เอเจนซีส์ - ทำเนียบขาวสั่งสถานทูตทั่วโลกใช้เหตุผลปัญหาสุขภาพเพื่อปฎิเสธวีซ่าสหรัฐฯอ้าง เข้ามาเปลืองภาษีประชาชนอเมริกันด้านการรักษาพยาบาล คนป่วยโรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ ป่วยเรื้อรัง มีสิทธิ์ห้ามเข้าเรียกเสียงวิจารณ์จากกลุ่มปกป้องสิทธิผู้อพยพเป็นการเพิ่มข้อกำหนดปฎิเสธวีซ่าสหรัฐฯของรัฐบาลทรัมป์ล่าสุด
CBS News รายงานวันพฤหัสบดี(6 พ.ย) ชาวต่างชาติที่ต้องการขอวีซ่าพำนักถาวร(Immigrant Visa)เพื่อย้ายมาอาศัยในอเมริกาอาจโดนปฎิเสธได้หากคนเหล่านั้นมีปัญหาสุขภาพบางอย่างรวม โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคป่วยเรื้อรัง อ้างอิงจากคำสั่งจากรัฐบาลสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี(6)
คำแนะนำจากโทรเลขกระทรวงต่างประเทศที่ส่งไปยังสถานทูตสหรัฐฯและกงสุลสหรัฐฯทั่วโลกและรั่วไปถึงสื่อด้านสุขภาพ KFF พบว่าภายใต้คำสั่งให้เจ้าหน้าที่วีซ่าสหรัฐฯประเมินผู้ยื่นขอวีซ่าโดยใช้เหตุผลเพิ่มเติมในการปฎิเสธเป็นต้นว่า อายุ หรือผู้ขออาจจะต้องพึ่งพาการช่วยเหลือด้านสวัสดิการจากรัฐบาลสหรัฐฯในอนาคต
คำแนะนำกล่าวว่า บุคคลเหล่านั้นอาจเป็นปัญหาที่อาจจะใช้ทรัพยากรนสหรัฐฯจำนวนมากเนื่องมาจากปัญหาสุขภาพหรืออายุเป็นหลัก
ในโทรเลขทางการทูตได้กระตุ้นให้กงสุลอเมริกันพิจารณาปัจจัยสุขภาพเป็นต้นว่า โรคอ้วนที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคหืด ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ และโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งในการประเมินนี้จะชี้ว่าผู้ขออาจเป็นภาระต่อสาธารณะได้ในอนาคตดังนั้นในคำแนะนำให้กงสุลอเมริกันเห็นควรปฎิเสธ
“ทุกอย่างที่ต้องการการรักษาที่มีราคาแพงและระยะยาว” อ้างอิงจากโทรเลขทางการทูตสหรัฐฯ
Spectrum News ของสหรัฐฯรายงานเพิ่มเติมว่า คำสั่งใหม่จากรัฐบาลทรัมป์นี้เรียกเสียงวิจารณ์ไปทั่วโดยเฉพาะด้านสิทธิผู้อพยพที่กล่าวว่า ไม่เป็นธรรมต่อการปิดกั้นผู้ขอวีซ่าที่มีปัญหาทางสุขภาพทั่วไปเหล่านี้ในการเข้าสู่อเมริกา
ทั้งนี้กฎใหม่ไม่บังคับใช้กับวีซ่าประเภทอื่น เป็นต้นว่าวีซ่าเยี่ยม หรือวีซ่าท่องเที่ยว
กลุ่มเคลื่อนไหวสิทธิผู้อพยพเรียกกฎใหม่ว่าเป็นนโยบายกีดกันและเหวี่ยงแหขณะที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯอ้างว่า เป็นการปกป้องผู้เสียภาษีอเมริกัน
อันเดรส กูเออร์รา (Andres Guerra) ทนายความของ CHIRLA กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิผู้อพยพแสดงความเห็นว่า “เป็นสารที่ชัดเจนที่ว่ารัฐบาลสหรัฐฯชุดนี้พยายามที่จะส่งไปทั่วโลก..และนั่นคือ “อย่ามาที่นี่”
CBS News รายงานว่า โทรเลขการทูตสหรัฐฯยังกล่าวต่อว่า “คุณต้องพิจารณาสุขภาพของผู้ขอ” และกล่าวต่อว่า “ปัญหาสุขภาพบางประการที่รวมถึง..แต่ไม่จำกัดทั้ง โรคหัวใจ โรคปัญหาทางเดินหายใจ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคภาวะที่ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานผิดปกติ โรคระบบสมองประสาท และโรคทางสุขภาพจิตสามารถต้องใช้เงินหลายแสนดอลลาร์ในการรักษา”
มีประชากรทั่วโลกราว 10% ป่วยเป็นโรคเบาหวาน และโรคหัวใจนั้นมีประชาชนป่วยทั่วโลกเป็นจำนวนมาก ทั้งสองโรคถือเป็นโรคที่คร่าชีวิตประชากรทั่วโลกมากที่สุด
ในคำแนะนำยังสั่งให้เจ้าหน้าที่วีซ่าสหรัฐฯต้องพิจารณาว่าผู้ขอมีเงินมากเพียงพอที่จะสามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลในสหรัฐฯโดยที่ไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐฯได้หรือไม่
และในกฎใหม่ยังสั่งให้พิจารณาประเด็นสุขภาพของสมาชิกครอบครัวรวมไปถึงเด็กและพ่อแม่ที่สูงอายุ
“มีใครในกลุ่มผู้ติดตามนั้นเป็นผู้พิการ หรือมีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง หรือความจำเป็นอื่นที่ต้องการรับการดูแลจนผู้ร้องขอไม่สามารถทำงานได้?”
CBS News รายงานว่า บุคคลที่ต้องการวีซ่าเข้าสหรัฐฯต้องได้รับการตรวจโดยแพทย์ที่ได้รับการอนุมัติจากสถานทูตสหรัฐฯก่อน


