xs
xsm
sm
md
lg

ทรัมป์สั่งสหรัฐฯรื้อฟื้นทดลองอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมาใหม่ –ย่างก้าวที่อาจต้องทำ ทว่ามีอันตรายอย่างยิ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สตีเฟน ไบรเอน


ขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีป “มินิตแมน 3” ที่ไม่ติดหัวรบลูกหนึ่งของสหรัฐฯ ถูกยิงออกมาระหว่างการทดสอบทางการปฏิบัติการ เมื่อเวลา 01.35 น.ของวันที่ 5 พฤศจิกายน 2025 ตามเวลาภาคแปซิฟิกของสหรัฐฯ ณ ฐานทัพกองกำลังอวกาศแวนเดนเบิร์ก รัฐแคลิฟอร์เนีย
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ https://asiatimes.com/2025/11/nuclear-testing-its-the-pits/

Nuclear testing: It’s the pits
by Stephen Bryen
07/11/2025

เหตุผลที่ทรัมป์อ้างว่าสหรัฐฯต้องกลับมาทดลองอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้งหนึ่ง เพราะรัสเซีย, จีน, หรือเกาหลีเหนือ ต่างก็ทำกันทั้งนั้น เป็นสิ่งที่ไม่มีหลักฐานในทางเปิดเผยใดๆ สนับสนุนเลย ถ้าหากการทดลองที่ว่านี้หมายถึงการทดสอบหัวรบนิวเคลียร์จริงๆ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เพิ่งออกคำสั่งเมื่อเร็วๆ นี้ให้เพนตากอนเริ่มกลับมาทดลองอาวุธนิวเคลียร์กันอีกครั้งหนึ่ง ทางฝ่ายรัสเซียได้แสดงความตื่นตะลึงกับการประกาศคราวนี้ (บางทีอาจเนื่องจากไม่แน่ใจว่าประธานาธิบดีทรัมป์มีเจตนาเช่นไรในเรื่องนี้) อย่างไรก็ดี ไม่ว่าทรัมป์ประกาศหรือไม่ประกาศเรื่องนี้ออกมา บางทีสหรัฐฯก็อยู่ในสภาพที่จำเป็นต้องรื้อฟื้นการทดสอบบางส่วนบางด้านขึ้นมาทำกันอยู่ดี คำถามอยู่ตรงที่ว่าจะทำกันอย่างไรให้อยู่ในลักษณะที่ว่าทำกันอย่างมีความรับผิดชอบ

สิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์ บอกกับ นอราห์ โอดอนเนลล์ (Norah O’Donnell) (แห่งรายการ 60 มินิตส์ 60 Minutes ของฝ่ายข่าว เครือข่ายโทรทัศน์ซีบีเอส CBS News) ในการให้สัมภาษณ์ [1] เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน (หมายเหตุผู้แปล - จริงๆ แล้ว ทรัมป์ให้สัมภาษณ์ 60 มินิตส์ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม แต่ถูกนำมาออกอากาศในวันที่ 2 พฤศจิกายน ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.cbsnews.com/news/trump-on-nuclear-testing-government-shutdown-immigration-tariffs-china-60-minutes-transcript/) ดังนี้:

นอราห์ โอดอนเนลล์: แล้วทำไมเราถึงจำเป็นต้องทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของเราล่ะ?

ทรัมป์: เพราะคุณต้องการดูว่ามันทำงานกันยังไง คุณรู้ไหม คุณจำเป็นต้องรู้ – แล้วก็ด้วยเหตุผลที่เรากำลังพูดถึงนี่แหละ เราต้องทดสอบ เพราะรัสเซียประกาศว่าพวกเขากำลังจะทำการทดสอบ ถ้าคุณดูให้ดีๆ เกาหลีเหนือก็กำลังทดสอบอย่างสม่ำเสมอ ประเทศอื่นๆ ต่างกำลังทดสอบกันทั้งนั้น เราเป็นประเทศเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้ทำการทดสอบ และผมก็ต้องการที่จะ – เอ้อ ผมไม่ต้องการที่จะเป็นเพียงประเทศเดียวเท่านั้นที่ไม่ได้ทำการทดสอบ”

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ นอราห์ โอดอนเนลล์ ผู้สื่อข่าวของซีบีเอส (ภาพเผยแพร่โดยทำเนียบขาว)
อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานซึ่งหาได้ในช่องทางสาธารณะใดๆ เลยที่ระบุว่า รัสเซีย หรือ จีน หรือเกาหลีเหนือ กำลังทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ถ้าหากเราเข้าใจกันว่า “การทดสอบ” ที่กล่าวถึงนี้ หมายถึงหัวรบระเบิดนิวเคลียร์จริงๆ ไม่ใช่อะไรอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้

จีนเวลานี้กำลังขยายคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ของตนเองอย่างรวดเร็ว และรัสเซียก็เพิ่งประกาศเรื่องอาวุธใหม่ๆ ซึ่งในอนาคต จะประกอบติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ เมื่อเร็วๆ นี้รัสเซียได้ดำเนินการทดสอบขีปนาวุธร่อนประเภทใหม่ที่ติดตั้งเครื่องยนต์พลังงานนิวเคลียร์ ทว่าขณะที่ขีปนาวุธดังกล่าวนี้ได้พลังงานจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กๆ แต่มันก็ไม่ได้มีหัวรบนิวเคลียร์แต่อย่างใด



สหรัฐฯเอง ก็ได้ทดสอบขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีป (intercontinental ballistic missile หรือ ICBM) แบบ “มินิตแมน 3” (Minuteman III) [2] ลูกหนึ่งที่ติดตั้งหัวรบหลอกๆ ไปเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมานี้เอง ทั้งนี้ตามคำแถลงของ ดมิตริ เปสคอฟ (Dmitry Peskov) โฆษกทำเนียบเครมลิน สหรัฐฯได้แจ้งให้รัสเซียทราบล่วงหน้าแล้วถึงความตั้งใจของตนที่จะยิงขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีป มินิตแมน 3 นี้ ก่อนดำเนินการทดสอบยิงในวันพุธที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายรัสเซียแสดงอาการรู้สึกตะลึงงันกับการประกาศของทรัมป์ที่จะหวนกลับมาทดลองอาวุธนิวเคลียร์ ทั้งรัสเซียและสหรัฐฯต่างเป็นประเทศที่ลงนามในสนธิสัญญาห้ามทดลองอาวุธนิวเคลียร์บางส่วนปี 1963 (the 1963 Partial Test Ban Treaty หรือ PTBT) ซึ่งห้ามการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ในชั้นบรรยากาศ, ในอวกาศนอกโลก, และใต้น้ำ แต่ยังคงอนุญาตให้ทำการทดลองนิวเคลียร์ใต้ดินได้

ในปี 1974 สหรัฐฯกับรัสเซียยังเห็นชอบร่วมกันในสนธิสัญญาห้ามทดลองอาวุธนิวเคลียร์เกินกว่าระดับขั้นต่ำสุด (Threshold Test Ban Treaty หรือ TTBT) ซึ่งห้ามการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ใต้ดินที่ทำให้เกิดแรงระเบิดสูงกว่า 150 กิโลตัน

รัสเซียจัดการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ภายหลังทรัมป์ประกาศว่าจะรื้อฟื้นทำการทดลองอาวุธนิวเคลียร์อีก (ภาพจากสำนักข่าวทาสส์ ของทางการรัสเซีย)
จากนั้นในปี 1996 สหรัฐฯกับรัสเซีย ตลอดจนประเทศอื่นๆ ได้ลงนามในสนธิสัญญาห้ามการทดลองอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ (Comprehensive Test Ban Treaty หรือ CTBT) ซึ่งมุ่งปิดกั้นการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ทุกๆ อย่าง แต่ถึงแม้สหรัฐฯได้ลงนามในสนธิสัญญาฉบับนี้ ทว่าได้แถลงปฏิเสธไม่ให้สัตยาบันในปี 1999

สำหรับฝ่ายรัสเซียทั้งลงนามและให้สัตยาบันรับรองข้อตกลงนี้ ทว่าเมื่อถึงปี 2023 รัฐบาลรัสเซียได้ประกาศถอนการให้สัตยาบันของตน [3] ทำให้จุดยืนของรัสเซียดูไม่แน่ไม่นอนและไม่ชัดเจน เนื่องจากรัสเซียไม่ได้ยกเลิกการลงนามของตน หรือถอนตัวจากการเข้าร่วมในสนธิสัญญาฉบับนี้

เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ในการประชุมหารือของสภาความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้ชี้แนะให้กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงกลาโหม, บรรดาหน่วยงานข่าวกรอง, และบรรดาหน่วยงานด้านพลเรือนทั้งหลายของแดนหมีขาว ยื่นข้อเสนอของพวกตนในเรื่องความเป็นไปได้สำหรับการตระเตรียมเพื่อดำเนินการทดลองอาวุธนิวเคลียร์

ขณะที่จากพวกภาพถ่ายดาวเทียมคุณภาพสูงทั้งหลาย ก็แสดงให้เห็นถึงกิจกรรมและการก่อสร้างที่เพิ่มมากขึ้น [4] ณ สถานทดลองอาวุธนิวเคลียร์ โนวายา เซมลยา (Novaya Zemlya) ของรัสเซีย ผู้อำนวยการของสถานที่แห่งนี้ยังเคยออกมากล่าวย้ำเมื่อเดือนกันยายน 2024 ว่า ที่นั่นเตรียมพร้อมอยู่แล้วที่จะกลับมาดำเนินการทดสอบในระดับสมบูรณ์เต็มที่ได้ทุกเมื่อถ้าหากได้รับคำสั่ง

อุโมงค์สายใหม่ๆ ที่สถานทดลองนิวเคลียร์ โนวา เซมลยา ของรัสเซีย (ภาพกราฟฟิกจากเ https://roles.rcast.u-tokyo.ac.jp/en/publication/20240918)
ทางด้านจีนก็เป็นประเทศหนึ่งที่ลงนามในสนธิสัญญาห้ามทดลองอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ปี 1966 ทว่าเช่นเดียวกับทางวอชิงตัน ปักกิ่งนั้นไม่เคยให้สัตยาบัน กระนั้นพวกระบบตรวจสอบเฝ้าระวังระดับโลกทั้งหลายซึ่งคอยติดตามกิจกรรมทางนิวเคลียร์ต่างพากันระบุว่า ตรวจไม่พบว่าจีนมีการจุดระเบิดทางนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์ใดๆ นับตั้งแต่ปี 1996

รายงานต่างๆ ที่อิงอาศัยภาพดาวเทียมในช่วงปี 2023-2025 บ่งชี้ให้เห็นว่ามีกิจกรรมเพิ่มมากขึ้นและมีการก่อสร้างใหม่ๆ (เป็นต้นว่าการสร้างอุโมงค์สายใหม่ๆ ตลอดจนพวกอาคารสนับสนุนเพิ่มเติมขึ้นมา) ในสถานที่ทดลอง ล็อปนอร์ (Lop Nor) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตซินเจียงของจีน แต่พวกผู้เชี่ยวชาญก็ชี้ว่าโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้มีความสอดคล้องกับการเตรียมการสำหรับพวกการทดลองแบบกึ่งวิกฤต (subcritical experiments) ซึ่งไม่ได้ก่อให้เกิดแรงระเบิด และไม่ได้เป็นสิ่งต้องห้ามตามสนธิสัญญา CTBT


การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์แบบกึ่งวิกฤตนั้น คือการทดลองที่ใช้การระเบิดทางเคมีมาบีบอัดวัสดุฟิสไซล์ (fissile) อย่างเช่น พลูโตเนียม –แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่นิวเคลียร์แบบพึ่งพาตนเอง ดังนั้นจึงไม่เกิดการระเบิดทางนิวเคลียร์ขึ้นมา ทั้ง จีน, สหรัฐฯ, และรัสเซีย (และเป็นไปได้ว่าประเทศอื่นๆ ซึ่งรวมไปถึง ฝรั่งเศส, สหราชอาณาจักร, ปากีสถาน, อินเดีย, อิสราเอล, เกาหลีเหนือ, ตลอดจนพวกที่ไม่ได้ประกาศตนเองเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์รายอื่นๆ) ต่างเป็นที่ทราบกันดีว่ามีการดำเนินการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์แบบกึ่งวิกฤต หรืออย่างน้อยที่สุดก็ต้องสงสัยว่ามีการดำเนินการในเรื่องนี้

โปรแกรมของสหรัฐฯ

สหรัฐฯกำลังพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์ใหม่ๆ จำนวนหนึ่ง และยังกำลังปรับปรุงหัวรบรุ่นเก่าให้ทันสมัยอีกด้วย นอกจากนั้นสหรัฐฯยังมีความกังวลเกี่ยวกับความเชื่อถือได้และความปลอดภัยของพวกหัวรบนิวเคลียร์ที่มีใช้งานอยู่ในปัจจุบัน
ในบรรดาประเด็นที่กำลังกังวลกันอยู่เหล่านี้ มีอาทิ:
**ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกใช้งานมานาน
**วัตถุระเบิดตามแบบแผนธรรมดาซึ่งบรรจุอยู่ภายในหัวรบนิวเคลียร์ เรื่องนี้ถือเป็นจุดเปราะบางในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา
**การอัปเกรดที่จำเป็นต้องทำ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มก๊าซในขั้นตอนต้นๆ ของการฟิชชั่นของอาวุธนิวเคลียร์ ช่วงใกล้กับที่จะมีการระเบิด เพื่อทำให้แน่ใจในเรื่องความเชื่อถือได้ของหัวรบ เรื่องนี้กระทำด้วยการเติมเชื้อเพลิงเทอร์โมนิวเคลียร์ผสม (ปกติแล้วคือ ก๊าซดิวทีเรียม deuterium และ ทริเทียม tritium) เข้าไปในขั้นตอนต้น (ขั้นตอนฟิชชั่น) ของอาวุธเพิ่มปฏิกิริยาฟิชชั่น หรืออาวุธเทอร์โมนิวเคลียร์ (ไฮโดรเจน)

สำหรับหัวรบใหม่ๆ ของสหรัฐฯที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา ก็รวมไปถึงหัวรบ W87-1 สำหรับติดตั้งกับขีปนาวุธเซนทิเนล (Sentinel) [5] ทั้งนี้ เซนทินัลเป็นโปรแกรมขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีป หรือ ICBM มูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเข้าแทนที่ มินิตแมน 3

ทางด้านกองทัพเรือสหรัฐฯก็กำลังดำเนินโปรแกรมเพื่อยืดอายุให้แก่หัวรบนิวเคลียร์ W88 หัวรบชนิดนี้ออกแบบขึ้นมาในช่วงทศวรรษ 1970 และถูกใช้ติดตั้งไว้ขีปนาวุธทิ้งตัวชนิดยิงจากเรือดำน้ำแบบ ไทรเดนต์ ดี-5 (Trident D-5) ของสหรัฐฯ โดยล็อตสุดท้ายถูกผลิตออกมาในปี 1992 กองทัพเรือสหรัฐฯยังกำลังวางแผนผลิตหัวรบรุ่นใหม่สำหรับขีปนาวุธ ดี-5 โดยเรียกว่า หัวรบ W93

โปรแกรมอื่นๆ ยังมี หัวรบแบบไม่นำวิถี B-61 (B-61 gravity bomb) ซึ่งเป็นหัวรบที่สามารถกำหนดแรงระเบิดของแต่ละลูกได้ (หรือเรียกกันว่า “dial a blast” ในภาษาพูดอย่างไม่เป็นทางการของฝ่ายทหาร) และขีปนาวุธร่อนรุ่นใหม่ที่จะมาแทนที่โทมาฮอว์ก (Tomahawk) เหล่านี้ต่างกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ หรืออยู่ระหว่างการวางแผน

ปัญหาเกี่ยวกับหลุมนิวเคลียร์

ขณะที่อาวุธนิวเคลียร์ซึ่งสหรัฐฯมีอยู่ในปัจจุบัน สามารถนำมาทดสอบใต้ดินได้เพียงเฉพาะในกรณีที่มันก่อให้เกิดแรงระเบิดไม่ถึง 150 กิโลตัน –พูดง่ายๆ ก็คืออาวุธนิวเคลียร์แทบทั้งหมดที่มีอยู่ในคลังแสงสหรัฐฯในปัจจุบัน อยู่ในข่ายไม่สามารถดำเนินการทดสอบได้ – สหรัฐฯก็ยังคงสามารถตัดสินใจดำเนินการทดสอบแบบทดสอบบางส่วน กระนั้นก็ตาม สำหรับพวกอาวุธรุ่นใหม่ๆ แล้ว สหรัฐฯมีความจำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการกลับมาผลิตชิ้นส่วนที่เรียกกันว่า หลุมพลูโตเนียม (plutonium pits) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำหรับบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ กันอีกครั้งหนึ่ง ก่อนหน้าจะดำเนินกระบวนการทดสอบจริงๆ ใดๆ ก็ตามที

หลุมพลูโตเนียม คือแกนกลางฟิสไซล์ ซึ่งอยู่ตรงกลางของขั้นตอนต้น (ขั้นตอนฟิชชั่น) ของอาวุธนิวเคลียร์สมัยใหม่ มันเป็นชิ้นส่วนที่เมื่อถูกบีบอัด จะทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ฟิชชั่น ซึ่งจะปลดปล่อยพลังงานมหาศาลออกมา สหรัฐฯไม่ได้มีการผลิตชิ้นส่วนนี้ภายหลังจากปี 1989 แต่กระทรวงพลังงาน [6] เพิ่งประกาศว่า สำนักงานบริหารความปลอดภัยนิวเคลียร์แห่งชาติ (National Nuclear Safety Administration) จะกลับมาผลิตหลุมนิวเคลียร์กันใหม่อีกครั้งหนึ่ง

กระทรวงพลังงานแถลงว่า “เมื่อพิจารณาจากความไม่แน่ไม่นอนในรื่องเกี่ยวกับอายุของพลูโตเนียม และภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังเกิดการวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงไป สหรัฐฯจึงไม่สามารถเลื่อนเวลาในการกลับมาครอบครองสมรรถนะอันสำคัญยิ่งยวดนี้อีกครั้งหนึ่งได้แล้ว”

หลุมนิวเคลียร์ เป็นชิ้นส่วนที่จะเสื่อมลงอย่างช้าๆ [7] ตามอายุของมัน ตามการประมาณการในระยะหลังๆ นี้ [8] บ่งชี้ว่าชีวิตใช้งานของหลุมนิวเคลียร์ชิ้นหนึ่งๆ น่าจะอยู่ในราว 100 ปี จากข้อเท็จจริงนี้จึงเท่ากับเป็นการเสนอแนะว่าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนใดๆ ที่จะเปลี่ยนชิ้นส่วนตัวนี้ที่อยู่ในพวกอาวุธนิวเคลียร์รุ่นเก่า แต่ในการผลิตพวกอาวุธนิวเคลียร์รุ่นใหม่ๆ อย่างเช่นหัวรบสำหรับขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีป “เซนทินัล” แล้ว เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องทำการผลิตหลุมนิวเคลียร์ใหม่ๆ ขึ้นมารองรับ

หลุมพลูโตเนียม ซึ่งออกแบบมาตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1940 (ภาพจากห้องปฏิบัติการแห่งชาติ ลอสอะลามอส Los Alamos National Laboratory)
แผนการของกระทารวงพลังงานคือ จะผลิตหลุมนิวเคลียร์ที่สถานปฏิบัติการแห่งชาติลอสอะลามอส (Los Alamos National Laboratory)ให้ได้ปีละ 30 หน่วย ติดตามมาด้วยการผลิตในโรงงานแห่งใหม่ที่ ซาวันนาห์ ริเวอร์ ไซต์ (Savannah River Site) ในระดับปีละ 50 หน่วย

บางทีสหรัฐฯอาจจะไม่สามารถรอคอยอย่างเนิ่นนานเกินไป ในเรื่องการดำเนินการทดสอบเพื่อสนับสนุนหัวรบนิวเคลียร์รุ่นใหม่ของตน รวมทั้งเพื่อสนับสนุนพวกโปรแกรมยืดชีวิตการใช้งานอาวุธนิวเคลียร์ที่มีอยู่แล้ว

กระนั้น มันก็มีวิธีการอยู่มากมายสำหรับการดำเนินการทดสอบแบบจำลองสถานการณ์ให้เหมือนจริง (บวกกับการทดสอบทางกายภาพระดับกึ่งวิกฤต และการดำเนินการทดลองด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์) ทว่าการทดสอบเพียงแค่ระดับที่จำเป็นเช่นนี้ จะถือว่าเหมาะสมเพียงพอสำหรับการสร้างความมั่นใจว่าสหรัฐฯจะมีคลังแสงนิวเคลียร์ที่เชื่อถือได้หรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่สามารถอภิปรายถกเถียงกันได้

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาเข้าไปถึงความผูกพันของสหรัฐฯที่จะต้องปฏิบัติตามสนธิสัญญาต่างๆ รวมทั้งการยอมรับความเป็นจริงที่ว่าโปรแกรมทดสอบใต้ดินไม่ว่าในขนาดขอบเขตใดๆ ก็ตามที จะเป็นเหตุให้ชาติอื่นๆ โดยเฉพาะรัสเซียกับจีน ลงมือกระทำอย่างเดียวกันบ้าง มันก็มีความเป็นไปได้อย่างสูงทีเดียวที่โปรแกรมการทดลองใหม่ของวอชิงตันจะยังคงอยู่ในลักษณะเป็นการทดสอบแบบบางส่วนและอย่างมีข้อจำกัด

ด้วยเหตุนี้ เราจึงสามารถตีความคำสั่งที่ทรัมป์สั่งการไปยังเพนตากอนได้ว่า แทบจะเป็นการแน่นอนทีเดียวว่ามันคือการสนับสนุนการทดสอบแบบบางส่วนและอย่างมีข้อจำกัด รวมทั้งเป็นการอนุมัติให้ผลิตหัวรบรุ่นใหม่ ส่วนประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัสเซียและจีน จะมองดูเรื่องนี้ด้วยสายตาเช่นนี้ด้วยหรือไม่นั้น เรายังไม่สามารถที่จะทราบได้

สตีเฟน ไบรเอน เป็นผู้สื่อข่าวอาวุโสของเอเชียไทมส์ และเป็นอดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหมฝ่ายนโยบายของสหรัฐฯ ข้อเขียนชิ้นนี้ทีแรกสุดปรากฏอยู่บนจดหมายข่าว Weapons and Strategy ในแพลตฟอร์ม Substack ของเขา

เชิงอรรถ

[1] https://www.cbsnews.com/news/trump-on-nuclear-testing-government-shutdown-immigration-tariffs-china-60-minutes-transcript/
[2] https://www.newsweek.com/photo-shows-test-launch-of-us-minuteman-iii-nuclear-missile-10996721
[3] https://www.armscontrol.org/blog/2023-11/nuclear-disarmament-monitor
[4] https://roles.rcast.u-tokyo.ac.jp/en/publication/20240918
[5] https://www.afnwc.af.mil/Weapon-Systems/Sentinel-ICBM-LGM-35A/
[6] https://www.energy.gov/nnsa/plutonium-pit-production
[7] https://www.tms.org/pubs/journals/JOM/0309/Martz-0309.html
[8] https://www.llnl.gov/sites/www/files/2020-05/puaging-str-may-07.pdf
กำลังโหลดความคิดเห็น