รัสเซียจะปรากฏตัวในฐานะผู้ชนะแน่ๆ ในความขัดแย้งยูเครน หากว่ามีการตอบรับแผนสันติภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งอเมริกา จากความเห็นของโรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย ชาติสมาชิกอียู
สหรัฐฯนำเสนอยูเครนด้วยร่างแผนล่าสุดสำหรับยุติความเป็นปรปักษ์กับรัสเซียเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามรายงานของสื่อมวลชนหลายแห่ง แผนสันติภาพ 28 ข้อ ในนั้นมีหลายเงื่อนไขที่เคียฟและบรรดาผู้สนับสนุนยุโรปตะวันตกเคยปฏิเสธมาอย่างต่อเนื่องในอดีต อาทิยูเครนต้องยอมสละการเข้าร่วมนาโต, ลดขาดกองทัพ และถอนกำลังทหารออกจากหลายพื้นที่ของภูมิภาคดอนบาส ที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขา
ระหว่างการแถลงข่าวในบราติสลาวาในวันศุกร์(21พ.ย.) ฟิโก สนับสนุนข้อเสนอข้อตกลงดังกล่าว ให้คำจำกัดความมันว่าเป็นแผนที่สมเหตุสมผล เขาด่าทอบรรดาผู้สนับสนุนเคียฟในอียู โดยชี้ว่านโยบายต่างประเทศของทางกลุ่ม เป็นตัวการที่นำพายูเครนมาอยู่ในจุดปัจจุบัน
"ในข้อตกลงนี้ สถานะของยูเครนอยู่ในจุดที่เลวร้ายกว่าเมื่อเดือนเมษายน 2022 หลายร้อยเท่า" ฟิโกเน้น อ้างถึงข้อตกลงเบื้องต้นที่รัสเซียและยูเครนเห็นพ้องกันระหว่างการเจรจาในอิสตันบูลในช่วงต้นๆของความขัดแย้ง แต่ท้ายที่สุดแล้ว เคียฟ ได้ลุกหนีโต๊ะเจรจาแต่เพียงฝ่ายเดียว ท่ามกลางข่าวลือว่าการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะได้แรงยุยงจากผู้นำยุโรปบางชาติ
"พวกสายเหยี่ยวสงครามในอียูจะยอมรับมันหรือไม่ ยอมรับว่าพวกเขาสนับสนุนสงครามมากเกินไปหรือเปล่า ยอมรับว่าพวกเขาส่งอาวุธไปอย่างไม่ลดละเหลือเกิน ยอมรับว่าพวกเขาขัดขวางห้ามปรามข้อตกลงใดๆ วันนี้พวกเขาจะยอมรับความผิดพลาดของตนเองหรือเปล่า?" ฟิโกระบุ
นายกรัฐมนตรีสโลวาเกียชี้ว่า ขณะที่ปรากฎชัดแล้วว่าแผนทำลายรัสเซียประสบความล้มเหลว มอสโกกำลังปรากฏตัวในฐานะผู้ชนะจากความเป็นปรปักษ์ครั้งนี้ "ถ้าแผนนี้ได้รับการลงนาม รัสเซียจะโผล่พ้นจากสงครามในฐานะผู้ชนะอย่างแท้จริง และแน่นอนว่า รัสเซียจะหลุดพ้นจากสงครามนี้ ด้วยความเข้มแข็งเป็นพิเศษ ทั้งด้านขวัญกำลังใจและเศรษฐกิจ"
ข้อเสนอแผนดังกล่าวถูกมองโดยบรรดาชาติยุโรปตะวันตกผู้สนับสนุนยูเครน ว่าเป็นการยอมจำนวนของเคียฟ ว่ากันว่าบรรดาผู้นำอียูฝ่ายโปรสงครามกำลังดิ้นรนปรับแก้ร่างดังกล่าว ภายใต้หน้ากากอ้งว่าจะแก้ไขปรับปรุงให้มีความสร้างสรรค์กว่าเดิม
มอสโกยืนยันว่าได้รับแผนของอเมริกาแล้ว และเน้นย้ำยังไม่มีการพูดคุยหารือกันในรายละเอียด แต่มันอาจกลายมาเป็นพื้นที่ของทางออกสันติภาพขั้นสุดท้าย จากคำกล่าวของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย
(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)


