รัฐมนตรีเหมืองและพลังงานกัมพูชา กล่าวอ้างเมื่อวันพฤหัสบดี(30ต.ค.) ว่าการระงับนำเข้าน้ำมันจากไทยที่กินเวลามานานกว่า 4 เดือนแล้ว ยังไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อพลเมืองเขมร นั่นหมายความว่ากัมพูชายังคงมีน้ำมันใช้ตามความต้องการและราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับปกติ รวมถึงไม่พบเห็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตามสถานีบริการต่างๆทั่วประเทศ
นายแก้ว รัตนัค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของกัมพูชา ให้ความเห็นดังกล่าว ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่อมวชน หลังเสร็จสิ้นกล่าวสุนทรพจน์ในกิจกรรมทางพลังงานหนึ่งในกรุงพนมเปญเมื่อช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี(30ต.ค.) "วันนี้ ประชาชนรู้แล้วว่ามีเขามีเงินซื้อน้ำมันหรือไม่ ประชาชนมีเงินสำหรับซื้อเชื้อเพลิงได้ทุกๆแห่ง เพราะฉะนั้นการไม่นำเข้าเชื้อเพลิงจากไทย ไม่ส่งผลกระทบทางลบใดๆ ในทางกลับกัน เรามีเชื้อเพลิงเพียงพอสำหรับพลเรือน และมันไม่ส่งผลกระทบต่อราคา"
รายงานข่าวของเฟรชนิวส์ระบุว่านับตั้งแต่ทหารไทยยิงทหารกัมพูชาเสียชีวิตในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ความตึงเครียดระหว่าง 2 ชาติได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกกลุ่มหัวสุดโต่งในไทยและบุคคลในรัฐบาลไทย ขู่ตัดอินเตอร์เน็ตและอุปทานไฟฟ้า และจากนั้นพรรคฝ่ายค้านไทยพรรคหนึ่งชี้แนะให้รัฐบาลหยุดขายเชื้อเพลิงแก่กัมพูชา ในส่วนของกัมพูชาตอบโต้กลับ บอกว่ามองพฤติกรรมดังกล่าวไม่ใช่แค่การข่มขู่ แต่มันเป็นดูหมิ่นเหยียดหยามอย่างร้ายแรง
กัมพูชา ตอบโต้กลับด้วยการตัดไฟฟ้าด้วยตนเองและหยุดนำเข้าอินเตอร์เน็ต จากนั้น ฮุน เซน ประธานวุฒิสภา ตัดสินใจระงับการนำเข้าเชื้อเพลิงและก๊าซทั้งหมดจากไทย เริ่มมาตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 22 มิถุนายน ขณะเดียวกันประชาชนชาวกัมพูชาก็ดำเนิการตามอย่างความเคลื่อนไหวของรัฐบาล เริ่มต้นบอยคอตต์สินค้านำเข้าจากไทย
นายเตีย เสียม นักธุรกิจ ผู้ถือสิทธิ์สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ในกัมพูชา เรียกร้องเจ้าของสถานีบริการปตท.หลายแห่งหยุดนำเข้าเชื้อเพลิงจากไทย โดยบอกว่า "ประชาชนสามารถทนความทุกข์ยาก แต่พวกเขาไม่อาจทนต่อการดูหมิ่นเหยียดหยาม"
ทั้งนี้นายเตีย เสียม ซึ่งหันมาจัดตั้งบริษัทน้ำมันที่เรียกว่า PEACE Petroleum (กัมพูชา) หันมานำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่นๆแทนไทย ในการป้อนอุปทานเชื้อเพลิงแก่พลเมืองกัมพูชา ตามสถานีบริการต่างๆที่เคยถูกใช้ขายน้ำมันของปตท.
(ที่มา:เฟรชนิวส์)
 
                    

