รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – บริษัทสตาร์บัคส์ร้านกาแฟชื่อดังของสหรัฐฯออกแถลงการณ์วันจันทร์(3 พ.ย)ว่า จะขายหุ้น 60% ของกิจการในจีนให้กับบริษัทลงทุนจีน Boyu Capital ในข้อตกลงมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ และหลังจากนี้กิจการสตาร์บัคส์จะอยู่ภายใต้บริษัทร่วมทุน เล็งสยายปีกคาดเปิดสาขาทั่วแดนมังกรให้ได้ถึง 30,000 สาขาในอนาคต
รอยเตอร์รายงานวันอังคาร(4 ต.ค)ว่า ภายใต้ข้อตกลงการดำเนินงานของสตาร์บัคส์ในจีนจะอยู่ภายใต้กิจการร่วมทุนระหว่างสตาร์บัคส์ของสหรัฐฯและบริษัทการลงทุนจีน Boyu Capital ที่จะถือสัดส่วน 60%
ขณะที่สตาร์บัคส์จะยังคงถืออยู่ 40% ในกิจการค้าร่วมและจะยังคงเป็นเจ้าของและรวมไปถึงใบอนุญาตแบรนด์และทรัพย์สินทางปัญญาในบริษัทใหม่ที่จะเปิด อ้างอิงจากแถลงการณ์ของบริษัทสตาร์บัคส์ที่ออกแถลงการณ์ในวันจันทร์(3)
เป็นดีลทางธุรกิจที่มีมูลค่าสูงถึง 4 พันล้านดอลลาร์ทีเดียว
CNBC ของสหรัฐฯรายงานเพิ่มเติมว่า ในไม่กี่ปีมานี้บริษัทร้านกาแฟสตาร์บัคส์ชื่อดังเห็นยอดขายในจีนตกลง โดยในรอบแรกมาจากวิกฤตโควิด-19 ระบาด และข้อจำกัดต่างๆของรัฐบาลจีน
ส่วนรอบหลังที่ยอดขายลดเนื่องมาจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น
เป็นเวลาหลายสิบปีที่เศรษฐกิจที่มีการเติบโตเร็วและมีพลเมืองมหาศาลเป็นตลาดที่น่าดึงดูดสำหรับบริษัทชื่อดังจากสหรัฐฯ แต่ทว่าในไม่กี่ปีที่ผ่านมาปัญหาจากเศรษฐกิจซบเซาและมีการแข่งขันเพิ่มมากขึ้นจากแบรนด์ในประเทศทำให้บริษัทต่างชาติต้องหันมาเปลี่ยนยุทธวิธีของตัวเอง
ซึ่งในปัจจุบันบริษัทสตาร์บัคส์มีสาขาทั่วประเทศจีนราว 8,000 สาขา แต่ทว่าสตาร์บัคส์มีความฝันที่ยิ่งใหญ่สำหรับตลาด
ซีอีโอ ไบรอัน นิคโคล (Brian Niccol) ได้เคยให้สัมภาษณ์กับ CNBC ไว้เมื่อกันยายนที่ผ่านมาว่า ในวันหนึ่งที่จีนอาจจะได้เห็นร้านกาแฟสตาร์บัคส์เปิด 20,000 สาขา – 30,000 สาขาทั่วประเทศจีนที่มีขนาดกว้างใหญ่ไพศาลก็ได้


