นายกรัฐมนตรี มาร์ค คาร์นีย์ แห่งแคนาดา ยอมรับวันนี้. (1 พ.ย.) ว่าตนได้เอ่ยปากขอโทษประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เกี่ยวกับโฆษณาทางการเมืองต่อต้านภาษีศุลกากรแล้ว และได้แจ้งต่อ ดั๊ก ฟอร์ด นายกรัฐมนตรีของรัฐออนแทรีโอ ว่าอย่าได้เผยแพร่โฆษณาดังกล่าว
คาร์นีย์ ให้สัมภาษณ์หลังจากเข้าร่วมการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่เกาหลีใต้ โดยระบุว่าเขาได้กล่าวขอโทษ ทรัมป์ เป็นการส่วนตัว ระหว่างเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพเมื่อวันพุธ (29 ต.ค.)
“ผมขอโทษท่านประธานาธิบดีจริงๆ” คาร์นีย์ กล่าว ซึ่งเป็นการยืนยันความเห็นของ ทรัมป์ เมื่อวันศุกร์ (31)
คาร์นีย์ ยังเผยด้วยว่า เขาได้ตรวจสอบโฆษณาดังกล่าวกับ ฟอร์ด ก่อนที่จะออกอากาศ และเตือนอีกฝ่ายแล้วว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการใช้โฆษณานี้
“ผมบอกฟอร์ดแล้วว่า ผมไม่ต้องการให้ใช้โฆษณาแบบนี้” เขากล่าว
โฆษณาดังกล่าวถูกว่าจ้างผลิตโดย ฟอร์ด นักการเมืองสายอนุรักษนิยมฝีปากกล้าที่บางครั้งก็ถูกนำไปเปรียบเทียบกับทรัมป์ โดยมีการยกเอาคำพูดสั้นๆ ของอดีตประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน ผู้นำสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน ที่กล่าวว่า "ภาษีศุลกากรก่อให้เกิดสงครามการค้า และหายนะทางเศรษฐกิจ"
ทรัมป์ ตอบโต้โฆษณาตัวนี้ด้วยการประกาศว่าจะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดา และสหรัฐฯ ยังระงับการเจรจาการค้ากับแคนาดาด้วย
ระหว่างเดินทางออกจากเกาหลีใต้เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ทรัมป์ กล่าวว่าเขามีบทสนทนาที่ "ดีมาก" กับ คาร์นีย์ ในงานเลี้ยงอาหารค่ำ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม และในวันศุกร์ (31) ทรัมป์ ยังคงยืนยันว่า สหรัฐอเมริกาและแคนาดาจะไม่ฟื้นการเจรจาการค้าอีกครั้ง
คาร์นีย์ กล่าวว่า การเจรจากับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (31) ถือเป็นจุดเปลี่ยนในความสัมพันธ์แคนาดา-จีน หลังจากที่ตึงเครียดมานานหลายปี
การพบปะอย่างเป็นทางการครั้งสุดท้ายระหว่างผู้นำแคนาดาและจีนเกิดขึ้นในปี 2017 เมื่อนายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโดในขณะนั้นได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นสั้นๆ กับ สี จิ้นผิง ในการประชุมที่นครซานฟรานซิสโก
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีพลเมืองแคนาดาหลายคนถูกควบคุมตัวและประหารชีวิตในจีน และเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของแคนาดายังสรุปว่าจีนใช้ปฏิบัติการแทรกแซงการเลือกตั้งระดับชาติอย่างน้อย 2 ครั้ง
คาร์นีย์ กล่าวว่า เขาได้หารือเกี่ยวกับการแทรกแซงจากต่างประเทศกับ สี จิ้นผิง รวมถึงประเด็นอื่นๆ
เขายอมรับด้วยว่า การเดินทางเยือนเอเชียเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของแคนาดาที่จะลดการพึ่งพาสหรัฐฯ
“มันคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน แต่เรากำลังก้าวไปอย่างรวดเร็วมาก” เขากล่าว
ที่มา: รอยเตอร์


