กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) แถลงเมื่อวันอังคาร (11 พ.ย.) ว่า สิ่งของจำเป็นต่างๆ รวมถึงเข็มฉีดยาสำหรับฉีดวัคซีนให้เด็กๆ และขวดนมสำหรับเด็ก ถูกอิสราเอลปฏิเสธไม่ให้นำเข้าไปในฉนวนกาซา ส่งผลให้หน่วยงานบรรเทาทุกข์ไม่สามารถเข้าถึงผู้ประสบภัยในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามได้
ขณะที่ UNICEF กำลังดำเนินการรณรงค์ฉีดวัคซีนให้เด็กจำนวนมากภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่ยังง่อนแง่น ทางองค์กรยอมรับว่ากำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างมากในการนำเข็มฉีดยา 1.6 ล้านชิ้น และตู้เย็นพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับเก็บขวดวัคซีนเข้าไปในกาซา โดยเข็มฉีดยาเหล่านี้รอผ่านพิธีการศุลกากรมาตั้งแต่เดือน ส.ค.
“ทั้งเข็มฉีดยาและตู้เย็น... ถือเป็นอุปกรณ์ที่อิสราเอลพิจารณาว่าใช้งานได้ 2 ทาง และเราพบว่าอุปกรณ์เหล่านี้ผ่านการตรวจสอบและอนุมัติได้ยาก แต่ก็เป็นเรื่องเร่งด่วน” ริคาร์โด ปิเรส โฆษกของ UNICEF กล่าว
คำว่า “ใช้งานได้ 2 ทาง” นั้นหมายถึงสิ่งของที่อิสราเอลพิจารณาว่าอาจนำไปใช้ได้ทั้งในทางทหารและพลเรือน
COGAT ซึ่งเป็นหน่วยงานของกองทัพอิสราเอลที่ดูแลการส่งความช่วยเหลือเข้าสู่กาซา ยืนยันว่าอิสราเอลไม่ได้ขัดขวางไม่ให้ส่งเข็มฉีดยาหรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับตู้เย็นเข้ามา โดยสำหรับสิ่งของที่ใช้งานได้ 2 ทางนั้น อิสราเอลจำเป็นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อให้แน่ใจว่าฮามาสจะไม่ "ใช้ประโยชน์จากความช่วยเหลืออย่างไม่เป็นธรรมเพื่อเสริมสร้างกำลังทหารของตนเอง"
COGAT กล่าวว่าได้เสนอ "ทางเลือก" ให้กับองค์กรระหว่างประเทศสำหรับการส่งความช่วยเหลือที่จำเป็น แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
COGAT ระบุว่า รถบรรทุกหลายร้อยคันนำอาหาร น้ำ เชื้อเพลิง แก๊ส ยา อุปกรณ์ทางการแพทย์ เต็นท์ และอุปกรณ์ที่พักพิงต่างๆ เข้าสู่กาซาทุกวัน โดยประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสหประชาชาติ
UNICEF ได้เริ่มการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ หัด และปอดบวม รอบแรกจากทั้งหมดสามรอบในวันอาทิตย์ (10) เพื่อช่วยเหลือเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปีกว่า 40,000 คนที่พลาดการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ โรคหัด และโรคปอดบวมตามกำหนด หลังเกิดสงครามในฉนวนกาซาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
ในวันแรกของแคมเปญ เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงเด็กกว่า 2,400 คนด้วยวัคซีนหลายชนิด
“แคมเปญฉีดวัคซีนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่เรายังเหลืออีก 2 รอบ และเราต้องการอุปกรณ์เพิ่มเติม” ปิเรส กล่าว
UNICEF ระบุว่า ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกำลังเข้าสู่ฉนวนกาซามากขึ้น แต่ทางการอิสราเอลยังคงปฏิเสธไม่ให้นำเข้าสิ่งของจำเป็นบางรายการ ซึ่งรวมถึงนมสูตรสำหรับทารกพร้อมใช้ 938,000 ขวด และอะไหล่สำหรับรถบรรทุกน้ำ
“นั่นเทียบเท่ากับนมเกือบ 1 ล้านขวดที่ควรถูกส่งไปถึงเด็กๆ ที่ประสบปัญหาภาวะทุพโภชนาการในระดับต่างๆ” ปิเรส กล่าวในการแถลงข่าวที่นครเจนีวา
ข้อตกลงหยุดยิงมื่อวันที่ 10 ต.ค. มีจุดมุ่งหมายเพื่อปลดปล่อยความช่วยเหลือจำนวนมหาศาลทั่วดินแดนที่ถูกปิดล้อม ทว่าหน่วยงานบรรเทาทุกข์ได้ร้องเรียนซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าความช่วยเหลือยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชากร 2 ล้านคนที่ต้องพลัดถิ่นฐานและประสบภาวะทุพโภชนาการ
ที่มา: รอยเตอร์


