เอเจนซีส์ – รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ แสดงความรู้สึกวิตกอย่างร้ายแรงต่อความเคลื่อนไหวต่อความเคลื่อนไหวของปักกิ่งทั้งในทะเลจีนใต้และพื้นที่รอบไต้หวันและรวมไปถึงพันธมิตรของอเมริกาในภูมิภาคในการซัมมิตครั้งแรกร่วมกับรัฐมนตรีกลาโหมจีนต่งจวิน(Dong Jun) ในวันศุกร์(31 ต.ค)ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ระหว่างสหรัฐฯหลังได้ข่าวกรองลับหันเป้าหมายมาที่มหาสมุทรแปซิฟิกโจมตีเรือค้ายาเสพติด
สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานวันศุกร์(31 ต.ค)ว่า เป็นการพบปะในการประชุมข้างเคียงนอกรอบของการประชุมอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ในวันศุกร์(31 ต.ค) รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ หารือตัวต่อตัวเป็นครั้งแรกร่วมกับรัฐมนตรีกลาโหมจีน ต่งจวิน (Dong Jun) ตอกย้ำว่า สหรัฐฯไม่แสวงหา “ความขัดแย้ง” กับจีนแต่จะปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองอย่างกล้าหาญและมุ่งมั่นในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่ผู้นำกลาโหมสหรัฐฯเรียกภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกว่าถือเป็นภูมิภาคที่สำคัญของอเมริกา
เป็นการหารือร่วมกัน 1 วันหลังผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ พบกับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ที่มีการบรรลุสงบศึกทางการค้าชั่วคราว และในคราวเดียวกันประธานาธิบดีสหรัฐฯสร้างความประหลาดใจให้ทั้งจีนและรัสเซียด้วยการสั่งให้กองทัพสหรัฐฯหันมาทดสอบนิวเคลียร์รอบใหม่
แถลงการณ์จากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯมีใจความว่า “รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ ได้แสดงความสำคัญถึงยังคงความสมดุลทางอำนาจในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เขาได้ย้ำถึงความวิตกของสหรัฐฯอย่างร้ายแรงเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของจีนในทะเลจีนใต้ และพื้นที่รอบไต้หวันและรวมไปถึงพันธมิตรของอเมริกาและภาคีภายในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก”
และย้ำว่า “รัฐมนตรีเฮกเซธตอกย้ำว่าในขณะที่สหรัฐฯไม่แสวงหาความขัดแย้ง แต่(อเมริกา)จะยังคงจะปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองอย่างกล้าหาญและมุ่งมั่นและตัวเองมีความมั่นใจว่ามีความศักยภาพในภูมิภาคที่จะทำเช่นนั้น”
ทั้งนี้เมื่อกันยายนก่อนหน้า รัฐมนตรีกลาโหมจากทั้ง 2 ชาติได้มีการหารือทางโทรศัพท์ร่วมกันเป็นครั้งแรก โดยในเวลานั้นเฮกเซธยืนยันเหมือนเช่นที่เขากล่าวต่อหน้ารัฐมนตรีกลาโหมจีนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ว่า อเมริกาไม่ต้องการแสวงหาความขัดแย้งกับจีนหรือต้องการเปลี่ยนรัฐบาลหรือบีบจีน แต่ยืนยันว่า “สหรัฐฯ” มีผลประโยชน์สำคัญภายในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกและจะปกป้องไว้อย่างถึงที่สุด
เกิดขึ้นท่ามกลางการรายงานล่าสุดของ CNN ของสหรัฐฯในวันเสาร์(1) ที่ระบุว่า เพนตากอนหันเป้าหมายการโจมตีเรือค้ายาเสพติดในมหาสมุทรแปซิฟิกอย่างตั้งใจ
ทั้งนี้พบว่ากระทรวงการสงครามสหรัฐฯไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาตั้งใจเปลี่ยนทิศทางยุทธศาสตร์ของตัวเองโจมตีเป้าหมายกลุ่มลักลอบค้ายาเสพติดในทางตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกมากกว่าที่ทะเลแคริบเบียน
เกิดขึ้นหลังข่าวกรองลับสหรัฐฯชี้ไปว่า ยาเสพติดโคเคนนั้นน่าจะลักลอบขนมาจากโคลัมเบียหรือเม็กซิโกมากกว่าจะมาจาก “เวเนซุเอลา” และกลายเป็นคำถามกลับไปถึงเหตุผลทที่แท้จริงที่สหรัฐฯส่งกำลังทหารมหาศาลในน่านน้ำใกล้เวเนซุเอลา
ซึ่งการโจมตีเรือขนยาเสพติด 4 ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกและเชื่อว่าการโจมตีในอนาคตจะเกิดขึ้นในโซนนั้นเนื่องมาจากมีความเชื่อมโยงมากกว่าต่อตลาดสหรัฐฯ


