xs
xsm
sm
md
lg

ยูเครนกำลังพยายามสุดฤทธิ์เพื่อดึงลากสงครามให้แผ่ขยายไปในยุโรป หวังเป็นหนทางพาตัวเองให้รอดพ้นการพังครืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สตีเฟน ไบรเอน


ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ขณะไปตรวจเยี่ยมบังเกอร์บังคับบัญชาสั่งการแห่งหนึ่งในแคว้นซาโปริซเซีย  (ภาพเผยแพร่โดยสำนักงานประธานาธิบดียูเครน)
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ https://asiatimes.com/2025/11/ukraine-is-entering-the-danger-zone-will-nato-the-us-intervene/)

Ukraine is entering the danger zone: Will NATO, the US intervene?
by Stephen Bryen
19/11/2025

ยูเครนกำลังใช้พวกหน่วยงานปฏิบัติการลับของตนซึ่งอยู่ในสภาพทำงานจนเกินกำลังอยู่แล้ว มาสร้างเรื่องยั่วยุต่างๆ ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้สงครามแผ่ลามเข้าไปในยุโรป และกอบกู้ช่วยเหลือระบอบปกครองของยูเครนให้พ้นจากภาวะพังครืนซึ่งทำท่าใกล้จะเกิดขึ้นเต็มที

เวลานี้ยูเครนกำลังย่างเข้าสู่เขตอันตราย กองทัพของประเทศนี้กำลังขาดแคลนทั้งกำลังพลและยุทโธปกรณ์ และที่แย่ไปกว่านั้นคือ ส่วนสำคัญๆ ของกองทัพนี้ยังติดอยู่ในกับดักถูกกองกำลังรัสเซียปิดล้อมเอาไว้

แน่นอนว่านี่รวมถึงโปครอฟสก์ (Pokrovsk) ตลอดจนซาโปริซเซีย (Zaporizhzhia) และพื้นที่อื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง ขณะเดียวกัน รัสเซียยังคงถล่มโจมตีพวกโครงสร้างพื้นฐานสำคัญยิ่งยวดของยูเครนอย่างต่อเนื่อง เมื่อไปถึงจุดหนึ่ง บริการทางสาธารณูปโภคตามปกติทั้งหลายทั้งปวงก็จะต้องล่มสลายลงอย่างสิ้นเชิง

พวกหน่วยข่าวกรองของฝ่ายตะวันตก (น่าเสียดายที่มักจะเสนอการประเมินซึ่งผ่านการปรับแต่งให้ตรงกับสิ่งที่พวกผู้บังคับบัญชาของพวกเขาอยากฟัง) กำลังตระหนักถึงความเป็นจริงกันแล้วว่า ในยูเครนนั้น สิ่งที่เลวร้ายมากๆ กำลังใกล้จะปรากฏออกมาให้เห็นกันแล้ว

มันไม่แน่ไม่นอนเอาเลยว่า กองทัพยูเครนจะยังสามารถรักษาความเป็นองค์กรที่ยึดโยงประสานกันอย่างมั่นคงเอาไว้ได้อีกนานเพียงใด แต่เรื่องที่มีการหนีทหารกันเป็นจำนวนมาก และอัตราการบาดเจ็บล้มตายซึ่งสูงลิ่วนั้น เป็นสิ่งที่ทราบกันดีอยู่แล้วของบรรดาพลเมืองชาวยูเครนภายในประเทศ ซึ่งถึงอย่างไรก็เป็นผู้ที่ต้องจ่ายราคาของการทำสงครามครั้งนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ขณะเดียวกัน ยูเครนก็กำลังพยายามอย่างเต็มที่ โดยมีการใช้พวกหน่วยปฏิบัติการลับทั้งหลายของตนซึ่งทำงานกันอย่างเกินกำลังกันทีเดียว เพื่อสร้างแรงยั่วยุที่จะทำให้สงครามขยายออกไปยังยุโรป และช่วยเหลือระบอบปกครองของยูเครนให้พ้นความหายนะ

ในระยะเร็วๆ นี้มีตัวอย่างอยู่ 2 กรณีซึ่งชี้ให้เห็นถึงความบ้าคลั่งดังกล่าวนี้

กรณีแรกคือการทิ้งระเบิดเส้นทางรถไฟของโปแลนด์สายวอร์ซอ-ลูบลิน (Warsaw-Lublin) ที่ถูกใช้ในการขนส่งยุทธสัมภาระจำนวนมหาศาลไปยังยูเครน ตอนแรกๆ พวกผู้นำโปแลนด์พากันชี้นำกล่าวโทษรัสเซีย [1] ว่าเป็นผู้กกระทำการอันชั่วร้ายครั้งนี้ ซึ่งพวกเขาเรียกมันว่าเป็น "พฤติการณ์การก่อวินาศกรรมอย่างชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" ทว่ามาถึงเวลานี้ กลับมีการพลิกคดีโดยที่ผู้กระทำอย่างอาจหาญเช่นนี้ก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นตัวนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสก์ (Donald Tusk) ของโปแลนด์เองทีเดียว

ทั้งนี้หลังจากเขาได้เดินทางอย่างน่าตื่นตาตื่นใจไปเยือนสถานที่เกิดเหตุระเบิดทางรถไฟคราวนี้ พร้อมกับชี้นิ้วกล่าวโทษไปที่ ปูติน และพวกมือปฏิบัติการด้านข่าวกรองของรัสเซียแล้ว ตอนนี้ ทุสก์ แสดงท่าทีกลับลำเสียแล้วอย่างน้อยก็บางส่วน

มันเป็นฝีมือของพวกยูเครนที่ลงมือก่อวินาศกรรมครั้งนี้ขึ้น [2] ทุสก์ประกาศ ถึงแม้เขายังยืนยันโยงเรื่องต่อไปด้วยว่า กลุ่มคนร้ายชาวยูเครนเหล่านี้กระทำการโดยร่วมมือประสานงานกับหน่วยข่าวกรองรัสเซีย

เรายังคงจะต้องเฝ้าติดตามกันต่อไปว่า ทุสก์ จะสามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงการร่วมมือประสานงานกันเช่นนี้ได้หรือไม่

ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวว่า เอฟเอสบี (FSB) องค์การหลักของรัสเซียที่ดูแลรับผิดชอบด้านความมั่นคงภายใน โดยครอบคลุมถึงงานต่อสู้ตอบโต้ทางการข่าวกรอง และการต่อสู้การก่อการร้ายด้วยนั้น สามารถทำลายแผนอุบายของฝ่ายยูเครนที่จะลอบสังหารเจ้าหน้าที่รัสเซียอาวุโสสูงมากผู้หนึ่ง หนังสือพิมพ์รัสเซียชื่อ มอสคอฟสกีจ์ คอมโซโมเลตส์ (Moskovskij Komsomolets) รายงานว่า เป้าหมายที่ถูกเล็งเล่นงานผู้นี้ก็คือ เซียร์เก ชอยกู (Sergey Shoighu) ผู้เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมของรัสเซียในช่วงระหว่างปี 2012 ถึง 2024 และปัจจุบันเป็นเลขาธิการ (ซึ่งก็คือเป็นประธาน) ของสภาความมั่นคง (Security Council) ของรัสเซีย

อีกกรณีหนึ่งที่บวกเข้ามาในเหตุการณ์ผสมผเสอีนุงตุงนังคราวนี้ด้วย ได้แก่กรณีของโรงกลั่นน้ำมันใหญ่ที่สุดของฮังการีที่เมืองซาชาลอมบัตตา (Százhalombatta) ซึ่งได้รับการระบุว่าถูกโจมตี ทั้งนี้โรงกลั่นแห่งนี้เป็นจุดที่ดำเนินการกลั่นน้ำมันดิบรัสเซีย ซึ่งส่งมาตามสายท่อส่งน้ำมัน ดรูซบา (Druzhba pipeline) ขณะที่ ดรูซบา เป็นสายท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ ซึ่งนำน้ำมันดิบแดนหมีขาวไปสู่หลายๆ ประเทศทางยุโรปตะวันออก ทั้ง ยูเครน, เบลารุส, โปแลนด์, ฮังการี, สโลวาเกีย, สาธารณรัฐเช็ก, และเยอรมนี และได้เคยตกเป็นเป้าหมายโจมตีของยูเครนมาก่อนหน้านี้

บางทีมันยังอาจจะเกี่ยวข้องกับรายงานซึ่งปรากฏขึ้นมาบ่อยครั้งมากในระยะหลังๆ นี้ เรื่องที่มีโดรนซึ่งไม่สามารถระบุอัตลักษณ์ได้ ถูกส่งออกมาบินใกล้ๆ กับพวกสถานที่ทางทหารซึ่งมีความอ่อนไหวสูง, ตลอดจนพวกโรงงานผลิตอาวุธ, และฐานทัพทหารในหลายๆ ประเทศของยุโรป โดยที่ทางยุโรปมักจะกล่าวโทษอยู่เป็นประจำว่าโดรนเหล่านี้คือฝีมือของรัสเซียถึงแม้ไม่มีการแสดงหลักฐานอันแน่ชัดออกมายืนยันรองรับ ดังนั้น หาก "การค้นพบ" ล่าสุดของโปแลนด์คราวนี้สามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้อะไรได้แล้ว โดรนเหล่านี้อาจกลับกลายเป็นแผนการยั่วยุอีกอย่างหนึ่งของยูเครนก็ได้

แนวคิดเบื้องหลังของสิ่งต่างๆ ทั้งหมดเหล่านี้ก็ตรงไปตรงมา ไม่ได้มีความสลับซับซ้อนเลย ยูเครนอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่เต็มทีและมีโอกาสรอดชีวิตต่ำมาก สิ่งที่ยูเครนต้องการ หากสามารถทำได้ คือการที่นาโต้เข้ามาแทรกแซงทางทหาร เพื่อช่วยยูเครนให้รอดพ้นจากความหายนะทางทหาร

ถึงแม้พวกบุคลากรของนาโต้และเหล่าผู้นำยุโรปที่สนับสนุนยูเครนทั้งหลายจะมีการพูดจาอย่างองอาจกล้าหาญอย่างไรก็ตามที แต่นาโต้กำลังอยู่ในสภาพขาดความพร้อมในการทำสงคราม นี่คือสิ่งที่มองเห็นกันได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ นาโต้ไม่มีคลังแสงซึ่งมีอาวุธสะสมเอาไว้อย่างเหมาะสมเพียงพอ, กองทหารที่พรักพร้อมสู้รบก็มีน้อยเต็มที, รวมทั้งขาดแคลนโดรนและอุปกรณ์สำคัญยิ่งยวดอย่างอื่นๆ ในจำนวนเพียงพอสำหรับการประกอบให้แก่กองทหารที่จะจัดส่งไปทำการสู้รบในยูเครน

ถ้าหากบอกว่ากองทหารยูเครนถูกนำออกมาใช้งานกันจนเกือบหมดสิ้นแล้ว ส่วนรัสเซียนั้นมีทหารราว 700,000 นายประจำอยู่ตามแนวรบที่ยาวเหยียด แล้วนาโต้ซึ่งหน่วยทหารระดับกองพลน้อยอยู่เพียงไม่กี่กองพลน้อยจะสามารถเข้าร่วมทำสงครามด้วยได้อย่างไร จริงอยู่ที่นาโต้มีเครื่องบินรบชั้นดีไม่ใช่น้อย แต่รัสเซียมีก็ระบบป้องกันภัยทางอากาศอันแน่นหนาแข็งแรงที่เครื่องบินรบของนาโต้จะต้องเผชิญ

ยิ่งไปกว่านั้น กองกำลังนาโต้ยังไม่ได้ผ่านการฝึกฝนให้ปฏิบัติการในสภาพแวดล้อมของการสู้รบแบบใหม่ ซึ่งเรื่องการใช้โดรน, ระเบิดติดอุปกรณ์นำวิถี (glide bomb), และขีปนาวุธความแม่นยำสูงกันอย่างมหาศาล กลายเป็นตัวกำหนดพื้นที่แนวหน้าของการทำศึก

(ขอบันทึกเอาไว้ ณ ที่นี้ว่า มีข่าวลือว่าฝรั่งเศสจะส่งนักบินกองทัพอากาศฝรั่งเศสไปให้ยูเครน ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้สวมเครื่องแบบฝรั่งเศสก็ตาม การปฏิบัติเช่นนี้ถือเป็นกลอุบายเก่าแก่อย่างหนึ่งซึ่งรัสเซียได้เคยใช้ในสงครามเกาหลี รวมทั้งใช้ในการต่อต้านในอียิปต์เมื่อปี 1970 นอกจากนั้นแล้ว เซเลนสกี กับ ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ยังเพิ่งลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงที่ยูเครนจะซื้อเครื่องบินขับไล่ ราฟาล Rafale จำนวนมากกว่า 100 ลำ ถึงแม้ยังไม่ชัดเจนว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบจ่ายเงินในเรื่องนี้)

สิ่งที่อยู่ลึกลงไปเบื้องหลังการก่อวินาศกรรมในโปแลนด์อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ตลอดจนเรื่องที่ยูเครนกำลังย่างเข้าสู่เขตพื้นที่อันตรายนั้น แท้ที่จริงแล้วคือมันคือพวกปัจจัยซึ่งเกี่ยวข้องกับสิ่งที่สหรัฐฯ อาจกระทำหรือไม่กระทำ เมื่อเผชิญกับการล่มสลายของยูเครนที่กำลังใกล้เข้ามาทุกที โดยคำถามสำคัญก็คือ ทรัมป์จะส่งกองกำลังสหรัฐฯ ไปทำสงครามในยูเครนหรือไม่?

การส่งกองกำลังสหรัฐฯ เข้าไปสู้รบกอย่างจริงจังในยูเครน ย่อมจะจุดชนวนให้เกิดสงครามในยุโรปและพื้นที่เลยไกลออกไปอีกอย่างแน่นอน แล้วมันจะได้ผลหรือไม่?

กองกำลังภาคพื้นดินของสหรัฐฯ ก็ไม่ได้ดีกว่ากองกำลังนาโต้มากมายอะไรนัก สหรัฐฯจำเป็นต้องหาวิธีการในการให้ความสนับสนุนกองทหารอเมริกันที่จะส่งเข้าไปอยู่ในยูเครน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเส้นทางลำเลียงในปัจจุบันซึ่งได้รับการปกป้องด้วยเขตพรมแดน (นั่นคือ เวลานี้รัสเซียยังไม่เข้าโจมตีเส้นทางลำเลียงเหล่านี้ส่วนที่ไม่ได้อยู่ในยูเครน -ผู้แปล) ต้องเผชิญกับการโจมตีของรัสเซียและเกิดการหยุดชะงักครั้งใหญ่ บทเรียนจากประวัติศาสตร์ของพวกกองทหารต่างชาติที่ถูกส่งออกไปสู้รบในยุโรปที่ผ่านมา ไม่ใช่เป็นสิ่งซึ่งแนะนำสนับสนุนให้เดินหน้าในเรื่องนี้หรอก กองทหารส่งออกไปรบในแผ่นดินใหญ่ยุโรปของสหราชอาณาจักร พ่ายแพ้ให้กับเยอรมนีถึง 2 ครั้ง ทั้งในสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามโลกครั้งที่ 2

อันตรายสำคัญในพื้นที่อันตรายอย่างที่กล่าวมานี้ ก็คือการที่ความยุ่งหยิงวุ่นวายในยูเครนจะพัฒนากลายพันธุ์ไปเป็นสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าเดิมมาก รวมทั้งก่อให้เกิดความสะดุดติดขัดและสร้างความเสียหายถึงชีวิตมากยิ่งขึ้น จนถึงปัจจุบัน รัสเซียกับสหรัฐฯเข้าเกี่ยวข้องพัวพันอยู่ในการสู้รบขัดแย้งโดยอาศัยตัวแทนเท่านั้น ทว่ายังไม่ได้มีการเผชิญหน้ากันโดยตรง ทั้งสองประเทศต่างเป็นมหาอำนาจทางนิวเคลียร์ และแต่ละประเทศต่างมีสมรรถนะในการทำลายล้างชนิดที่ไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน

ในสงครามโลกครั้งที่ 1 มีผู้เสียชีวิตทั้งที่เป็นทหารและพลเรือนประมาณ 37 ล้านคน ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 70-85 ล้านคน

เวลานี้ มันไม่มีโอกาสอย่างแท้จริงใดๆ เลยสำหรับการเจรจาเพื่อยุติการสู้รบขัดแย้งครั้งนี้ ทรัมป์พบกับอุปสรรคใหญ่มโหฬารหลังจากการประชุมสุดยอดระหว่างเขากับปูตินที่อะแลสกา เมื่อ เซเลนสกี และฝ่ายยุโรปส่วนใหญ่ปฏิเสธไม่เอาด้วยกับการที่ทรัมป์จะผลักดันให้ทำข้อตกลงว่าด้วยดินแดนใดๆ เพื่อยูเครน และดังนั้น คำสัญญาของทรัมป์ที่ให้แก่ปูตินจึงไม่สามารถบรรลุผลได้ในทันที

ประธานาธิบดีทรัมป์จะตกอยู่ใต้แรงกดดันอย่างหนักหน่วงจากพวกชาติพันธมิตรนาโตให้เข้าช่วยเหลือกอบกู้ยูเครนให้อยู่รอดต่อไป แต่การที่เขาจะยอมทำอะไรในเรื่องนี้ต้องถือเป็นความผิดพลาดซึ่งร้ายแรงยิ่งยวด

สตีเฟน ไบรเอน เป็นผู้สื่อข่าวอาวุโสของเอเชียไทมส์ และเป็นอดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหมฝ่ายนโยบายของสหรัฐฯ ข้อเขียนชิ้นนี้ทีแรกสุดปรากฏอยู่บนจดหมายข่าว Weapons and Strategy ในแพลตฟอร์ม Substack ของเขา

เชิงอรรถ

[1] https://www.wsj.com/world/europe/poland-says-rail-explosion-was-act-of-sabotage-d9f6b877?gaa_at=eafs&gaa_n=AWEtsqfq0PsVvX2X2u3bq8Uq7ZZPack4Rtvvl8oln-YPbI7Xa_6NyR92Iv7K-0ifYz4%3D&gaa_ts=691cc620&gaa_sig=Ui2aoPXhCtK5zvueGsEdyLe9n8VVOQyK0mEU6W6BbWAjxPYLW9NxYpqPMd9azovclwKKamWHpF4Yk-DAcjPSLA%3D%3D
[2] https://news.sky.com/story/ukraine-war-latest-russia-ukrainian-drones-massive-attack-putin-zelenskyy-trump-12541713

นายกรัฐมนตรี โดนัลด์ ทุสก์ ของโปแลนด์ (ที่2 จากขวา) ขณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมสถานที่เกิดเหตุระเบิดรางรถไฟ ที่หมูบ้านมิกา, โปแลนด์ เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน
หมายเหตุผู้แปล

เกี่ยวกับกรณีที่โปแลนด์บอกว่าเกิดเหตุวินาศกรรมทางรถไฟสายวอร์ซอ-ลูบลิน โดยกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของรัสเซีย ถึงแม้ต่อมาจะมีการกลับลำบางส่วนนั้น ผู้แปลขอเก็บความรายงานข่าวเรื่องนี้ของสำนักข่าวรอยเตอร์มาเสนอเพิ่มเติมในที่นี้ โดยที่บวกข้อมูลบางส่วนจากรายงานของเดอะการ์เดียนเข้าไปด้วย ดังนี้


นายกฯโปแลนด์ระบุ 2 ผู้ต้องสงสัยระเบิดทางรถไฟ ทำงานให้หน่วยข่าวกรองรัสเซีย
โดย สำนักข่าวรอยเตอร์

Polish PM says two responsible for railway blast worked for Russian intelligence
By Anna Wlodarczak-Semczuk and Pawel Florkiewicz, Reuters
18/11/2025

วอร์ซอ-โปแลนด์สามารถระบุตัวบุคคล 2 คนที่รับผิดชอบก่อเหตุระเบิดเพื่อเล่นงานเส้นทางรถไฟซึ่งมุ่งไปยังยูเครนแล้ว นายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสก์ แถลงเช่นนี้ในวันอังคาร (18 พ.ย.) โดยบอกต่อไปด้วยว่า ทั้งคู่เป็นชาวยูเครนแต่สมรู้ร่วมคิดกับหน่วยข่าวกรองรัสเซียมานาน และเวลานี้ได้หลบหนีไปยังเบลารุสแล้ว

เหตุระเบิดที่เส้นทางรถไฟ วอร์ซอ-ลูบลิน (Warsaw-Lublin line) ซึ่งต่อเชื่อมเมืองหลวงของโปแลนด์กับชายแดนยูเครน บังเกิดขึ้นภายหลังเกิดระลอกของการลอบวางเพลิง, การก่อวินาศกรรม, และการโจมตีทางไซเบอร์ ทั้งในโปแลนด์และประเทศยุโรปอื่นๆ นับตั้งแต่สงครามในยูเครนเริ่มต้นขึ้น

วอร์ซอ กำลังป่าวร้องว่าโปแลนด์ได้กลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายใหญ่ที่สุดของมอสโกไปแล้ว สืบเนื่องจากบทบาทของประเทศนี้ในการเป็นศูนย์กลางแห่งหนึ่งสำหรับการส่งความช่วยเหลือไปให้เคียฟ

“ข้อมูลข่าวสารที่สำคัญที่สุดก็คือว่า ... เราสามารถระบุตัวบุคคลที่รับผิดชอบสำหรับพฤติการณ์ก่อวินาศกรรมนี้” ทุสก์ บอกกับพวกสมาชิกสภาล่างของโปแลนด์ และกล่าวต่อไปว่าทั้งคู่เป็นชาวยูเครนที่ได้สมรู้ร่วมคิดกับหน่วยข่าวกรองรัสเซียมาเป็น “เวลานาน”

“ในเหตุการณ์ทั้ง 2 กรณี เรามีความแน่ใจว่า ความพยายามที่จะระเบิดทำลายราง และการกระทำละเมิดโครงสร้างพื้นฐานด้านรางรถไฟ ต่างเป็นเรื่องที่พวกเขามีเจตนาตั้งใจ และจุดมุ่งหมายของพวกเขาก็คือการทำให้การจราจรทางรถไฟประสบความหายนะ” นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ย้ำ

สำหรับทางรัสเซียนั้นได้ปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำอีกในเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้รับผิดชอบสำหรับพฤติการณ์ก่อวินาศกรรม และในวันอังคาร (18 พ.ย.) ทำเนียบเครมลินก็ได้บอกปัดไม่ยอมรับข้อกล่าวหาที่ว่ามีส่วนพัวพันเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้

“รัสเซียถูกกล่าวหาในทุกๆ กรณีที่ทำท่าว่าจะเกิดขึ้นจากสงครามไฮบริดและจากสงครามตรงๆ ” ดมิตริ เปสคอฟ (Dmitry Peskov) โฆษกทำเนียบเครมลินพูดเชิงเสียดสีกับผู้สื่อข่าวของสถานีโทรทัศน์ของทางการรัสเซียแห่งหนึ่ง

“สำหรับในโปแลนด์ เอาว่าขอพูดอย่างนี้เถอะ คือทุกๆ คนต่างกำลังพยายามวิ่งให้เลยหน้าขบวนรถไฟยุโรปในเรื่องแบบนี้กันทั้งนั้น และแน่นอนทีเดียว โรคหวาดกลัวรัสเซีย กำลังเฟื่องฟูมากที่นั่น”

ด้าน อันเดร ออร์ดาช (Andrei Ordash) รักษาการอุปทูตของรัสเซียประจำโปแลนด์ ก็บอกกับสำนักข่าวอาร์ไอเอ (RIA) ของทางการรัสเซียว่า เขาถูกกระทรวงการต่างประเทศโปแลนด์เรียกตัวให้ไปเข้าร่วมการประชุมหารือในวันพุธ (18 พ.ย.) โดยที่ไม่มีการอธิบายเหตุผลของการเรียกตัวครั้งนี้

ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศยูเครนแถลงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า พร้อมๆ กับที่รัสเซียรุกรานยูเครน พวกเขายัง “กำลังก่อสงครามไฮบริดแบบเต็มขั้นขึ้นมาเพื่อเล่นงานยุโรป, เล่นงานพวกพันธมิตรของเรา, พยายามที่จะทำลายความเป็นเอกภาพของบรรดาหุ้นส่วนในการช่วยเหลือยูเครน และสั่นคลอนเสถียรภาพของสถานการณ์โดยรวม”

คำแถลงระบุด้วยว่า ยูเครนพร้อมที่จะช่วยเหลือโปแลนด์ในการนำตัวพวกผู้รับผิดชอบมาไล่เรียงเอาความผิด และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้ขึ้นมาอีก

ทั้งนี้ โปแลนด์ระบุว่า เหตุการณ์ก่อวินาศกรรมทางรถไฟคราวนี้ เกิดขึ้นมาเป็น 2 เหตุการณ์ โดยเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นในหมู่บ้านมิกา (Mika) คนร้ายได้ติดตั้งวัตถุระเบิดเกรดที่ใช้ในทางทหารเอาไว้ที่รางรถไฟ และอาศัยสายเคเบิลยาวประมาณ 300 เมตรเพื่อต่อเชื่อมวัตถุระเบิดเหล่านี้กับอุปกรณ์จุดชนวน และได้จุดระเบิดขึ้นขณะที่มีขบวนรถสินค้าขบวนหนึ่งแล่นผ่าน ทำให้โครงส่วนล่างของขบวนรถได้รับความเสียหายเล็กน้อย พร้อมกับทำให้รางรถไฟเสียหายด้วย ดังนั้น ขบวนรถไฟอื่นๆ ที่ใช้รางรถไฟช่วงนี้ในเวลาต่อมา จึงต่างตกอยู่ในความเสี่ยง ทุสก์บอกด้วยว่า สามารถเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ยังไม่ได้ระเบิดจำนวนหนึ่งในบริเวณที่เกิดเหตุ

เขาบอกว่ามีรถไฟขบวนอื่นๆ แล่นผ่านรางรถไฟส่วนที่ถูกแรงระเบิด ก่อนที่ขบวนหนึ่งจะรู้สึกผิดสังเกตจึงหยุดรถและมีการตรวจดู

นายกรัฐมนตรีโปแลนด์กล่าวว่า ในเหตุการณ์ที่สอง เกิดขึ้นใกล้ๆ กับเมืองพูลาวี (Pulawy) ได้มีผู้นำเอาท่อนเหล็กกล้ามาผูกติดกับทางรถไฟ โดยน่าที่จะมุ่งหมายทำให้ขบวนรถไฟตกราง ทว่าดูจะไม่ได้ผลอะไร นอกจากนั้นยังพบโทรศัพท์มือถือเครื่องหนึ่งพร้อมด้วยอุปกรณ์เพาเวอร์แบงก์ ถูกติดตั้งเอาไว้ในบริเวณใกล้เคียงกันด้วยวัตถุประสงค์ที่จะบันทึกวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมา

ทุสก์ ให้รายละเอียดเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยเป็นคนร้ายก่อเหตุคราวนี้ว่า คนหนึ่งได้เคยถูกตัดสินจากศาลในเมืองลวิฟ (Lviv) ทางภาคตะวันตกของยูเครน ว่ากระทำความผิดฐานมีส่วนร่วมในการก่อวินาศกรรมในยูเครนมาแล้ว ทว่าไม่ได้ถูกคุมขังเนื่องจากเขาหลบหนีไปอยู่ในเบลารุส

“โปแลนด์มีการติดต่ออยู่เป็นประจำกับพวกหน่วยงานข่าวกรองของบรรดาประเทศที่เป็นพันธมิตรกัน และเราจะทำทุกๆ อย่างที่เราสามารถทำได้เพื่อติดตามตัวบุคคลเหล่านี้” เขากล่าว

(ดูต้นฉบับภาษาอังกฤษได้ที่ https://www.reuters.com/world/europe/polish-pm-says-two-responsible-railway-blast-worked-russian-intelligence-2025-11-18/)
กำลังโหลดความคิดเห็น