ลี ยงพัด นักธุรกิจและสมาชิกวุฒิสภากัมพูชา ผู้ก่อตั้งแอลวายพีกรุ๊ป ปฏิเสธรายงานข่าวของสื่อมวลชนไทย ที่โยงเขากับเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์และฟอกเงิน เรียกคำกล่าวหาดังกล่าวว่าเป็น "ข่าวปลอมและกำลังทำลายชื่อเสียงของเขา"
เขาปฏิเสธรายงานข่าวที่อ้างว่าพวกเจ้าหน้าที่ไทยบุกจู่โจมตรวจค้นสถานที่ต่างๆ 36 จุดและอายัดทรัพย์สินมูลค่า 400 ล้านบาท ตามคำกล่าวหาเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการสแกมออนไลน์แห่งหนึ่ง "ที่ตั้ง 3 แห่ง บ้านในกรุงเทพฯ บ้านหลังหนึ่ง และแปลงที่ดินในจังหวัดตราด รวมถึงสำนักงานแห่งหนึ่ง เป็นเพียงที่พักอาศัยและไม่เกี่ยวข้องโดยสิ้นเชิงกับกิจกรรมผิดกฎหมายใดๆ" ลี ยงพัด บอกกับพนมเปญโพสต์
"การเผยแพร่ข่าวนี้เป็นการชี้นำผิดๆ ต่อสาธารณชนและทำลายชื่อเสียงของผม" เขากล่าว
ยง พัด กล่าวอ้างในวันที่ 9 พฤศจิกายน ว่าตำรวจไทยได้ทำการตรวจค้น 3 จุดพร้อมๆกัน 1 จุดในกรุงเทพฯ และ 1 จุดในจังหวัดตราด รวมถึงสำนักงานประสานงานแห่งหนึ่งใกล้ชายแดน การตรวจค้นชอบธรรมตามกฎหมาย และใช้เจ้าหน้าที่มากมายกว่า 30 คนในแต่ละจุด ทว่าไม่พบหลักฐานการกระทำผิดกฎหมายใดๆ
"หลังจากตรวจค้น ตำรวจเรียกเจ้าหน้าที่ของผมให้ไปพิมพ์ลายนิ้วมือและให้ยืนยันว่าไม่มีอะไรเสียหาย จากนั้นพวกเขาก็ออกไป" เขากล่าว "การตรวจค้นชอบด้วยกฎหมายและเป็นไปอย่างสันติ แต่สื่อมวลชนกลับโชว์คลิปอ้างว่าที่ตั้งต่างๆของผมเป็นส่วนหนึ่งของการจู่โจมตรวจค้นสแกม ซึ่งมันไม่เป็นความจริงโดยสิ้นเชิง"
เขาชี้แจงว่าสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เคยอายัดทรัพย์สินในไทย แต่ในนั้นไม่มีทรัพย์สินใดเลยที่เป็นชื่อของเขา
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม สื่อมวลชนไทยรายงานข่าวว่าสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ทำการอายัดทรัพย์สินมูลค่า 70 ล้านบาท ที่เป็นของยงพัด แต่ทาง ยงพัด อ้างว่าไม่ปรากฏชื่อกัมพูชาของเขา หรือชื่อไทย "พัด สุภาภา" เกี่ยวข้องในปฏิบัติการอายัดทรัพย์ดังกล่าว
เขาบอกต่อว่าเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน แหล่งข่าวไทยรายงานว่ามีการอายัดทรัพย์ 350 ล้านบาท ภายใช้ชื่อ ลี ยงพัด หรือ พัด สุภาภา แต่มันไม่เป็นความจริงเช่นกัน
ในวันที่ 9 พฤศจิกายน สื่อมวลชนไทยรายงานข่าวเกี่ยวกับการตรวจค้นที่ดินของเขาและญาติๆ และมีข่าวปรากฏว่าได้มีการอายัดทรัพย์เพิ่มเติมอีก 400 ล้านบาท "เท่ากับว่า 3 ครั้งแล้วในตอนนี้ ที่สื่อมวลชนรายงานข่าวเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์ แต่ไม่มีแม้แต่บาทเดียวที่อยู่ภายใต้ชื่อของผม พวกเขาใช้ภาพและชื่อของผมแทบกับเรื่องราวนี้ มันไม่ยุติธรรมและเป็นข่าวปลอม"
ลี ยงพัด ซึ่งนั่งเก้าอี้ประธานสมาคมออกญาอีกตำแหน่ง ระบุว่ารายงานข่าวก่อความเสียหายร้ายแรงต่อสถานะของเขา และตั้งคำถามเกี่ยวกับจรรยาบรรณของสื่อมวลชนไทย พร้อมเรียกร้องสื่อมวลชนไทย ให้รายงานความเป็นจริงและแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง
พนมเปญโพสต์รายงานว่า เศรษฐีรายนี้มีชื่อเสียงในวงกว้าง สำหรับแรงสนับสนุนที่มีต่อโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆนานา การท่องเที่ยวและสังคมในกัมพูชา และเขาบ่งชี้ว่าประเด็นทางการเมืองและธุรกิจคือแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังคำกล่าวหานี้
"ผมอยู่ในธุรกิจคาสิโนมานานกว่า 20 ปี และปฏิบัติการอย่างถูกกฎหมายมาตลอด" เขาเน้นย้ำ ทั้งนี้ครั้งที่เผชิญกับโรคระบาดใหญ่โควิด-19 ธุรกิจคาสิโนต้องปิดตัวลง เขาจึงหันมาปล่อยเช่าอาคารต่างๆให้แก่บุคคลที่ 3 ที่เป็นไปตามกฎหมายของกัมพูชา "ผมตกเป็นเป้าหมาย เพราะผมเป็นประธานสมาคมออกญา และเป็นเพื่อนใกล้ชิดกับพวกผู้นำของประเทศ และมีธุรกิจต่างๆตามแนวชายแดน" เขาบอกกับพนมเปญโพสต์
เขาบอกว่าปฏิบัติการจู่โจมและการรายงานข่าวซ้ำๆเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์ ทำลายความน่าเชื่อถือและส่งผลกระทบกับชื่อเสียงของเขา ทว่าแม้มีคำกล่าวหาต่างๆนานา ลี ยงพัด แสดงความเชื่อมั่นว่าความจริงจะเป็นฝ่ายชนะผ่านวิถีทางทางกฎหมาย
"ผมไม่มีทรัพย์สินซุกซ่อนให้เจ้าหน้าที่ยึดและธุรกิจต่างๆของผมล้วนปฏิบัติการอย่างเปิดเผยและชอบด้วยกฎหมาย ผมไม่ได้ปฏิบัติการศูนย์สแกมเมอร์ ผมสร้างบริษัทมาด้วยมือของตนเอง และผมส่งเสริมการเติบโตของกัมพูชามาตลอด" เขากล่าวปิดท้าย
(ที่มา:พนมเปญโพสต์)


