เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ กำลังจะเสด็จไปยังบราซิลในสัปดาห์หน้าเพื่อทรงเข้าร่วมการประชุมโลกร้อนสหประชาชาติ COP30 ครั้งสำคัญเกิดขึ้นในประเทศที่มีป่าอเมซอนที่กว้างใหญ่ แต่ทว่าเมื่อวันอังคาร(28 ต.ค) รัฐบาลบราซิลเดินหน้ากวาดล้างแก๊งยาเสพติดสังหารไปไม่ต่ำกว่า 132 คน ครอบครัวเหยื่อโวยใช้วิธีสุดโหดสังหารอย่างเลือดเย็น
เดลีเมลของอังกฤษรายงานวันพฤหัสบดี(30 ต.ค)ว่า กลายเป็นที่สนใจไปทั่วโลกสำหรับการประชุมโลกร้อนสหประชาชาติ COP30 ที่จะถูกจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10 พ.ย -วันที่ 21 พ.ยที่จะมีจากทั้งภาครัฐทั่วโลกภาคเอกชนและผู้เชี่ยวชาญเดินทางเข้าร่วม
และในงานนี้สมาชิกราชวงศ์อังกฤษ เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ จะเสด็จเข้าร่วมการประชุมและพระองค์จะประทานรางวัล1 ล้านปอนด์สำหรับนวัตกรรมการคิดค้นด้านสิ่งแวดล้อม
สำหรับป่าอเมซอนที่เป็นหัวใจทางด้านสิ่งแวดล้อมของบราซิล เอเอฟพีชี้ว่าการถางป่าในป่าอเมซอนของบราซิลลดลง 11% ถือเป็นการลดลงเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน อ้างอิงข้อมูลจากรัฐบาลบราซิล
แต่ทว่ากลับกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลกเมื่อในวันอังคาร(28) ทางการบราซิลส่งตำรวจและทหาร 2,500 นายบุก 2 จุดเข้า favelas of Penha และ Complexo de Alemao เพื่อทำการกวาดล้างแก๊งยาเสพติดอย่างไม่ทันตั้งตัว
เจ้าหน้าที่รัฐริโอเดจาเนโร แถลงวันอังคาร(28)ว่า มีผู้เสียชีวิตไปไม่ต่ำกว่า 132 คนรวมตำรวจ 4 นาย
พบว่าภายใต้ฎิบัติการ Operation Containment ที่มีขนาดปฎิบัติการขนาดใหญ่เพื่อต้องการกวาดล้างแก๊งยาเสพติด Comando Vermelho ชื่อดัง
สามารถยึดปืนไรเฟิลได้ 93 กระบอกและในปฎิบัติการที่เริ่มมาตั้งแต่เช้าตรู่สามารถยึดยาเสพติดได้อีกถึงครึ่งตัน
เดเลีเมลรายงานว่า แหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อกล่าวว่า “หลังการเสียชีวิตครั้งมโหฬารที่ไม่คาดฝันในสงครามระหว่างแก๊ง รัฐบาลได้สั่งเรียกจำนวนเพิ่มขึ้นหลายพันนายทั้งเป็นเจ้าหน้าที่และกองทัพ”
พร้อมเสริมว่า “สายตาทุกคู่จะอยู่ที่ริโอ (ริโอเดจาเนโร) เมื่อเจ้าชายวิลเลียมประทับที่นั่น และมีความวิตกอย่างแท้จริงว่าอาจจะมีความรุนแรงปะทุขึ้นอีกครั้งระหว่างพระองค์ประทับในบราซิล
เอเอฟพีรายงานวันศุกร์(31)ว่า มาตรการแข็งกร้าวต่อแก๊งค้ายาเสพติดที่มักผลักดันจากการเมืองฝ่ายขวานั้นกำลังเดินหน้าไปด้วยดีในประเทศที่มีความวิตกถึงปัญหาความรุนแรงจากแก๊งยาเสพติด
แม้กระทั่งประธานาธิบดีบราซิลปีกซ้าย ลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ที่มักโดนคำวิจารณ์ว่า ไม่ยอมใช้มาตรการแข็งกร้าวกับปัญหาอาชญากรรม แต่เขากลับออกมาแสดงจุดยืนสนับสนุนปฎิบัติการกวาดล้างริโอเดจาเนโรที่เกิดขึ้นในวันอังคาร(28)
“พวกเราไม่สามารถยอมรับให้อาชญากรรมองค์กรสามารถดำเนินต่อเพื่อทำลายครอบครัว กดขี่ชาวเมืองและแพร่กระจายยาเสพติดและความรุนแรงทั่วไปตามเมืองต่างๆ” ลูลาแถลงบนแพลตฟอร์ม X
และเสริมว่า “พวกเราต้องการงานที่มีการประสานที่จะโจมตีไปที่กระดูกสันหลังของการลักลอบค้ายาเสพติดโดยที่ไม่ต้องทำให้ตำรวจที่บริสุทธิ์ เด็ก และครอบครัวต่างๆตกอยู่ในความเสี่ยง”
เอเอฟพีรายงานว่า อย่างไรก็ตามการทำสงครามยาเสพติดนี้ทำให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตออกมาวิพากษ์วิจารณ์ต่อความรุนแรงที่เจ้าหน้าที่ใช้ในการวิสามัญเหล่านั้น
ราคีล โทมัส (Raquel Tomas) แม่ของเหยื่อที่เป็นลูกชายวัย 19 ปีที่พบลูกตัวเองอยู่ในสภาพถูกหั่นเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า
“พวกเขาปาดคอลูกชายของดิฉัน ตัดคอเขาและแขวนศีรษะไว้บนต้นไม้ไม่ต่างจากโล่ห์เกียรติยศ” โทมัสกล่าว
พร้อมเสริมว่า “คนเหล่านั้นสังหารลูกชายดิฉันโดยไม่ให่โอกาสเขาป้องกันตัวเอง เขาถูกฆาตรกรรม”
ทนายความตัวแทนทางกฎหมายเหยื่อ 3 ครอบครัวที่เสียชีวิตเปิดเผยว่า มีบางส่วนถูกสังหารอย่างทารุณ และหลายศพโดนสังหารระหว่างถูกมัด
ปฎิบัติการ Operation Containment นั้นยังเรียกเสียงตำหนิจากต่างประเทศ
เอเอฟพีรายงานว่า เลขาธิการใหญ่สหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตร์เรส ที่ออกมาแสดงความวิตกจากตัวเลขสูญเสีย ขณะที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติว่าด้วยสิทธิมนุษยชน OHCHR นั้นออกแถลงว่า รู้สึกตระหนกตกใจพร้อมเรียกร้องให้มีการสอบสวนอย่างเร่งด่วน
ภายในปฎิบัติการที่มีตำรวจหลายร้อยคนได้รับการสนับสนุนโดยเฮลิคอปเตอร์ ยานยนต์หุ้มเกราะ และโดรนในวันอังคาร(28)บุกเข้า 2 จุดในสลัมริโอเดจาเนโรที่เป็นฐานที่มั่นสำคัญของแก๊ง Comando Vermelho
เจ้าหน้าที่ตำรวจดวลปืนอย่างหนักกับสมาชิกแก๊ง่งผลทำให้บรรดาชาวบ้านต้องหาที่หลบภัยเร่งด่วน
แก๊ง Comando Vermelho ได้ยึดรถบัสไว้หลายสิบคันเพื่อปิดกั้นถนนไฮเวย์หลักก่อนส่งฝูงโดรนติดระเบิดไปโจมตีตำรวจ


