รัสเซียเมื่อวันอังคาร(18พ.ย.) ประณามฝรั่งเศสต่อการลงนามในข้อตกลงหนึ่ง ในความเป็นไปได้ที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ราฟาลแก่ยูเครนสูงสุด 100 ลำ ชี้เป็นความเคลื่อนไหวที่โหมกระพือไฟสงคราม แต่เน้นย้ำว่ายังไงผลลัพธ์ในสมรภูมิรบก็จะไม่เปลี่ยนไปจากเดิม
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ลงนามในหนังสือฉบับหนึ่ง แสดงเจตจำนงจัดอาอาวุธในอนาคต ระหว่างที่ เซเลนสกี เดินทางเยือนกรุงปารีสในวันจันทร์(17พ.ย.)
จากการเปิดเผยของเคียฟและปารีส ยูเครนจะซื้อฝูงบินรบราฟาลที่ผลิตโดยฝรั่งเศสสูงสุด 100 ลำ ในช่วง 10 ปีข้างหน้า ภายใต้สัญญาที่ลงนามกันเมื่อวันจันทร์(17พ.ย.) ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นในขณะที่ยูเครนหาทางเสริมความเข้มแข็งแก่การป้องกันตนเองจากการรุกรานของรัสเซีย
"ปารีส ไม่มีทางที่จะส่งเสริมสันติภาพ พวกเขารังแต่จะโหมกระพืออุดมการณ์สนับสนุนการทหารและอุดมการณ์ฝักใฝ่สงคราม" ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลินบอกกับพวกผู้สื่อข่าว
ก่อนหน้านี้ ฝรั่งเศส ได้ส่งมอบเครื่องบินขับไล่มิราจแก่เคียฟ แต่ที่ผ่านมาไม่เคยมีการพูดคุยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ยูเครนจะจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ราฟาล อากาศยานทางทหารที่เป็นสมบัติล้ำค่าของฝรั่งเศสใดๆ จนกระทั่งล่าสุด
ที่ผ่านมา รัสเซียประณามบรรดาชาติสมาชิกนาโต ต่อกรณีจัดหาอาวุธป้อนแก่ยูเครน และบอกว่าอาวุธเหล่านี้ไม่ได้สร้างความแตกต่างในสมรภูมรบ และในกรณีเครื่องบินขับไล่ราฟาลก็เช่นกัน "ไม่สำคัญว่าเครื่องบินรุ่นไหนถูกขายให้แก่รัฐบาลเคียฟ มันจะไม่เปลี่ยนสถานการณ์ในแนวหน้า และไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ใดๆ" เปสคอฟกล่าวในวันอังคาร(18พ.ย.)
(ที่มา:เอเอฟพี)


