เอเจนซีส์/รอยเตอร์ – ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ วันจันทร์(10 พ.ย) ปิดห้องทำเนียบขาวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนหารือลับรักษาการประธานาธิบดีซีเรีย อาห์เหม็ด อัล-ชารา อดีตผู้นำกบฎซีเรียโค่นอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสสาด ท่ามกลางข่าวสะพัดเตรียมส่งทหารอเมริกันเข้าประจำการที่กรุงดามัสกัสปูทางส่งเครื่องบินร่อนทดสอบรันเวย์ฐานทัพอากาศคุมทั้งซีเรียและกาซาเงียบๆคุมพรมแดนร่วมอิสราเอล
เดอะฮิลล์ของสหรัฐฯรายงานวันจันทร์(10 พ.ย)ว่า เป็นการเยือนครั้งประวัติศาสตร์ของผู้นำซีเรียที่ทำเนียบขาวในวันจันทร์(10) ที่ไม่มีทั้งการเปิดห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวและกองทัพสื่อพร้อมเหมือนการหารือร่วมกับผู้นำต่างประเทศตามปกติ แต่ทว่ารักษาการประธานาธิบดีซีเรีย อาห์เหม็ด อัล-ชารา อดีตผู้นำกบฏซีเรีย เดินทางเข้าทำเนียบขาวผ่าน West Executive entrance ที่นักข่าวไม่สามารถเข้าได้ และสามารถจับภาพผู้นำดามัสกัสจากหลังแผงเหล็กเท่านั้น
สื่อสหรัฐฯชี้ว่า เป็นเสมือนการเยือนแบบลับๆ ขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยกับนักข่าวในบ่ายวันจันทร์(10)ที่ห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวหลังการหารือแสดงความชื่นชมในตัวผู้นำซีเรียคนใหม่ที่วอชิงตันต้องการให้ดามัสกัสหันเข้าหาตะวันตกว่า “เขาเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง เขามาจากที่ยากลำบากมาก เป็นคนแข็งแกร่ง ผมชอบเขา”
และเสริมว่า “ผมเข้ากันได้กับประธานาธิบดีคนใหม่ในซีเรีย และพวกเราจะทำทุกอย่างที่จะทำได้เพื่อให้ซีเรียประสบความสำเร็จ”
เดอะฮิลล์รายงานว่า กระทรวงต่างประเทศซีเรียในเวลาต่อมาได้เผยแพร่การหารือภายในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวแสดงให้เห็นภาพผู้นำสหรัฐฯและผู้นำซีเรียคนใหม่กำลังยิ้มแย้มระหว่างจับมือ และมีรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โก รูบิโอ ที่ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐฯอีกตำแหน่ง รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจดี. แวนซ์ และรวมถึงทูตพิเศษของสหรัฐฯประจำซีเรียและเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำตุรกี ทอม บาร์รัค(Tom Barrack)
และในที่ประชุมยังมีรัฐมนตรีต่างประเทศ ฮาคาน ไฟดาน (Hakan Fidan) เข้าร่วมในจุดหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงความใกล้ชิดในการทำงานร่วมระหว่างอังการา ดามัสกัส และวอชิงตัน
เบื้องหลังพบว่าเจ้าหน้าที่อเมริกันและเจ้าหน้าที่ซีเรียทำงานเพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แข็งแกร่งระหว่าง 2 ชาติ
อย่างไรก็ตามภายใต้อำนาจของประธานาธิบดีสหรัฐฯส่งผลทำให้ทรัมป์มีความสามารถเพียงแค่ระงับการคว่ำบาตรซีเรียไป 6 เดือนต่อครั้ง เป็นขั้นตอนที่ได้ทำเมื่อพฤษภาคมและทำซ้ำอีกครั้งในวันจันทร์(10)
สื่อสหรัฐฯเปิดเผยว่า ในเวลาเดียวกันผู้นำสหรัฐฯยังระงับการคว่ำบาตรอื่นอีก 2 ฉบับต่อรัฐบาลซีเรีย ที่ครอบคลุมน้อยกว่ากฎหมายซีซาร์ปกป้องพลเรือนซีเรียปี 2019 (Caesar Syria Civilian Protection Act) ที่รู้จักในนามกฎหมายซีซาร์
และในวันจันทร์(10) เป็นครั้งแรกที่ซีเรียตามคำแถลงของประธานาธิบดีสหรัฐฯจะร่วมกองกำลังพันธมิตรเพื่อปราบกลุ่มก่อการร้าย IS ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าพิศวงต่อตัวอัล-ชาราที่ครั้งหนึ่งเคยเข้าร่วมเครือข่ายก่อการร้ายอัลกกออิดะห์
ทั้งนี้รอยเตอร์เคยรายงานก่อนหน้าเมื่อวันที่ 7 พ.ยว่า สหรัฐฯมีแผนการส่งกำลังทหารอเมริกันอย่างเงียบๆไปประจำในฐานทัพอากาศดามัสกัส อ้างอิงจากแหล่งข่าว
เป็นสิ่งที่ไม่เคยรายงานมาก่อนและยังเป็นการส่งสัญญาณการเปลี่ยนทิศทางยุทธศาสตร์ของดามัสกัสเข้าหาตะวันตกหลังซีเรียภายใต้บังเหียนของอดีตผู้นำประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสสาด ที่เป็นพันธมิตรกับอิหร่านและรัสเซียมานานหลายสิบปี
ทรัมป์ขยายบทบาทกองทัพสหรัฐฯในซีเรียและกาซาอย่างเงียบเชียบ เพื่อปกป้องพรมแดนร่วมกับอิสราเอล ฐานทัพแห่งใหม่ที่คาดว่าจะเป็นฐานของพวกอเมริกันตั้งอยู่ที่ประตูปากทางในภาคใต้ของซีเรียที่คาดว่าจะมีการตั้งเขตปลอดทหารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงปราศจากความรุนแรงระหว่างอิสราเอลและซีเรีย
และเป็นข้อตกลงที่มีรัฐบาลประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นโบร๊กเกอร์
แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่การทหารตะวันตกเปิดเผยว่า เพนตากอนในตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาเร่งแผนการของตัวเองพร้อมกับปฎิบัติการสอดแนมที่ฐาน ซึ่งปฎิบัติการเหล่านี้รวมไปถึงการทดสอบรันเวย์ยาวว่าพร้อมใช้ได้ทันทีหรือไม่
ขณะที่แหล่งข่าวการทหารซีเรีย 2 ปากเปิดเผยถึงการหารือระดับเทคนิกถึงการใช้ฐานทัพเพื่อด้านโลจิสติก การสอดแนม การเติมเชื้อเพลิง และปฎิบัติการเพื่อมนุษยธรรม ในระหว่างที่ซีเรียจะยังคงครอบครองฐานทัพเหล่านี้
แหล่งข่าวกลาโหมซีเรียเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า พวกอเมริกันได้บินมาที่ฐานทัพด้วยเครื่องบินลำเลียง C-130 เพื่อทดสอบว่ารันเวย์ที่ฐานทัพนั้นใช้การได้ โดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ด้านหน้าฐานทัพเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า เครื่องบินอเมริกันร่อนลงจอดเป็นส่วนหนึ่งของปฎิบัติการทดสอบรันเวย์


