(เก็บความจากเอเชียไทมส์ https://asiatimes.com/2025/10/chinese-pundits-claim-victory-after-trumps-trade-concessions/)
Chinese pundits claim victory after Trump’s trade concessions
by Jeff Pao
31/10/2025
สื่อมวลชนและแวดวงอุตสาหกรรมการผลิตของจีนพากันปีติยินดีกับผลการเจรจาระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ กับ สี จิ้นผิง ที่เกาหลีใต้ โดยเฉพาะประเด็นที่ ผู้นำสหรัฐฯยอมลดอัตราภาษีศุลกากรส่วนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเฟนทานิลซึ่งอยู่ในอัตรา 20% ลงมาครึ่งหนึ่ง ขณะเดียวกันก็ขยายการระงับใช้ภาษีศุลกากรเพื่อการตอบโต้ต่างตอบแทน อัตรา 24% ออกไปอีก 1 ปีเต็มๆ แทนที่จะเพียงแค่ 90 วันอย่างที่ได้รับการคาดหมายเอาไว้ก่อนหน้านี้
ทั้งสื่อมวลชนของจีนและพวกนักวิจารณ์แสดงความเห็นผ่านสื่อ (คอมเมนเตเตอร์) ของแดนมังกร ต่างพากันส่งเสียงเชียร์สนั่นด้วยความยินดีอย่างฉับพลัน ภายหลังการประชุมซัมมิตครั้งล่าสุดระหว่างผู้นำสูงสุดของจีนและของสหรัฐฯ เมื่อวอชิงตันยินยอมที่จะลดภาษีศุลกากรซึ่งเรียกเก็บด้วยข้ออ้างเรื่องปักกิ่งไม่ให้ความร่วมมือในการสกัดกั้นปราบปรามยาเสพติดเฟนทานิล (fentanyl) เข้าสหรัฐฯที่อยู่ในอัตรา 20% ลงมาครึ่งหนึ่ง รวมทั้งตกลงขยายการระงับใช้ภาษีศุลกากรเพื่อการตอบโต้ต่างตอบแทน (reciprocal tariffs) อัตรา 24% ออกไปอีก 1 ปีเต็มๆ แทนที่จะเพียงแค่ 90 วันอย่างที่ได้รับการคาดหมายเอาไว้ก่อนหน้านี้
การประกาศอ้างชัยชนะเช่นนี้มีขึ้นตามหลังการพบปะเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน [1] ในเกาหลีใต้เมื่อตอนเช้าวันพฤหัสบดี (30 ต.ค.)
พวกผู้รู้ชาวจีนบอกว่า การที่ทรัมป์ยอมประนีประนอมใน 2 เรื่องนี้ถือว่ามีความสำคัญ ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าหลังจากวอชิงตันกับปักกิ่งตกลงกันที่จะจำกัดลงทอนสงครามภาษีศุลกากรของพวกเขาไม่ให้ขยายตัวบานปลายออกไปในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาแล้วก็ตาม พวกผู้ส่งออกชาวจีนก็ยังคงต้องจ่ายภาษีในอัตราเฉลี่ยเท่ากับ 55% กล่าวคือ ภาษีศุลกากรที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิล 20% บวกด้วยภาษีตอบโต้ต่างตอบแทน 10% และภาษีที่สหรัฐฯบังคับใช้ในช่วงสงครามการค้าปี 2018 ซึ่งยังคงมีผลบังคับอย่างต่อเนื่องต่อมาอีก 25% (หมายเหตุผู้แปล - ในทางเป็นจริง ผู้ที่ต้องจ่ายภาษีเหล่านี้ ย่อมไม่ใช่ผู้ส่งออกชาวจีนฝ่ายเดียว โดยผู้นำเข้าสหรัฐฯก็ย่อมต้องร่วมแบกภาระนี้ด้วย)
ระยะ 9 เดือนแรกของปีนี้ ยอดส่งออกโดยรวมของจีนไปยังสหรัฐฯมีมูลค่า [2] 317,000 ล้านดอลลาร์ ลดลงมา 16.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทั้งนี้ตามตัวเลขของมูลของสำนักงานศุลกากรจีน (China Customs) หากแนวโน้มเช่นนี้ยังคงดำเนินต่อเนื่องไปในไตรมาส 4 แล้ว คำนวณกันว่ายอดส่งออกของสินค้าจีนไปยังสหรัฐฯตลอดทั้งปี 2025 จะอยู่ที่ 435,000 ล้านดอลลาร์ ตกฮวบจากระดับปี 2024 ซึ่งอยู่ที่ 526,000 ล้านดอลลาร์ การได้ลดภาษีศุลกากรลงมา 10% คราวนี้ จะทำให้พวกผู้ส่งออกชาวจีนสามารถประหยัดเงินได้ในระดับเท่ากับปีละ 43,500 ล้านดอลลาร์ทีเดียว
เพียง 1 วันก่อนการพบปะเจรจาระหว่างสี-ทรัมป์ บริษัทรัฐวิสาหกิจ คอฟโค (COFCO) ของจีน ได้สั่งซื้อถั่วเหลืองสหรัฐฯเป็นจำนวน 3 ลำเรือ ถือเป็นการที่จีนสั่งซื้อครั้งแรกจากฤดูเก็บเกี่ยวถั่วเหลืองของสหรัฐฯในปีนี้ ทั้งนี้ตามรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ [3] แม้กระทั่งถ้าหากจีนจะซื้อถั่วเหลืองอเมริกันตลอดปี 2025 นี้ในปริมาณเท่ากับปีที่แล้ว ก็จะต้องจ่ายให้แก่เกษตรกรสหรัฐฯ 12,600 ล้านดอลลาร์เท่านั้น โดยที่เรื่องนี้แดนมังกรสามารถดำเนินการได้ง่ายๆ ด้วยการเปลี่ยนการสั่งซื้อจากบราซิลมาเป็นสหรัฐฯเท่านั้น
คอลัมนิสต์ที่ตั้งฐานอยู่ในมณฑลอานฮุยผู้หนึ่ง ซึ่งเขียนโดยใช้นามปากกว่า “ร้านน้ำชาเล็กๆ ในหลูโจว” (Little Teahouse in Luzhou) แสดงความคิดเห็น [4] ว่า “ทำไมจู่ๆ สหรัฐฯจึงคลายการบีบคั้นของตัวเองลงเช่นนี้? อธิบายกันง่ายๆ ก็คือว่า ห่วงโซ่ทางอุตสาหกรรมของพวกเขาเองไม่สามารถทนแบกรับภาวะเขม็งเกลียวได้อีกต่อไปแล้ว”
“สหรัฐฯครั้งหนึ่งเคยข่มขู่จะบังคับเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มในอัตรา 100% เพื่อเป็นการตอบโต้แก้เผ็ดมาตรการควบคุมแรร์เอิร์ธของจีน แต่ไม่ช้าไม่นานก็ตระหนักถึงความเป็นจริงที่ว่า 90% ของความสามารถในการแต่งแรร์เอิร์ธให้มีความบริสุทธิเพิ่มขึ้นของโลกนั้นอยู่ในประเทศจีน ดังนั้น แม้กระทั่งสินแร่แรร์เอิร์ธที่ขุดขึ้นมาจากเหมืองในรัฐเนวาดาก็ยังต้องลำเลียงมายังเสฉวนเพื่อการแปรรูป”
คอลัมนิสต์ผู้นี้บอกว่า ครั้งหนึ่งบริษัทผลิตอาวุธรายยักษ์ของสหรัฐฯอย่าง เรย์ธีออน (Raytheon) ต้องหยุดพักสายการผลิตขีปนาวุธสายหนึ่งไป เนื่องจากขาดแคลนแรร์เอิร์ธ และวงจรการผลิตเครื่องบินขับไล่ F-35 นั้นต้องขยายยืดเวลาออกไปจาก 61 วันเป็น 300 วัน ซึ่งกำลังส่งผลให้เกิดความท้าทายอย่างสำคัญต่างๆ ขึ้นมาในเรื่องความพรักพร้อมและการบำรุงรักษาฝูงเครื่องบิน F-35 ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ
“มันก็เหมือนกับบุคคลคนหนึ่งซึ่งยืนยันที่จะซ่อมแซมปรับปรุงบ้านของเขาเสียใหม่ด้วยแผ่นกระเบื้องนำเข้า แต่แล้วก็พบว่ากระเบื้องทั้งหมดในโลกนี้ผลิตขึ้นโดยเพื่อนบ้านของเขา เขาจึงต้องหันมาร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านของเขา” นักเขียนผู้นี้บอก
เขากล่าวต่อไปว่า จีนใช้ไพ่แรร์เอิร์ธของตนได้อย่างทรงประสิทธิภาพในการเจรจาต่อรองทางการค้ากับสหรัฐฯ โดยกำลังประสบความสำเร็จในการได้รับเวลาเพิ่มเติมขึ้นมาสำหรับการปฏิรูปห่วงโซ่อุปทานของตน เขาให้ความเห็นด้วยว่า ถึงแม้สหรัฐฯแสดงความปรารถนาที่จะประนีประนอมในครั้งนี้ ดังเห็นได้ในความพยายามที่จะแก้ไขคลี่คลี่ปัญหาเฟนทานิลของตนเองและทำข้อตกลงเรื่องติ๊กต็อก ทว่าการชี้นำเชิงนโยบายของสหรัฐฯที่มุ่งกำราบกดขี่พัฒนาการทางเทคโนโลยีของจีน ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย
ใบสั่งซื้อเข้าสู่โรงงานเพิ่มมากขึ้น
การประกาศหยุดพักเรื่องภาษีศุลกากรออกไปก่อน 1 ปีเช่นนี้ กลายเป็นชนวนทำให้เกิดกระแสคลื่นการมองโลกแง่บวกขึ้นในทั่วทั้งแวดวงอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศจีน ตั้งแต่ภายในโรงงานต่างๆ ที่มณฑลกวางตุ้ง ไปจนถึงศูนย์ส่งออกทั้งหลายในมณฑลเจียงซู พวกผู้นำภาคธรกิจต่างยกย่องชมเชยการตัดสินใจครั้งนี้ว่า เป็นต่อเส้นชีวิตอย่างสำคัญยิ่งยวดที่ฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้แก่ภาคเศรษฐกิจนี้ และจุดประกายให้มีใบสั่งซื้อจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามาอีกครั้ง
อารมณ์ความรู้สึกของการเฉลิมฉลองเช่นนี้ เป็นการตอกย้ำให้เห็นว่า การยืดเวลาพักรบเรื่องภาษีศุลกากรออกไป 1 ปีนี้มีความเกี่ยวข้องพัวพันอย่างลึกซึ้งขนาดไหนกับความคาดหวังที่ว่าเศรษฐกิจที่ยังต้องพึ่งพาอาศัยการส่งออกของจีน จะสามารถกลับคืนสู่ความมีเสถียรภาพ
ตามรายงานของสื่อมวลชนจีนบางราย พวกผู้จัดการโรงงานและพวกผู้ส่งออกต่างพูดถึง [5] ข่าวนี้ว่า คือเส้นชีวิตสำหรับกำหนดการวางแผนทางด้านการผลิต และบัญชีบันทึกรายการสั่งซื้อ ซึ่งในปีนี้เท่าที่เป็นอยู่จนถึงขณะนี้อยู่ในสภาพที่หดตัวลงเรื่อยๆ สืบเนื่องจากแรงบีบคั้นจากภาษีศุลกากร
คอลัมนิสต์ผู้หนึ่งที่ตั้งฐานอยู่ในมณฑลเหลียวหนิงเขียน [6] ว่า ข้อตกลงสงบศึกทางการค้า 1 ปีคราวนี้ จะเปิดทางให้บริษัทต่างๆ สามารถตกลงทำสัญญากับพวกคู่ค้าในสหรัฐฯได้, รักษาการจ้างงานพวกพนักงานลูกจ้างของตนเอาไว้ต่อไป, และสร้างความมั่นใจให้แก่พวกลูกค้าขึ้นมาอีกครั้งหลังจากระยะเวลาแรมเดือนของความไม่แน่ไม่นอน
“พวกนายใหญ่ของกิจการส่งออกของจีนพากันเฉลิมฉลองที่ยังมีเวลาหายใจหายคอได้อีกปีหนึ่ง” เขากล่าว “พวกผู้ส่งออกของเล่นบางรายกระทั่งพูดตลกเล่นมุกกันบนสื่อสังคมว่า แรงดันเลือดของพวกเขาสามารถลดลงมาได้เสียทีเนื่องจากข่าวดีนี้”
เขาบอกว่า ผู้ส่งออกชาวจีนบางคนที่ก่อนหน้านี้วางแผนการขึ้นราคาเพื่อเตรียมทุนรอนเอาไว้จ่ายภาษีศุลกากร หรือไม่ก็โยกย้ายโรงงานของพวกเขาไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตอนนี้สามารถเลื่อนแผนการเหล่านี้ออกไปก่อน
คอลัมนิสต์ผู้นี้เขียนว่า การเมืองสหรัฐฯแสดงบทบาทสำคัญมากในการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนที่เกิดขึ้นในระยะหลังๆ นี้ เนื่องจากทรัมป์ต้องการที่จะประคองรักษาเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพและตลาดหุ้นที่เข้มแข็งเอาไว้ เพื่อสนับสนุนพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตอนช่วงการเลือกตั้งกลางเทอมในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2026 เขาเสนอแนะว่าจีนต้องใช้ระยะเวลา 1 ปีจากนี้ไปในการกระจายห่วงโซ่อุปทานของตน และยกระดับอุตสาหกรรมต่างๆ ของตน
เป็นเวลาหลายเดือนทีเดียว ปักกิ่งเที่ยวเรียกร้องวอชิงตันซ้ำแล้วซ้ำอีก [7] ให้ “แสวงหาความร่วมมือกับจีนอย่างจริงจังและเดินหน้าเปิดการสนทนากันที่ยึดโยงอยู่กับความเท่าเทียมกัน, ความเคารพกัน, และคำนึงถึงผลประโยชน์ที่มีร่วมกัน” ถ้าหากสหรัฐฯต้องการที่จะแก้ไขคลี่คลายปัญหายาเสพติดเฟนทานิลซึ่งเป็นปัญหา “ของสหรัฐฯเอง”
พิจารณาจากการที่ในครั้งนี้วอชิงตันได้ลดภาษีศุลกากรที่เกี่ยวข้องกับเฟนทานิลลงมาครึ่งหนึ่ง รวมทั้งเห็นพ้องที่จะขยายระยะเวลาใช้ข้อตกลงสงบศึกทางการค้าไป 1 ปี ปักกิ่งก็มีความรู้สึกว่าข้อเรียกร้องของตนที่ให้ได้รับ “ความเคารพ” และได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมนั้น ทางวอชิงตันได้ตระหนักยอมรับรู้ [8] แล้ว จนกลายเป็นการนำทางให้พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯทั้งหลายลดทอนน้ำเสียงของพวกเขาให้นุ่มนวลลงมาในเรื่องเกี่ยวกับเฟนทานิล
ขณะที่ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กัว เจียคุน (Guo Jiakun) กล่าว [9] ถึงเรื่องนี้ระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนตามปกติเมื่อวันพุธ (29 ต.ค.) ว่า “จีนแสดงความเห็นอกเห็นใจสำหรับการเกิดวิกฤตเฟนทานิลขึ้นในอเมริกา ที่ผ่านมาจีนได้จัดหาความช่วยเหลือในเรื่องนี้ ซึ่งก่อให้เกิดผลลัพธ์ต่างๆ ในทางบวก และยังคงเปิดกว้างสำหรับการร่วมมือกับสหรัฐฯอย่างต่อเนื่อง”
ค่าธรรมเนียมการใช้ท่าเรือและกฎระเบียบการแซงก์ชั่น
ตามประกาศของฝ่ายจีนระบุว่า ทางฝ่ายสหรัฐฯเห็นพ้องให้เลื่อนเวลาบังคับใช้กฎระเบียบการแซงก์ชั่นครั้งใหม่ของตนออกไปเป็นเวลา 1 ปี
กฎระเบียบการแซงก์ชั่นครั้งใหม่ดังกล่าวนี้ ซึ่งวอชิงตันประกาศในวันที่ 29 กันยายนนั้น มุ่งหมาย [10] ที่จะขยายบัญชีดำทั้ง “บัญชีรายชื่อกิจการและบุคคล (Entity List) และ “บัญชีรายชื่อผู้ใช้สุดท้ายทางการทหาร” (Military End-User List) ของสหรัฐฯ ให้ครอบคลุมบังคับเอากับพวกกิจการในเครือของกิจการหรือบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีดำเหล่านี้อยู่แล้ว โดยที่เรื่องนี้เองได้เร่งรัดให้รัฐบาลเนเธอร์แลนด์อ้างอำนาจตามพระราชบัญญัติการได้มาซึ่งสินค้า (Goods Availability Act) ของตน มายึดบริษัทเน็กซ์พีเรีย (Nexperia) ซึ่งเป็นกิจการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในแดนกังหันลม ที่อยู่ในเครือของ วิงเทค เทคโนโลยี (Wingtech Technology) บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ที่รัฐบาลจีนถือหุ้นอยู่บางส่วน โดยกล่าวหาว่า เน็กซ์พีเรีย มี “ความบกพร่องในด้านธรรมาภิบาลอย่างร้ายแรง” ทั้งนี้ วิงเทค ถูกสหรัฐฯขึ้นบัญชีดำ “Entity List” ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2024
ปักกิ่งแถลงว่า จะเลื่อนเวลาบังคับใช้กฎระเบียบคุมเข้มแรร์เอิร์ธฉบับใหม่ของตนที่ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม เป็นเวลา 1 ปี โดยที่กฎระเบียบนี้กำหนดให้พวกบริษัทต่างประเทศต้องยื่นขอใบอนุญาตส่งออกจากประเทศจีน ถ้าหากผลิตภัณฑ์ของพวกเขามีการใช้ส่วนประกอบแรร์เอิร์ธของจีน หรือใช้เทคโนโลยีการแปรรูปหรือการแต่งแร่ให้บริสุทธิยิ่งขึ้นของจีน
นอกจากนั้น สหรัฐฯกับจีนยังต่างฝ่ายต่างระงับการเก็บค่าธรรมเนียมใช้ท่าเรือซึ่งประกาศออกมาตอบโต้กันไปเป็นเวลา 1 ปีเช่นกัน
ทั้งนี้เมื่อเดือนเมษายนปีนี้ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (US Trade Representative หรือ USTR) ได้อ้างผลการสอบสวนของตนตามอำนาจมาตรา 301 (Section 301) แห่งรัฐบัญญัติการค้าสหรัฐฯ กล่าวหา [11] พวกกิจการต่อเรือจีนและพวกผู้ดำเนินการเดินเรือจีนวา กำลังใช้วิธีปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมเพื่อให้ได้ส่วนแบ่งตลาดในทั่วโลก ต่อมาในวันที่ 14 ตุลาคม สหรัฐฯก็เริ่มต้นบังคับเก็บค่าธรรมเนียมอัตราสูงลิ่วจากเรือจีนทั้งหลายที่เข้าจอดเทียบท่าเรือสหรัฐฯ ปรากฏว่าทางฝ่ายจีนก็ได้ประกาศตอบโต้เอาคืนกับเรือสหรัฐฯด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน
ผู้สังเกตการณ์บางคนให้ความเห็นว่า ทรัมป์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการก่อสงครามการค้าของเขากับจีน จากการที่เขาต้องเลื่อนเวลาบังคับใช้มาตรการเก็บค่าธรรมเนียมใช้ท่าเรือและกฎระเบียบแซงก์ชั่นฉบับใหม่ แต่คนอื่นๆ บอกว่ายังเร็วเกินไปที่จะมีข้อสรุปเช่นนี้ นอกจากนั้นแล้ว คณะบริหารทรัมป์ยังน่าจะต้องยอมประนีประนอมบางอย่างเพื่อให้สามารถทำข้อตกลงกับจีนในแพกเกจขนาดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสหรัฐฯจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากปักกิ่งเพื่อยุติสงครามยูเครน ทั้งนี้ ทรัมป์แถลง [12] ว่าเขาจะเดินทางไปเยือนจีนในเดือนเมษายนปีหน้า
เชิงอรรถ
[1] https://baijiahao.baidu.com/s?id=1847386511614040021
[2] https://baijiahao.baidu.com/s?id=1845872448665432949&wfr=spider&for=pc
[3] https://www.reuters.com/world/asia-pacific/china-buys-three-us-soybean-cargoes-ahead-trump-xi-meeting-sources-say-2025-10-29/
[4] https://baijiahao.baidu.com/s?id=1847393089440747398&wfr=spider&for=pc
[5] https://www.163.com/dy/article/KD4NU6RF0552KN3A.html
[6] https://baijiahao.baidu.com/s?id=1847406852815141574&wfr=spider&for=pc
[7] https://www.mfa.gov.cn/eng/xw/fyrbt/lxjzh/202507/t20250717_11672396.html
[8] https://www.mfa.gov.cn/eng/xw/fyrbt/lxjzh/202507/t20250717_11672396.html
[9] https://baijiahao.baidu.com/s?id=1847393089440747398&wfr=spider&for=pc
[10] https://asiatimes.com/2025/10/netherlands-mocked-as-pirate-after-taking-over-chinas-nexperia/
[11] https://asiatimes.com/2025/10/china-us-clash-in-global-shipping-after-chip-and-tariff-wars/
[12] https://www.reuters.com/world/asia-pacific/beijing-confirms-trump-will-visit-china-next-year-2025-10-30/


