รอยเตอร์/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – กลายเป็นข่าวดังไปทั่วเมื่อพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ครบรอบสถาปนา 50 ปีของระหว่างทั้ง 2 ชาติสัปดาห์หน้า ท่ามกลางสายตานักวิเคราะห์ต่างชาติชี้ เป็นเหมือนสัญญาณว่าไทยหันมาใกล้ชิดจีนมากขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งในภูมิภาคทั้งไต้หวันและสงครามการค้าระหว่างวอชิงตัน-ปักกิ่ง
รอยเตอร์รายงานวันนี้(12 ต.ค)ว่า ในอดีตนับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองตั้งแต่ปี 1932 พบว่าอดีตพระเจ้าแผ่นดินรัฐกาลที่ 9 ที่ครองราชมายาวนานที่สุดทรงใช้การเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศเป็นเครื่องมือนโยบายทางการทูตเพื่อแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยมีเสถียรภาพและความมั่นคงรวมไปถึง การเสด็จพระราชดำเนินเยือนกรุงวาติกันและเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น พอล ที่ 2 พร้อมพระราชินีและการเสด็จเยือนสหรัฐฯ 2 ครั้งในจุดสูงสุดของยุคสงครามเย็นปี 1960s
รอยเตอร์ชี้ว่า จีนถือเป็นตลาดนำเข้าใหญ่ที่สุดสำหรับพบว่า มีการนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 80 พันล้านดอลลาร์ปีที่แล้ว และยังเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนไทยสูงสุดในภาคส่วนการท่องเที่ยวและเป็นผู้ลงทุนใหญ่ในด้านอุตสาหกรรม เป็นต้นว่า ยานยนต์
รัฐบาลไทยออกแถลงการณ์เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนโดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี จะเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนอย่างเป็นทางการ “เพื่อสะท้อนถึงมิตรภาพที่หยั่งรากลึกและความเข้าใจร่วมกันระหว่างไทยและจีนในทุกระดับ”
ทั้งนี้อ้างอิงจากสื่อไทยภาคภาษาอังกฤษพบว่า เป็นการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย ถึงวันที่ 17 พ.ยนาน 5 วัน โดยในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจะมีการหารือร่วมกับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง
รอยเตอร์รายงานว่า นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวขึ้นครองราชย์ในปี 2016 พบว่าพระองค์เสด็จเยือนต่างประเทศแค่ครั้งเดียวเกิดขึ้นเมื่อเมษายนล่าสุดที่ภูฏาน
ทั้งนี้กระทรวงต่างประเทศจีนกล่าวผ่านแถลงการณ์ในรายงานสรุปในเรื่องนี้สัปดาห์ที่แล้วว่า “จีนเป็นประเทศใหญ่ประเทศแรกที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 จะเสด็จพระราชดำเนินเยือนอย่างเป็นทางการ”
“นี่ถือเป็นการแสดงอย่างชัดเจนถึงความสำคัญอย่างสูงที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะร่วมต่อความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีที่เพิ่มมากขึ้น”
รอยเตอร์รายงานว่า ถือเป็นการเสด็จครั้งแรกจากกษัตริย์ฝ่ายไทย เพราะถึงแม้ในอดีตจะมีการเชิญหลายครั้งแต่ทว่าพระเจ้าอยู่หัวรัฐกาลที่ 9 ที่ครองราชย์มายาวนายถึง 70 ปีไม่ได้เสด็จพระราชดำเนินไปเยือนจีน แต่ทรงส่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร และคณะผู้แทนไปแทน
รองศาสตราจารย์ ดร.สิทธิพล เครือรัฐติกาล ประจำวิทยาลัยสหวิทยาการของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความเห็นว่า
“มองไปที่ทุกชาติที่จีนมีความสัมพันธ์ทางการทูตด้วย พบว่าผู้นำชาติส่วนใหญ่ได้เดินทางไปเยือนจีน และไทยที่เป็นข้อยกเว้นมาเป็นเวลานาน”
และกล่าวต่อว่า “ในการมีพระเจ้าแผ่นดินไทยที่กำลังทรงครองราชย์เสด็จมาเยือนนั้นถือเป็นสิ่งที่จีนปราถนา”
เป็นการเสด็จเยือนต่างแดนในช่วงเวลาที่ประเทศไทยกำลังอยู่ในความเศร้าโศกหลังการสิ้นพระชนม์ของพระพันปีหลวงซึ่งเป็นพระราชมารดานั้นสื่อนอกเช่นรอยเตอร์วิเคราะห์ว่า แสดงให้เห็นถึงความสำคัญการเสด็จพระราชดำเนินเยือนจีนครั้งนี้
ไทยนั้นไม่ต่างจากประเทศอื่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีนเพิ่มอิทธิพลขึ้นในประเทศ กดดันรัฐบาลไทยให้ต้องเพิ่มความพยายาในการต่อสู้กับแก๊งหลอกลวงทางไซเบอร์ข้ามพรมแดน พร้อมยังหว่านล้อมไม่ให้ทำให้การพนันเป็นสิ่งถูกกฎหมายในประเทศ โดยอ้างไปถึงผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวจีน
เตช บุนนาค อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศและปัจจุบันเลขาธิการสภากาชาดไทยแสดงความเห็นว่า ถึงแม้ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและยาวนานกับจีนเป็นเรื่องสำคัญ แต่ไทยต้องให้ความสำคัญที่ผลประโยชน์ของตัวเอง
รอยเตอร์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ไทยยังแสดงความวิตกไปถึงความตรึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯและจีนนั้นเป็นความเสี่ยงสูงต่อเศรษฐกิจของไทย
“พวกเราเป็นประเทศเล็กในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และพวกเราต้องดำรงความสมดุลในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของพวกเรา”


