ทรัมป์อ้างได้รับการยืนยันจากสี จิ้นผิง ว่าปักกิ่งจะไม่ใช้กำลังเข้าผนวกไต้หวันระหว่างที่ตนยังอยู่ในทำเนียบขาว ขณะที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ขู่ฟื้นมาตรการกดดันด้านภาษีศุลกากร ถ้าจีนตุกติกเรื่องแรร์เอิร์ธอีก
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 มินิตส์ ของเครือข่ายโทรทัศน์ซีบีเอสที่บันทึกเทปตั้งแต่วันศุกร์ (31 ต.ค.) และนำออกเผยแพร่ในวันอาทิตย์ (2 พ.ย.) ว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ตลอดจนพวกเจ้าหน้าที่ของสี กล่าวอย่างเปิดเผยระหว่างการประชุมสุดยอดระหว่างตนกับผู้นำจีนที่เกาหลีใต้เมื่อวันพฤหัสฯ ที่แล้ว (30 ต.ค.) ว่า จีนจะไม่ทำอะไรกับไต้หวัน ระหว่างที่ตนยังอยู่ในตำแหน่ง เพราะรู้ว่า ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
ทางเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กังวลมาโดยตลอดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จีนอาจใช้กำลังทหารกับไต้หวัน ซึ่งปักกิ่งระบุว่า เป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตน และจะต้องนำกลับมารวมชาติ แม้อาจต้องใช้กำลัง
ในการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง ทางสหรัฐฯประกาศยืนยันว่า จีนมีอยู่จีนเดียว นั่นคือสาธารณรัฐประชาชนจีนในปักกิ่ง รวมทั้งตัดสัมพันธ์ทางการทูตที่มีอยู่กับไต้หวัน ถึงแม้ยังคงการติดต่ออย่างไม่เป็นทางการเอาไว้
รัฐสภาสหรัฐฯยังออก กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวันปี 1979 ซึ่งไม่ได้กำหนดให้อเมริกาดำเนินการทางทหาร หากจีนบุกไต้หวัน แต่กำหนดให้อเมริกาดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่า ไต้หวันมีทรัพยากรในการป้องกันตนเองและป้องกันการเปลี่ยนสถานะฝ่ายเดียวโดยปักกิ่ง
ภายหลังการเจรจากับสีที่เกาหลีใต้ ทรัมป์กล่าวว่าไม่ได้มีการหยิบยกเรื่องไต้หวันขึ้นมาพูดคุยกันเลย สำหรับในการให้สัมภาษณ์ รายการ 60 มินิตส์ เมื่อถูกถามว่า จะสั่งให้กองทัพสหรัฐฯ ปกป้องไต้หวันหรือไม่หากถูกจีนโจมตี ทรัมป์ตอบว่า เมื่อถึงเวลานั้นแล้วจะรู้เอง และสำทับว่า สีตระหนักดีว่า อเมริกาจะดำเนินการอย่างไร
ทั้งนี้ คณะบริหารสหรัฐฯ ทั้งที่อยู่ภายใต้รีพับลิกันและเดโมแครต ต่างยึดถือนโยบาย “ความคลุมเครือทางยุทธศาสตร์” เกี่ยวกับไต้หวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการผูกมัดตัวเองว่า หากเกิดสถานการณ์ดังกล่าว อเมริกาจะต้องเข้าไปช่วยไทเปหรือไม่
อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า สีหรือเจ้าหน้าที่จีนแจ้งกับทรัมป์ตอนไหนว่า จะไม่ดำเนินการทางทหารกับไต้หวันระหว่างที่ทรัมป์ยังรับตำแหน่ง
ด้าน หลิว เผิงหยู โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำวอชิงตัน ไม่ได้ตอบตรงๆ เกี่ยวกับคำถามที่ว่า ทรัมป์ได้รับการรับรองจากสีหรือเจ้าหน้าที่จีนเกี่ยวกับไต้หวันจริงหรือไม่ แต่แถลงว่า ประเด็นไต้หวันถือเป็นกิจการภายในของจีนและถือเป็นผลประโยชน์แกนกลางของจีน จึงมีเพียงคนจีนเท่านั้นที่สามารถตัดสินใจปัญหาเกี่ยวกับไต้หวันได้ และจีนจะไม่ยอมให้บุคคลหรือกองกำลังใดมาแบ่งแยกไต้หวันไปจากจีน
ระหว่างให้สัมภาษณ์คราวนี้ ทรัมป์ยังกล่าวว่า แบล็กเวลล์ ซึ่งเป็นชิปปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ขั้นสูงล่าสุดของอินวิเดีย จะต้องจำกัดไว้สำหรับบริษัทอเมริกันเท่านั้น
คำพูดนี้บ่งชี้ว่า ทรัมป์อาจกำหนดข้อจำกัดเกี่ยวกับชิปเอไอขั้นสูงของอเมริกาซึ่งมีความเข้มงวดยิ่งกว่าที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุก่อนหน้านี้ โดยเป็นไปได้ว่า ไม่เฉพาะแต่จีนเท่านั้น แต่ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกอาจไม่สามารถเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ที่ซับซ้อนที่สุดของสหรัฐฯ
เกี่ยวกับเรื่องที่มีคนสงสัยกันมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ทรัมป์เปรยว่า อาจอนุญาตให้จัดส่งชิปแบล็กเวลล์เวอร์ชันที่ลดสเปกต่ำลงให้จีนได้นั้น ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวเรื่องนี้ระหว่างให้สัมภาษณ์คราวนี้ว่า อเมริกาอาจยอมให้จีนเจรจากับอินวิเดีย แต่ต้องไม่ใช่ชิปขั้นสูงสุด
ในอีกด้านหนึ่ง สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์รายการฟ็อกซ์ นิวส์ ซันเดย์ เมื่อวันอาทิตย์ (2) กล่าวโจมตีแดนมังกรว่า จีนซึ่งผูกขาดตลาดแรร์เอิร์ธ พิสูจน์ให้เห็นหลายครั้งว่า เป็นหุ้นส่วนที่ไว้วางใจไม่ได้ พร้อมเตือนว่า ถ้าจีนยังผิดสัญญาเรื่องแรร์เอิร์ธ อเมริกาจะฟื้นภาษีศุลกากรมาเล่นงานจีนอีกและครั้งนี้จะใช้มาตรการกดดันระดับสูงสุด
ทั้งนี้ ระหว่างการประชุมสุดยอดระหว่างทรัมป์กับสีเมื่อวันพฤหัสฯ ที่แล้ว ปักกิ่งประกาศระงับมาตรการจำกัดการส่งออกแร่ธาตุหายากหรือแรร์เอิร์ธที่บังคับใช้เมื่อเดือนตุลาคมออกไป 1 ปี ขณะที่อเมริกาแลกเปลี่ยนด้วยการลดภาษีศุลกากรสินค้าจีน 10%
เบสเซนต์สำทับว่า อเมริกาไม่ต้องการตัดขาดกับจีน แต่อาจจำเป็นต้องตัดความเสี่ยง
นอกจากนั้น ระหว่างให้สัมภาษณ์อีกครั้งในรายการสเตท ออฟ เดอะ ยูเนียนของซีเอ็นเอ็น ซึ่งออกอากาศในวันเดียวกัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยังกล่าวหาคณะบริหารชุดก่อนๆ ที่ปล่อยให้ปักกิ่งพัฒนากลยุทธ์แรร์เอิร์ธตลอดหลายปีที่ผ่านมา และเสริมว่า คณะบริหารชุดปัจจุบันกำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยมุ่งทำให้ได้ภายในปีสองปีนี้ เพื่อนำพาประเทศหลุดพ้นจากสถานการณ์ที่จีนพยายามใช้ความได้เปรียบด้านแรร์เอิร์ธกดดันอเมริกาและทั่วโลก
(ที่มา: เอพี/เอเอฟพี/รอยเตอร์)


