปักกิ่งมองว่าไต้หวันซึ่งปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของจีน และไม่เคยตัดความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังเพื่อยึดครองเกาะแห่งนี้ ในขณะที่ทางการไต้หวันปฏิเสธข้อกล่าวอ้างของปักกิ่ง และย้ำว่ามีเพียงชาวไต้หวันเท่านั้นที่สามารถกำหนดอนาคตของตนเองได้
กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นได้ออกมาตอบโต้จดหมายที่ส่งถึงสหประชาชาติเมื่อวันเสาร์ (22) โดยระบุว่า ข้อกล่าวอ้างของจีน "เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง" และยืนยันว่าความมุ่งมั่นของญี่ปุ่นในการสร้างสันติภาพยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
หลังเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม G20 ทาคาอิจิ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในแอฟริกาใต้เมื่อวันอาทิตย์ (23) โดยไม่ได้เอ่ยถึงคำพูดของ หวัง อี้ หรือจดหมายดังกล่าว โดยกล่าวเพียงว่าญี่ปุ่นยังคงเปิดกว้างสำหรับการเจรจากับจีน
“เราไม่ได้ปิดประตู แต่สิ่งสำคัญคือญี่ปุ่นต้องระบุอย่างชัดเจนถึงสิ่งที่จำเป็นต้องพูด” เธอกล่าว พร้อมเสริมว่ายังไม่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี หลี่ เฉียง ของจีน ซึ่งเข้าร่วมการประชุมที่โจฮันเนสเบิร์กเช่นกัน
ด้านกระทรวงการต่างประเทศไต้หวันประณามจดหมายที่จีนส่งถึงสหประชาชาติเมื่อวันอาทิตย์ (23) ที่ผ่านมา
“จดหมายฉบับนี้ไม่เพียงแต่มีเนื้อหาหยาบคายและไม่สมเหตุสมผลเท่านั้น แต่ยังบิดเบือนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์อย่างมุ่งร้ายอีกด้วย” กระทรวงฯ ระบุ “ยิ่งไปกว่านั้น จดหมายฉบับนี้ยังละเมิดมาตรา 2(4) ของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งห้ามการคุกคามหรือใช้กำลังในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ”
หวัง กล่าวว่า ในการตอบโต้ความเคลื่อนไหวของญี่ปุ่น “จีนต้องใช้มาตรการอย่างเด็ดขาด ไม่เพียงเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนเท่านั้น แต่ยังต้องปกป้องความสำเร็จหลังสงครามที่ได้มาอย่างยากลำบาก ซึ่งได้มาด้วยเลือดและการเสียสละ”
เขาเตือนว่า หากญี่ปุ่น “ยังคงดำเนินรอยตามเส้นทางที่ผิด และยังเดินต่อไปในเส้นทางนี้” ทุกประเทศและชนชาติก็มีสิทธิที่จะ “ทบทวนอาชญากรรมทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น” และ “ยับยั้งการกลับมาของลัทธิทหารญี่ปุ่นอย่างเด็ดขาด”
จีนถือเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น รองจากสหรัฐอเมริกา โดยมีการนำเข้าสินค้าญี่ปุ่นมูลค่าประมาณ 125,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 โดยส่วนใหญ่คืออุปกรณ์อุตสาหกรรม เซมิคอนดักเตอร์ และรถยนต์ ตามข้อมูลของ UN COMTRADE
ที่มา: รอยเตอร์


