xs
xsm
sm
md
lg

สื่อนอกรายงาน “สี จิ้นผิง” แสดงบทบาทพันธมิตรที่พึ่งพาได้ในสายตาชาวโลกระหว่างพระประมุขไทยเสด็จเยือนเป็นทางการ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รอยเตอร์/MGRออนไลน์ - ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง วันศุกร์(14 พ.ย) ฉวยโอกาสการถวายต้อนรับพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 และพระราชินีเสด็จพระราชดำเนินเยือนกรุงปักกิ่งเป็นทางการครั้งแรกของความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ชาติแสดงบทบาทให้โลกเห็นว่า จีนเป็นเพื่อนบ้านที่ใจกว้างและยังเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจที่พึ่งพาในการกระทบกระเทียบสหรัฐฯ

รอยเตอร์รายงานวันนี้(14 พ.ย)ว่า สื่อแดนมังกรแสดงภาพการเสด็จพระราชดำเนินเยือนกรุงปักกิ่งของพระมหากษัตริย์จากไทยในวันศุกร์(14) และการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนของพระมหากษัตริย์จากสเปนเมื่อต้นสัปดาห์เป็นผลความสำเร็จของความเป็นมิตรคู่ขนานและส่งสัญญาณไปยังชาติอื่นๆทั่วโลกว่า ปักกิ่งนั้นเชื่อถือพึ่งพาได้เสมอ และแตกต่างจากความไม่แน่นอนของสหรัฐฯตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นบริหารและยังใช้ข้อได้เปรียบทางเศรษฐกิจของตัวเองเล่นงานชาวโลกอย่างไม่ทันตั้งตัว

รอยเตอร์รายงานว่า การเสด็จพระราชดำเนินเยือนครั้งนี้มีความสำคัญและอีกทั้งเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการที่ไทยที่ครั้งหนึ่งเคยจับมือสหรัฐฯต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ที่แพร่หลายในแถบอินโดจีนและมอง "จีนเป็นเหมือนภัยคุกคาม" ในยุคสงครามเย็น

แต่ทว่าจีนในปัจจุบันสำหรับไทยมีความสำคัญมากทั้งด้านการค้าการลงทุนที่หยั่งรากลึกและการอุตสาหกรรมโดยเฉพาะด้านยานยนต์และการท่องเที่ยวที่มีโอกาสเห็นนักท่องเที่ยวจีนไหลเข้าประเทศเป็นอันดับ 1 และไทยยังนำเข้าสินค้าจากแดนมังกร 80 พันล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา

ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ไม่รีรอที่จะเปิดฉากในระหว่างการหารือร่วมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 วันศุกร์(14)ว่า จีนจะขยายการนำเข้าสินค้าการเกษตรจากไทยเพิ่มมากขึ้น อ้างอิงจากสำนักข่าวซินหัว

และยังกราบทูลว่า ปักกิ่งพร้อมที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งการประสานทางยุทธศาสตร์และขยายความร่วมมือในโปรเจกต์สำคัญทั้งโครงการเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อหลายประเทศซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยตั้งความหวัง


สำนักข่าวซินหัวแสดงวาทะโจมตีตะวันตกนักล่าอาณานิคมผ่านบทบรรณาธิการวันพฤหัสบดี(13)ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของทั้ง 2 ชาติสมควรหยั่งรากฐานต่อไปในอนาคตเป็นไปอย่างไร

“ก่อนการบ่าไหลเข้ามาอย่างกว้างขวางของพวกชาวอาณานิคม(ตะวันตก) การค้าต่างชาติของไทยส่วนใหญ่นั้นค้าขายกับจีน” โดยซินหัวกล่าวในรายละเอียดถึงตัวอย่างได้แก่ ข้าวไทย เครื่องเทศ แร่ดีบุก เพื่อแลกเปลี่ยนกับเครื่องกระเบื้องจีน ผ้าไหม ชา และสินค้าที่ทำมาจากเหล็กเช่น หม้อ

นักวิเคราะห์ Juliette Loesch ประจำ Inalco ที่มีฐานในกรุงปารีส ฝรั่งเศสแสดงความเห็นว่า

“การเสด็จพระราชดำเนินครั้งนี้เปิดโอกาสให้จีนไม่เพียงตอกย้ำต่อความใกล้ชิดกับราชอาณาจักรไทย แต่ยังส่งสัญญาณความต่อเนื่องในความข้องเกี่ยวระดับภูมิภาคในช่วงเวลาที่อิทธิพลของอเมริกานั้นถดถอยอย่างเห็นได้ชัด”

เกิดขึ้นในขณะที่ไทยอยู่ในความลำบากจากการที่ดีลข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชาอายุ 2 สัปดาห์ที่ประธานธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ใช้เครดิตตัวเองเป็นประกันระหว่างการลงนามในการประชุมข้างเคียงที่การประชุมอาเซียนซัมมิตขาดสะบั้นสร้างความโกรธแค้นให้กับกรุงเทพฯที่สั่งการส่งรถถังเข้าประชิดชายแดนติดกัมพูชา และผู้เชี่ยวชาญฝรั่งเศสชี้ว่า แตกต่างจากปักกิ่งที่แสดงบทเป็นประเทศมหาอำนาจไม่ต่างจากอเมริกาและพร้อมที่จะกระชับความร่วมมือผ่านข้อตกลงการค้าเสรีกับอาเซียน

รอยเตอร์รายงานว่า ปักกิ่งซึ่งเป็นผู้กุมบังเหียนซัพพลายเชนส์ระดับโลกสร้างความวิตกไปทั่วถึงยุทธศาสตร์การค้าจีนตั้งแต่ รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดังทั้ง Shein และ Temu ที่จำหน่ายสินค้าราคาต่ำอาศัยช่องโหว่ทางภาษีในการส่งสินค้าเข้าไปตีตลาดในประเทศต่างๆ และล่าสุดสหภาพยุโรปสัปดาห์นี้ได้เห็นชอบในการใช้มาตรการภาษีกับพัสดุมูลค่าต่ำโดยตั้งเป้าจะใช้เร็วสุดปีหน้าตามรอยสหรัฐฯที่ใช้ก่อนหน้าเมื่อต้นปีนี้

แต่ชาติเล็กที่มีขนาดเศรษฐกิจไม่ใหญ่นั้นไม่สามารถต่อกรได้มากนักกับพันธมิตรคู่ค้าในภูมิภาคเช่น จีน

ศาสตราจารย์ สตีฟ จาง (Steve Tsang) ผู้อำนวยการสถาบันจีน SOAS ที่มีฐานอยู่ในกรุงลอนดอน แสดงความเห็นว่า เหมือนเช่นประเทศอื่นๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไทยมีความวิตกถึงความตั้งใจของปักกิ่งแต่ต้องยอมรับต่อความเป็นจริงของอำนาจที่เพิ่มขึ้นของแดนมังกร

“จากการที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯนั้นไม่ได้เป็นพันธมิตรที่พึ่งพาได้อีกต่อไป มันทำให้มีความสำคัญมากขึ้นสำหรับไทยที่จะมีความข้องเกี่ยวกับจีนอย่างสัมฤทธิ์ผล”

เขาชี้ต่อว่า แต่กระนั้นปักกิ่งยังคงไม่ทำให้ประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวม “ไทย” ให้มีความมั่นใจว่าชาติเหล่านั้นไม่มีสิ่งใดต้องวิตกถึงการผงาดขึ้นมาของจีน


กำลังโหลดความคิดเห็น