วังเครมลินในวันพฤหัสบดี(30ต.ค.) แสดงปฏิกิริยาตอบสนองอย่างระมัดระวังต่อความเห็นของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สั่งการให้สหรัฐฯกลับมาทดสอบนิวเคลียร์อีกรอบ โดยบอกว่ารัสเซียไม่เคยทดสอบอาวุธดังกล่าว แต่ถ้าวอชิงตันทำ ทางมองโกก็จะดำเนินการแบบเดียวกัน
ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี(30 ต.ค.) ทรัมป์ ออกคำสั่งให้กองทัพสหรัฐฯ กลับมาทดสอบนิวเคลียร์อีกครั้งในทันที หลังว่างเว้นไปนาน 33 ปี ไม่กี่นาทีก่อนหน้าเริ่มการประชุมร่วมกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน
ทรัมป์ กล่าวว่าเพราะประเทศอื่นๆกำลังทดสอบโครงการนิวเคลียร์ของตนเอง "ดังนั้นสหรัฐฯจึงจะเริ่มการทดสอบบนพื้นฐานของความเท่าเทียม"
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลินบอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "ประธานาธิบดีทรัมป์ พาดพิงในถ้อยแถลงว่าประเทศอื่นๆกำลังง่วนอยู่กับการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ จนกระทั่งตอนนี้ เราไม่เห็นรู้ว่ามีใครกำลังทดสอบอยู่"
เขาบอกต่อว่ารัสเซียไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าจากสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเปลี่ยนท่าทีของวอชิงตันในเรื่องของการทดสอบนิวเคลียร์
เมื่อถามว่าวังเครมลินคิดหรือไม่ว่าความเห็นของทรัมป์ อาจโหมกระพือการแข่งขันสะสมอาวุธนิวเคลียร์ ทาง เปสคอฟ ตอบว่า "ก็ไม่เชิง"
เปสคอฟเน้นว่าการที่รัสเซียทดสอบขีปนาวุธร่อน "บูเรเวสต์นิก" ไปเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม และซูเปอร์ตอร์ปิโดพลังงานนิวเคลียร์ "โพไซดอน" ไปเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ชัดเจนอย่างที่สุดว่าไม่ใช่การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์
ในขณะที่ ปูติน ผู้บัญชาการคลังแสงนิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดในโลก เคยพูดซ้ำๆก่อนหน้านี้ ว่าถ้ามีประเทศไหนทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เมื่อนั้นรัสเซียก็จะทำเช่นกัน
"ผมขอย้อนคำพูดของท่านประธานาธิบดีปูติน ซึ่งเน้นย้ำหลายครั้งว่า ถ้าใครละทิ้งการหยุดทดสอบนิวเคลียร์ รัสเซียก็จะดำเนินการอย่างเหมาะสม" เปสคอฟระบุ
รัสเซียในยุคหลังสหภาพโซเวียตไม่เคยทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ส่วนโซเวียตทำการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งสุดท้ายต้องย้อนกลับไปในปี 1990 ขณะที่สหรัฐฯทดสอบนิวเคลียร์ครั้งสุดท้ายในปี 1992 และจีนในปี 1996
(ที่มา:รอยเตอร์)
 
                    

